ตร. ‘ไทย-กัมพูชา’ ปราบแก๊งคอลฯ เปิด ‘มาสเตอร์มาย’ ทีมสืบสวน Coming soon โค่นตัวการใหญ่/โล่เงิน

โล่เงิน

 

ตร. ‘ไทย-กัมพูชา’ ปราบแก๊งคอลฯ

เปิด ‘มาสเตอร์มาย’ ทีมสืบสวน

Coming soon โค่นตัวการใหญ่

 

ทุกข์คนไทย พ.ศ.นี้นอกจากเผชิญการระบาดโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่แล้ว มีปัญหาข้าวยากหมากแพง จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยรังควานสร้างความเดือดร้อนมาตลอด

แน่นอนเมื่อคนในสังคมโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาด จำเลยคือตำรวจ ถูกตั้งคำถามว่ามัวทำอะไรอยู่ ปล่อยผู้คนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าจากการกระทำแก๊งนี้

“บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายมั่นคงและกิจการพิเศษ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แก้ปัญหานี้

แล้ว “ผบ.ปั๊ด” ให้ “ศิษย์เอก” ยอดนับสืบ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 มาเป็นมือทำงานให้ “บิ๊กเด่น” แล้วไปฟอร์มทีมงานขึ้นมา

ต่อมาชุดปฏิบัติการนี้ได้สืบทราบแหล่งกบดานแก๊งคอลเซ็นเตอร์พบว่า ตั้งฐานปฏิบัติการหลักอยู่จังหวัดพระสีหนุ ที่กรุงพนมเปญ และปอยเปตบ้าง แฝงในกาสิโน เพราะที่นั่นบ่อนถูกกฎหมาย มีมาเฟียจีนและไต้หวันคุม คนไทยเป็นพนักงานโอเปอเรเตอร์ต่อสาย สร้างสตอรี่โทร.มาหลอกคนไทยด้วยกัน

ช่วงแรกๆ พนักงานส่วนใหญ่มีการศึกษาใช้คอมพิวเตอร์เป็น ระหว่างที่โควิดระบาด เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติมาทำงานได้เงินเดือนราวๆ 3 หมื่นบาท และมีค่าคอมมิสชั่น

พอเริ่มแพร่หลายเฟื่องฟู มีนายหน้าคนไทย คนจีน ไปชักจูงคนในหมู่บ้านมาทำงาน มีรถไปรับตามจังหวัดต่างๆ เช่น สุรินทร์ อุดรธานี คิดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง คุณภาพคนเริ่มลดลง

 

ในที่สุดนำมาสู่ “ปฏิบัติการบูรพา 491” เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ปูพรมตะเข็บชายแดน จ.สระแก้ว ตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดนไปกัมพูชา พร้อมออกหมายจับ 71 ราย จากนั้นขยายผลถึงตัวการใหญ่

และเพื่อให้ปฏิบัติการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ต้องได้รับความร่วมมือจาก “เจ้าบ้าน” จึงนำไปสู่การเข้าพบ พล.อ.เซา ซกคา รอง ผบ.สส. และ ผบ.สห. ของ “บิ๊กเด่น” กับนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการ รมว.ดีอีเอส เพื่อร่วมมือจับกุมแก๊งนี้ในกัมพูชา เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ มีการเตรียมทำบันทึกลงนามข้อตกลงระหว่าง 2 กระทรวง คือ ดีอีเอสไทย และกระทรวงไปรษณีย์โทรเลขและการสื่อสาร กัมพูชา รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และกรมตำรวจกัมพูชา

จากนั้นได้ลงมือเข้าตรวจค้น 3 จุดพร้อมกัน คือ อาคาร Y.N Hotel กรุงพนมเปญ อาคารตรงข้าม Sokha Vegas Caniso และอาคาร Chinatown GM Office ในเมืองพระสีหนุ จับ 21 คนไทย

ต่อมา 20 มีนาคม ได้สนธิกำลังร่วมค้นรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 จุด ในเมืองพระสีหนุ ได้ผู้ต้องหา 61 ราย

จุดที่ 1 โรงงานร้างไม่มีเลขที่ ถ.Santepheap พบว่ามีการหลอกลวงโดยโทร.ไปหาเหยื่อแล้วอ้างว่ามีพัสดุจากบริษัทขนส่ง DHL หรือ FedEX ถูกด่านกรมศุลกากรอายัดไว้และมีสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นจะมีการสวมรอยเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ติดต่อไปตรวจสอบบัญชีหรือตรวจสอบการเงินเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินให้

เหิมเกริมถึงขั้นใช้รูปโปรไฟล์ในแอพพลิเคชั่นเป็น “บิ๊กปั๊ด”

ซึ่งจุดนี้ได้จับ “บอสใหญ่” เป็นชาวไต้หวัน 2 คน เมื่อประสานตำรวจไต้หวันพบว่าเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด และฉ้อโกง

จุดที่ 2 อาคาร Diwei Entertainment City ถนน 2 Thnou เปิดเป็นบ่อนกาสิโนบังหน้า ลักลอบทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนชั้น 5 ของตึก

ที่น่าสนใจการบุกค้นครั้งนี้ พบตำรา “พารวย” ปลุกใจชาวคอลเซ็นเตอร์ สคริปต์ตอบโต้เหยื่อ เป็นบทสนทนา ถือเป็นคัมภีร์ใช้โทร.มาหลอกคน อยู่บนกระดานในออฟฟิศหลายข้อความ เช่น ถ้าลูกค้าพูดว่าอะไรให้ตอบว่าอะไร, ขอยอดเดือนนี้ 2 ล้านด้วยเถอะ สาธุ สาธุ ขอให้ลูกปลดหนี้หมดเร็วๆ ลูกจะกลับบ้านไปจัดชุดใหญ่เลย, คนที่จะโดนยังไงก็โดนอยู่ดี เราไม่กินบริษัทอื่นก็กินอยู่ดี ทำทุกสายให้ดีที่สุดก็พอ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าที่พระสีหนุยังมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เวียดนามและฟิลิปปินส์ที่โทร.ไปหลอกคนชาติตัวเองด้วย แต่ไม่มีแก๊งไหนหลอกชาวกัมพูชา ทำให้ไม่มีผู้เสียหายที่จะแจ้งความดำเนินคดี

 

ตอนนี้ทีมตำรวจไทยยังคงทำงานฝังตัวในกัมพูชาต่อ เพราะพบว่ามีคนไทยที่ยังทำงานอยู่ 200 กว่าคน ได้ข่าวว่าเร็วๆ นี้จะมีข่าวดีจับตัวการใหญ่ได้

โฟกัสลงไปที่ทีมสืบสวนชุดนี้ ต้องยกให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส. บก.สส.ภ.2 เป็น “มาสเตอร์มายด์” จบ ตท.31 และ นรต.รุ่น 47

มีความโดดเด่นพิเศษ นอกจากฝีมือในการเป็นนักสืบสวนแล้ว ยังจบหลักสูตรภาษาจีน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ และประกาศนียบัตร อบรมด้านอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สถาบันเหม่ยญ่า จีน ช่วยให้การสืบสวนเข้าถึงตัวการมาเฟียจีนได้ง่ายขึ้น

พ.ต.อ.วรพจน์เคยได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนดีเด่น ปี 2538

ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ปี 2554

และโรงพักเพื่อประชาชนดีเด่น ระดับสารวัตร ปี 2555

ผลงานการันตีคุณภาพ เคยทำคดีดังๆ จำนวนมาก อาทิ คดีทลายแก๊งลักรถจักรยานยนต์รายใหญ่ ในพื้นที่ ภ.1 ปี 2548

ปี 2555 ทำคดีปล้นรถขนเงิน สภ.อินทร์บุรี

ปี 2559 คดีแก๊งลากตู้เอทีเอ็ม สภ.พรหมบุรี

ปี 2560 ร่วมปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ศปอส.ตร. ในต่างประเทศ มีจีน กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ปี 2561 คดีค้ามนุษย์อูกานดา และคดีจับกุมเจ้าของร้านเว็ดดิ้งหลอกขายฝัน เสียหายกว่า 300 ราย มูลค่ารวม 300 กว่าล้านบาท

ปี 2562 คดีวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พื้นที่ กทม.และนนทบุรี รวม 14 จุด

ปี 2565 คดียิงนายก อบต. สภ.ดงละคร และเป็น 1 ในมือสืบสวนสำคัญทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้

และเพื่อตอบแทนที่ทางกัมพูชาให้ความร่วมมือ อีกทั้งเป็นการปูทางเอ็มโอยูความร่วมมือกับตำรวจทั้งสองประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยยังจัดฝึกอบรมการอารักขาและรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญและต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกัน

โดยเริ่มวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา-13 เมษายน ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาด้วย