นทธี ศศิวิมล นักเขียนมีหูหนึ่งในลองลิสต์ซีไรต์ “60

ประกาศผลออกมาเรียบร้อยโรงเรียนโอเรียนเต็ลแล้ว สำหรับผลงานเรื่องสั้นของนักเขียนที่ส่งเข้าร่วมประชันฝีมือรอบเรื่องสั้นปีนี้ ในทั้งหมด 57 เล่ม

กรรมการรอบแรกคัดเหลือ 17 เล่ม

ซึ่งทั้ง 17 เล่มนี้มีเรื่องอะไรบ้าง สามารถไปหาอ่านรายละเอียดได้จากหน้าเฟซบุ๊กคนวรรณกรรมทั้งหลายประดามี

โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก คุณพินิจ นิลรัตน์ ซึ่งถือเป็นกาคาบข่าวเร็วที่สุดในยุคนี้

ย้อนไปนิดหนึ่งตอนมีการเลื่อนวันหมดเขตส่งหนังสือเข้าประกวด มีแรงกระเพื่อมจากการขว้างหินว่า เลื่อนเพราะรอสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่งหรือเปล่า

ซึ่งตรงนี้หากคิดในทางมืด ก็อาจมองว่า ซีไรต์ไม่มีบรรทัดฐานที่น่าเชื่อถือ ถูกสำนักพิมพ์ใหญ่สั่งได้

และจากความไม่น่าเชื่อถือตรงนี้ส่งผลให้นักเขียนคนหนึ่งทางภาคใต้ประกาศถอนเรื่องสั้นตัวเองออกจากการประกวด

แต่หากคิดในทางสว่างการมีหนังสือส่งเข้าประกวดมากเล่มย่อมดีกว่ามีน้อยเล่ม

เลื่อนเวลาหมดเขตไปสักห้าวันสิบวันคงไม่เป็นอะไรมากนัก รางวัลอื่นๆ ก็เห็นมีเลื่อนกำหนดวันหมดเขตส่งออกปล่อยไป เพื่อนักเขียนที่ส่งเข้าประกวดได้มีคู่แข่งที่เข้มข้นหลากคนหลากฝีมือ ให้กรรมการได้คัดเลือกสุดยอดผลงานที่เยี่ยมที่สุดออกสู่สายตานักอ่าน

แต่เป็นที่น่าสะท้อนย้อนนึกนิดหนึ่งตรงที่ว่า เมื่อสามปีที่แล้ว สำนักพิมพ์ใหญ่เดียวกันนี้ส่งงานทันวันหมดเขตรับประกวดปีนั้น กลับลืมส่งผลงานของ นทธี ศศิวิมล ไปเสียนี่

แต่ก็เอาเถอะ มันก็ผ่านมาแล้ว อะไรๆ ก็ผิดพลาดกันได้บนโลกใบหม่นๆ นี้

แรงกระเพื่อมรอบสองเมื่อหนึ่งในกรรมการรอบคัดเลือก 7 คนประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการ เนื่องจากเอาข่าววงใน ขั้นตอนต่างๆ ในการพิจารณาตัดสินของกรรมการมาโพสต์เฟซบุ๊กให้ชาววรรณกรรมได้รับทราบ

แล้วมีผู้ใหญ่ในวงการวรรณกรรมตักเตือน ประมาณว่าไม่เคยมีธรรมเนียมทำแบบนี้มาก่อน อาจจะทำให้ความอึมครึมขรึมขลังของซีไรต์เสื่อมลงได้ อะไรแบบนี้

จนส่งผลให้กรรมการคนนี้นอกจากประกาศลาออกจากกรรมการรอบคัดเลือกซีไรต์แล้ว

ยังประกาศลาออกจากกรรมการของสมาคมนักเขียนฯ อีกด้วย

ตามที่จั่วหัวเรื่องว่า นทธี ศศิวิมล นักเขียนมีหูหนึ่งในลองลิสต์ซีไรต์ 2560 ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากนั้น หากยึดเอา คำว่า “หู” ในความหมายบทกลอนแห่งปีตอนนี้

ที่บอกว่า หนึ่งในนักเขียนมีหูหนึ่งในลองลิสต์ นั่นก็เพราะ นทธี ศศิวิมล เป็นนักเขียนหญิงหนึ่งใน 5 คนที่มีผลงานเข้ารอบแรก โดยผลงานของเธอเล่มนี้ชื่อว่า “อันเป็นที่รัก”

อันเป็นที่รัก เป็นงานรวมเรื่องสั้น 15 เรื่อง สะท้อนความสัมพันธ์ของผู้คน สถานที่ เรื่องราว และความทรงจำอันเป็นที่รัก

โดยผู้เขียนลงทุนจัดพิมพ์เองในรูปแบบปริ๊นต์ออนดีมานด์

ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจติดรถถังเรือดำน้ำแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สำนักพิมพ์ต่างๆ ชะลอการจัดพิมพ์วรรณกรรมสามซ่า นิยาย-เรื่องสั้น-บทกวี หน้าฤดูซีไรต์ แต่นักเขียนก็ยังต้องทำงานและดิ้นรนเพื่อขืนเข็นผลงานตัวเองให้ไปสู่จุดที่โดดเด่นขึ้น ซึ่งอย่างน้อยๆ ใน 17 เล่มที่เข้ารอบก็มีกว่า 5 เล่มที่นักเขียนลงทุนพิมพ์เอง

อาจพิมพ์เฉพาะกิจหรือไม่ก็พิมพ์ในนามสำนักพิมพ์ที่ตัวเองตั้งขึ้น

นทธี โดดเด่นมากในเรื่องเคี่ยวความรู้สึกภายในใส่อารมณ์อ่อนไหวออกมาเป็นความรักผ่านตัวอักษร โดยเฉพาะความรักที่มีต่อลูก

ดังจะเห็นได้เรื่อง ลูกของลูกสาว ที่ใช้ความรู้ทางจิตวิทยาผนวกกับความรักลูกที่เธอมีเต็มเปี่ยมสื่อระบายออกมาอย่างมีชั้นเชิง สวยงาม อ่อนไหว เศร้า และหักมุม

จนส่งผลให้เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รับรางวัลดีเด่น สุภาว์ เทวกุล ประจำปี 2553

และเรื่อง เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม ที่เอาภาพจริงกับภาพแต่งเกี่ยวกับเรื่องลูกน้อยของเธอมาแรเงาด้วยดินสอวรรณศิลป์ ให้มีมิติบีบคั้นอารมณ์ผู้อ่านได้อย่างน่าประทับใจ

นอกจากถ่ายทอดเรื่องราวความรักจากแม่ที่มีต่อลูกได้อย่างถึงอารมณ์แม่แล้ว ความรักแบบหนุ่มสาวเธอก็ทำได้น่าชื่นชมปานกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฉันแค่กลับมาเอาของ มักกะลีผล หรือแม้แต่แนววิทยาศาสตร์เธอก็ทำได้ดี เช่นเรื่อง ความผิดพลาดที่ไม่อาจซ่อมได้, Heal

ว่ากันด้วยรางวัล นทธี ศศิวิมล ถือว่าเป็นมือรางวัลคนหนึ่งในบรรดานักเขียนไทยรุ่นใหม่ปัจจุบัน เธอกวาดมาแล้วทั้งรางวัลเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ชนะเลิศมติชนอะวอร์ด, เรื่องสั้นยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, รางวัลสุภาว์ เทวกุล, รางวัลอิวากิ, รางวัลหนังสือดีเด่นแห่งชาติ จาก สพฐ. รางวัลรพีพร ฯลฯ ซึ่งเธอมีผลงานมาแล้วกว่า 11 เล่ม มีบางเรื่องบางเล่มถูกนำไปแปลเผยแพร่เป็นภาษาต่างประเทศ เช่น แปลเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง “ช่างทำกุญแจที่หัวมุมถนน”, “ลูกของลูกสาว”, “น้อง” แปลเป็นภาษาอินโดนีเซีย เรื่อง “เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม” ฯลฯ

ฉะนั้น นทธี ศศิวิมล เป็นนักเขียนมีหูที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

หูของเธอเป็นหูแห่งแม่ ที่คอยฟังเสียงหัวใจลูกและผู้คนอันเป็นที่รัก

หูที่รับฟังเสียงทุกข์ยากของเพื่อนพ้องมนุษย์ด้วยกัน จนก่อให้เกิดรวมเรื่องสั้นชื่อเรื่องน่ารักๆ ว่า “อันเป็นที่รัก”