วันดวลเดือด เช็กบิล 6 เสนาบดี/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

วันดวลเดือด เช็กบิล 6 เสนาบดี

 

เคาะแล้ว รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรึกษาหารือวันที่เหมาะสมที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “พรรคฝ่ายค้าน” เปิดอภิปรายในญัตติที่ยื่นซักฟอกรัฐมนตรีรายบุคคล จำนวน 6 ราย

ส่งเทียบเชิญรับคำท้า พร้อมที่จะให้ดำเนินการอภิปราย วันดวลเดือดตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมเป็นต้นไป ส่วนจะสุดท้ายวันไหน ใช้เวลาเท่าไหร่อยู่ที่คณะกรรมการประสานงาน หรือ “วิป 3 ฝ่าย”

สำหรับ 6 เสนาบดีที่จะโดนเช็กบิล แยกย่อยจากเครือข่าย “พลังประชารัฐ” 3 คน คือ 1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 3. “นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

“ภูมิใจไทย” 2 ราย ขาเก่าขาแก่ด้วยกันทั้งคู่ 1. “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 2. “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

“ประชาธิปัตย์” ติดไข่แดงเข้ามาหนึ่งเดียว ได้แก่ “นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ศึกซักฟอกครั้งนี้ “ธง” เทน้ำหนักไปเกี่ยวดองข้องแวะกับมหากาพย์การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” เกือบจะทั้งสิ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ประเมินสถานการณ์กันแล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” จะโดนล่อเป้าหนักกว่าใครเพื่อน

ลำดับที่ 2 กระสุนจะตกที่ “หมอหนู อนุทิน” กับประเด็นความล้มเหลวการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ บริหารงานกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดการวัคซีน และกระจายวัคซีน โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของวัคซีน

รายอื่นน่าจะแค่หางเครื่อง โดนหางเลข เช่น “นายสุชาติ” ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อันเป็นต้นเหตุการแพร่ระบาดของโควิด-19

“นายศักดิ์สยาม” ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในการกำกับดูแล

ก่อนพรรคร่วมฝ่ายค้านจะลงมติสรุปขึ้นกระดานเชือด 6 รัฐมนตรี มีข่าวว่าเกิดมีรายการเหยียบตาปลากันระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” เกี่ยวกับตัวบุคคล ที่ก้าวไกลเสนอชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ แต่ “เพื่อไทย” ไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่า ศึกซักฟอกครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจและโควิด-19 เป็นหลัก ประกอบกับ “พล.อ.ประวิตร” และ “ร.อ.ธรรมนัส” โดนมาแล้วเมื่อครั้งก่อน แต่ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้ จึงไม่อยากแตกน้ำหนัก

เลยต้องตัดชื่อออกทั้ง 2 คนในโค้งสุดท้าย แต่ “พรรคก้าวไกล” มีความหวาดระแวง อ้างว่า “เพื่อไทย” มีงาน ซื้อหวยล่วงหน้า โดยอนุมานว่ากรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องลงจากหลังเสือ ไม่ว่าด้วยวิธีใด

“พล.อ.ประวิตร” จะขึ้นลิฟต์เป็นนายกฯ มาตามช่องทางที่ 2 ของรัฐธรรมนูญ ต้องใช้เสียง 2 สภาสนับสนุนได้เกินครึ่ง “พลังประชารัฐ” จะจับมือกับ “เพื่อไทย” จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมี “พรรค ส.ว.” เป็นฐานกำลังใหญ่ให้ แล้วเขี่ยภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ทิ้ง

เกมนี้มีมือดีลประสานสิบทิศ แบบบินเหนือเมฆของ “ร.อ.ธรรมมนัส” ที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน จนอีกฝ่ายไม่กล้าปฏิเสธ ยอมขัดใจเพื่อน เขี่ยชื่อ 2 ผู้มากบารมีจาก พปชร.ทิ้ง

 

จึงเป็นชนวนให้ “แกนนำก้าวไกล” ที่รู้ทิศทางลม ถึงกับควันออกหู ดาหน้าออกมาตีโพยตีพายด้วยความอึดอัด จน “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต้องออกมาเคลียร์หน้าเสื่อ ปม “มีดีลลับ” กับ พปชร.แล้วตัดชื่อ “บิ๊กป้อม” กับ “ผู้กองธรรมนัส” ว่าก่อนสรุปรายชื่อ ที่ประชุมร่วมฝ่ายค้านขอรายละเอียดเพื่อนำมาพิจารณาร่วมในที่ประชุม ในการกำหนดความชัดเจนว่าจะอภิปรายในประเด็นไหน ให้เป็นประเด็นที่ไม่ซ้ำกับการอภิปรายครั้งก่อน ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้ให้รายละเอียดและความชัดเจนมากเพียงพอ

ที่ประชุมจึงสรุปยืนยันจะอภิปรายรวม 6 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชัดเจนในการทำงานผิดพลาดล้มเหลว 3 ประเด็นสำคัญ คือการบริหารจัดการโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องวิกฤตของโรคระบาด และปัญหาคอร์รัปชั่นของกระทรวงต่างๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน

“กรณีดังกล่าวไม่ควรถูกใช้มาสร้างความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นวาระสำคัญที่ฝ่ายค้านจะต้องชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาล บริหารจัดการไร้ประสิทธิภาพ จนเกิดวิกฤตโควิด ประชาชนต้องติดเชื้อเกือบล้านคน เสียชีวิตถึงขั้นหลักหมื่นคน อีกทั้งยังก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจซ้ำเติมความยากลำบากของพี่น้องประชาชน” นายประเสริฐกล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตาม บทสรุปการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคล ที่หวยออก 6 รัฐมนตรี มีเบื้องหน้าเบื้องหลังการถ่ายทำก่อนจุดคัดกรองก๊อกสุดท้ายหลายปม เริ่มตั้งแต่การทอดไมตรี หรี่ตากันระหว่าง “พปชร.” กับแกนนำฝ่ายค้านบางพรรค เกี่ยวกับขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณ เกลี่ยข้ามห้วยกันอย่างไร เท่าใด

ที่ถือว่า เซียนขี่เมฆ สามารถบังคับให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ ก็หลังการเขี่ยชื่อ “พล.อ.ประวิตร” กับ “ร.อ.ธรรมนัส” จนพ้นทางปืนเรียบร้อยแล้ว หัสเดิมจะเหลือยอด จองกฐินแค่ 5 คนเท่านั้น

แต่มีมือดี ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ชี้เป้าให้จุดไฟสุมเผารังมดแดง สอยลูกมะม่วงไปด้วย ขออนุเคราะห์ยัดชื่อ “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าโผวินาทีสุดท้าย

ว่ากันว่า ความแค้นค้างเก่าของคนกันเองจาก พปชร.ที่ฝากการบ้านให้ฝ่ายค้านได้สำเร็จ โดยจะโดนมุ่งกระแทกกลางปม ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ข้อหาเหมือนไม่หนัก แต่ “เจ็บใจ” และซื้อหวยล่วงหน้าได้เลยว่า “สุชาติ ชมกลิ่น” จะได้คะแนน “ไว้วางใจน้อยที่สุด”

นอกจากนั้นแล้ว 6 รมต.ที่ถูกขึ้นบัญชีเชือด ดูตามลายแทงจากญัตติยื่น ข้อกล่าวหาที่ดูประหนึ่งว่า เบาหวิว จงใจตบจูบซะมากกว่าใครเพื่อนคือ “เฉลิมชัย ศรึอ่อน” รมว.เกษตรฯ ค่ายประชาธิปัตย์

แต่ผู้สันทัดกรณีอีกสายกระซิบ “เสี่ยต่อ” อย่าชะล่าใจ ประมาทเด็ดขาด ที่คิดว่าเบาที่สุด อาจจะหนักที่สุด

มีข่าวคลุกวงในระบุว่า ซักฟอกฝ่ายค้านมีช็อตเด็ด เป็นใบเสร็จ หรือเทปลับ

ลุ้นกันว่า หวยจะออกที่ใคร เจ้ากระทรวงไหน