77 ปี ธานินทร์ อินทรเทพ ในเสียงเพลงมีคำเตือน “ผมเคยเล่นม้าเสียวันละ 10 กว่าล้าน”

เป็นนักร้องลูกกรุงรุ่นใหญ่ที่แม้จะอายุ 77 ปีแล้ว แต่วันนี้ธานินทร์ อินทรเทพ (ชื่อจริงธานินทร์ อินทรแจ้ง) หรือพี่เล็กของน้องๆ ยังคงกระฉับกระเฉงสุขภาพดี ไร้พุง

ที่สำคัญ เป็นคนอารมณ์ดี และพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา

ธานินทร์เจ้าของฉายา “นักร้องเสียงระทม” เล่าว่า ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย ไม่เคยไปหาหมอ ยาฝรั่งสักเม็ดไม่เคยกิน ความดัน เบาหวานไม่มี ออกกำลังกายเบาๆ บ้าง

ตอนนี้อยู่กับภรรยาคนที่ 4 ชื่อรฐา กมลชัยศิริ ไม่มีลูกด้วยกัน อยู่กันมา 30 กว่าปีแล้ว ส่วนลูกชาย 2 คน อยู่กันคนละบ้าน

ลูกชายคนโตเกิดกับภรรยาคนแรกที่เลิกรากันไปแล้ว ชื่อ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง เป็นซีอีโอ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) อายุ 53 ปี

ส่วนลูกชายคนเล็กเกิดกับภรรยาคนที่ 2 เลิกกันไปแล้วเช่นกัน ชื่อ “ธวิน อินทรแจ้ง” อายุ 43 ปี ทำธุรกิจส่งออกอาหารทะเล ลูกชายคนนี้มีลูกสองคน ส่วนภรรยาคนที่ 3 เสียชีวิต

เจ้าตัวระบุถึงสาเหตุที่อยู่กินกับภรรยาคนปัจจุบันยาวนานถึง 32 ปีว่า

“เขาเป็นคนไม่ยุ่งยาก ไม่ล่วงเกินอะไร บางครั้งผมหายไปเป็นเดือนเขาไม่ตาม เขาบอกคนดังเป็นอะไรเดี๋ยวก็รู้เอง เอ้า…ผมถามเขาว่า ถ้าเกิดรถคว่ำตายจะทำอย่างไร ภรรยาผมตอบ เป็นข่าวเดี๋ยวก็รู้เอง เขาไม่เคยเปิดกระเป๋าสตางค์หรือดูมือถือผมเลย เป็นคนชอบทำบุญตักบาตร”

สังเกตได้ว่า ยามที่นักร้องรุ่นใหญ่คนนี้พูดถึงลูกๆ โดยเฉพาะลูกคนโตนั้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่พอถามว่าเลี้ยงลูกอย่างไรถึงได้ดิบได้ดีแบบนี้

ธานินทร์รีบบอก “เขาดีด้วยตัวเขาเอง ลูกชายคนโตเรียนเก่ง พอจบปริญญาตรีวิศวะจุฬาฯ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโท-เอกที่อเมริกา ตอนเรียนอยู่จุฬาฯ น้องเมียจะขอให้ไปเป็นนักร้อง แต่บอกขอให้เรียนจบปริญญาตรีก่อนแล้วค่อยว่ากัน ซึ่งแม้ตอนเล็กๆ จะส่งให้เขาเรียนเปียโน แต่พอโตมาเขาก็ไม่สนใจงานดนตรีเลย”

“ผมให้เขาเรียนเพราะสมัยก่อนการเป็นนักร้องมันลำบาก สอนเขาว่าอาชีพนี้ไม่ยั่งยืน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไม่มีคนจ้าง ผมโชคดีอายุป่านนี้ยังมีคนจ้างอยู่ ซึ่งก็มีไม่กี่คน ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นนักร้องลูกจะได้เป็นนักร้องด้วย ผมเองไม่อยากให้ลูกเป็นนักร้อง เพราะในยุคก่อนคนเข้าใจว่านักร้องเต้นกินรำกิน ผู้คนรังเกียจ”

“แต่ทุกวันนี้ใครๆ ก็อยากเป็นนักร้อง หาตังค์ง่าย สมัยก่อนมันยากกว่าจะทะลุมาเป็นเบอร์หนึ่ง”

ธานินทร์พูดถึงการรักษาเสียงว่า “ต้องออกกำลังกายบ้าง อย่าให้เป็นหวัด โชคดีผมไม่เคยเป็นหวัด ออกกำลังกายแบบเบาๆ ทานอาหารปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ น้ำหนัก 60 กิโลอยู่อย่างนี้เป็น 10 ปีแล้ว”

ถือเป็นนักร้องลูกกรุงที่มีผลงานเพลงมากที่สุด อย่างที่เจ้าตัวแจงว่า “ผมอัดเสียงทั้งหมดประมาณหมื่นกว่าเพลง เพราะตั้งแต่ปี 2508 จนถึงปี 2517 รวม 8-9 ปี นักร้องรุ่นพี่อย่างพี่ชรินทร์ นันทนาคร เขาไปสร้างหนัง ส่วนพี่สุเทพ วงศ์กำแหง ก็ไปเล่นการเมือง วันหนึ่งผมอัดเสียงคนเดียว วันละ 2-3 ห้อง วันหนึ่ง 36 เพลง คิดดูกี่ปีที่ร้องแบบนี้”

ในจำนวนเพลงที่อัดแผ่นเสียงเป็นหมื่นเพลงนั้น มีเพลงฮิตจริงๆ 300-400 เพลง อย่างเช่น ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก, น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย, คนใจหิน, ทำบุญด้วยอะไร ซึ่งที่ผ่านมาเวลาไปร้องโชว์ที่ไหนแฟนๆ ก็มักร้องขอเพลงเหล่านี้ บางวันไปโชว์ที่ต่างจังหวัด ร้อง 2 ชั่วโมงคนเดียว”

ธานินทร์ยืนยันว่า เวลาโชว์ร้องเพลงทุกครั้งในทุกเวที สามารถจำเนื้อร้องได้หมด

“สมัยก่อนพออัดเสียงเสร็จ เพลงไหนที่เราชอบและคิดว่าเพลงนี้ฮิตแน่ก็นั่งจดเนื้อ พอจดเสร็จจะจำได้ แล้วถ้าจำได้ปั๊บ พอขึ้นมาท่อนแรกมันจะร้องต่อไปได้เลย เพราะเพลงสมัยก่อนมีสัมผัสนอกสัมผัสใน เหมือนละครเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเป็นราว ผมถึงบอกเด็กๆ สมัยนี้ว่า ร้องกันเก่งมากจริงๆ เพลงแบบนี้ผมร้องไม่ได้แน่ เนื่องจากไม่มีสัมผัสอะไรเลย แต่นักร้องรุ่นใหม่จำเนื้อเพลงได้ แสดงว่าเก่งมาก”

ในวัย 77 ปีนี้ ธานินทร์ลั่นว่า สิ่งที่อยากทำคือ อยากอนุรักษ์เพลงลูกกรุงไว้ให้คนรุ่นหลัง พร้อมกับผลักดันนักร้องรุ่นน้องให้ได้แจ้งเกิดบ้าง โดยอาสาจะเข้าไปขับเคลื่อนในสมาคมนักร้องฯ

นอกจากนี้ มองว่าบริษัทใหญ่ๆ ที่ทำเพลงมักไม่สร้างเพลงใหม่ ใช้วิธีนำนักร้องใหม่มาร้องเพลงเก่าที่ดังๆ ทำให้ไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง

สนทนาเรื่องเพลงกันไปแล้ว ต่อด้วยเรื่องที่เจ้าตัวโปรดปรานกันบ้าง ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่า “ธานินทร์” เป็นคนชื่นชอบการเลี้ยงม้าและเล่นม้าเป็นที่สุด แต่ช่วงที่ผ่านมาเจอปัญหาโรคโควิดแพร่ระบาด สนามม้าปิดเลยต้องหยุดเล่นโดยปริยาย

“ตอนโรคไวรัสม้าระบาดมา ม้าผมที่เลี้ยงมีอยู่ 8 ตัว ตายไป 6 ตัว ตอนนี้เหลือลูกม้า 2 ตัว ทั้งฟาร์มตายไป 500 กว่าตัว ตายไปก็ดีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาทต่อตัว ผมเองเล่นม้ามา 40-50 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เล่นก็เสีย เพื่อนมันเยอะไม่ได้คิดรวยกันหรอก เล่นสังสรรค์เพื่อนฝูงกัน เฮฮากันมากกว่า”

หลายคนที่ไม่รู้จัก “ธานินทร์ อินทรเทพ” อาจจะวิจารณ์ในทำนองว่า เป็นคนเจ้าชู้ ชอบดื่ม และชอบเล่นม้า

“เรื่องพวกนี้ผมไม่เคยปิดใคร ไม่ใช่มาเสแสร้งว่า โอ้ย ผมไม่ดื่ม ผมไม่เล่นการพนัน ก็เราชอบของเราใช่ไหม มันเสียหายตรงไหน ผมใช้เงินของตัวเอง มีคนเคยถามว่าเล่นไม่เสียดายตังค์หรือไง ตอบไปว่ากูไปเอาตังค์มึงเล่นไหม กูไปเป็นหนี้ใครไหม”

“ทุกวันนี้เพื่อนฝูงก็ยังฝากแทงหน่อย แต่ผมบอกเอาเงินสดมา เดี๋ยวเสียแล้วต้องรับผิดชอบ ต้องลำบากรากแตกรากแตน เพราะในสนามม้าเราอยู่มา 40-50 ปี เครดิตก็มาก ปี 2520 เสียวันเดียวสิบกว่าล้าน วันเดียวนะสิบกว่าล้าน ตอนหลังผมก็ใช้หนี้หมด 6 ปีก็ตอนนั้นไม่เข้าสนามม้า หยุดเลย ช่วงบาดเจ็บก็มาเลียแผล พอตอนหลังเนื้อตัวดีก็เข้าไปใหม่ เคยเล่นได้ครั้งหนึ่งก็ 7-8 แสนบาท”

ธานินทร์เล่าว่า ภรรยาและลูกๆ ไม่เคยห้ามเรื่องการเล่นม้า แถมลูกยังให้เงินไปเล่นด้วย และลูกมักถามว่าเงินที่ให้ไปพอใช้ไหม ตอบลูกไปว่า “เงินที่ให้มาพอใช้แต่ไม่พอเล่น” (หัวเราะ)

ในฐานะที่อยู่ในวงการม้ามานาน ธานินทร์เล่าถึงความผูกพันม้าว่า ม้าเป็นสัตว์แสนรู้ยิ่งกว่าหมาเสียอีก สมมุติว่าเคยขี่มาตรงนี้ แล้วดึงมันไว้ พอมาถึงจุดนั้น ปรากฏว่าม้าหยุดวิ่งไม่ไปเลย เพราะมันจำได้ว่าเคยดึงมันไว้

ถามถึงเรื่องการดื่ม ธานินทร์ตอบว่า “ปกติเป็นคนไม่ดื่มเลย แต่ดื่มแล้วติดลม อย่างเมื่อ 2 ปีที่แล้วดื่มหนักมาก ดื่มไวน์บ่ายสองกลับถึงบ้านตีสาม ไม่รู้ถึงบ้านอย่างไรจำอะไรไม่ได้เลย นึกถึงช่วงนั้นรู้สึกกลัวตายมาก หากขับรถแล้วตกสะพานไปจะทำอย่างไร ตั้งแต่นั้นมาเมื่อคิดก็ขนลุก จึงไม่กล้าดื่มอีกเลย”

แม้เจ้าตัวจะเล่นม้า เคยดื่มจัดและยังสูบบุหรี่อยู่ แต่ปรากฏว่าลูกชายทั้งสอง ไม่มีใครเหมือนพ่อในเรื่องนี้เลย ยกเว้นจะดื่มไวน์บ้างในกรณีงานสังสรรค์

ทุกวันนี้ เมื่อมีเวลาว่าง “ธานินทร์” จะไปเยี่ยมหลานๆ สองคน และยังคงมีเวลาพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงในหลากหลายวงการ ทั้งวงการม้าและวงการเพลง รวมทั้งยังคงมีงานร้องเพลงอยู่ตลอด

เป็นนักร้องคุณภาพอีกคนของวงการเพลงบ้านเราที่ยังคงขับกล่อมเสียงเพลงให้ผู้คนมีความสุข