“THE BOSS” วิชัย ศรีวัฒนประภา

รายงานพิเศษ

“THE BOSS” วิชัย ศรีวัฒนประภา

16 พฤษภาคม ปี 2559 ถ้วยแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกถูกแห่ไปรอบเมืองเลสเตอร์ ท่ามกลางผู้คนที่ออกมาร่วมฉลองแชมป์นับแสนคน สาเหตุที่ชาวเลสเตอร์ออกมาร่วมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ เพราะเหตุการณ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็น เทพนิยายเลสเตอร์ ก็ว่าได้ หากมองย้อนกลับไป ฤดูกาลก่อนหน้าที่ทีมต้องดิ้นรนหนีจากการตกชั้นและทำได้สำเร็จ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ฤดูกาลถัดมาจะก้าวไปถึงการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด

แชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา 26 ฤดูกาล มีทีมได้แชมป์แค่เพียง 6 ทีม วนเวียนอยู่กับ 4 ทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชลซี อาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้นที่ทีมเล็กได้ครองแชมป์ คือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ฤดูกาล 1994-1995 และเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015-2016

บนรถบัสที่แห่ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกนอกจากนักเตะทีมเลสเตอร์ ซิตี้และทีมงาน มีชายคนหนึ่งยืนเคียงข้างถ้วยแชมป์ที่ผูกริบบิ้นสีน้ำเงินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจ

เขาคือบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่กลายเป็นตำนานของเมืองอย่างแท้จริง “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ THE BOSS ที่ทุกคนกล่าวขาน

หากมองอย่างฉาบฉวย การเข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คงเป็นเพียงการลงทุนเพิ่มเติมอีกธุรกิจหนึ่งของวิชัย และคิง เพาเวอร์ แต่ระยะเวลาและการทำงานกับสโมสรได้พิสูจน์ให้เห็นว่าวิชัยทำมากกว่านั้น และไปไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง

เหตุผลเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้วิชัยตัดสินใจซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คือความต้องการช่วยพัฒนาฟุตบอลไทย ยกระดับกีฬาฟุตบอลให้ทัดเทียมสากล โดยเฉพาะกับเหล่าเยาวชนนักเตะที่ต้องการโอกาสพัฒนาฝีเท้าจากนักเตะอาชีพจากฟุตบอลลีกดังของโลก วิชัยเคยให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจเอาไว้ครั้งหนึ่งว่า

“ผมไปอยู่อังกฤษมาหลายสิบปี คิดอยู่เสมอว่าอยากจะซื้อทีมฟุตบอลสักทีม ไม่ได้อยากทำการค้า แต่เห็นเด็กเยาวชนบ้านเราก้าวไปไม่ถึงไหน อยู่แค่ระดับอาเซียน ในเอเชียก็ไม่เคยชนะเกาหลี ญี่ปุ่น เมื่อวันนี้มาถึง ผมพอมีกำลัง มีสตางค์ จึงไม่รีรอ โดยพื้นฐานผมชอบกีฬามาก ทำโปโลมา 15 ปี มีข้อจำกัดคนมีโอกาสเล่นน้อยมาก ต่างจากหันมาทำฟุตบอล คนส่วนมากจะได้ประโยชน์”

หลังจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร 132 ปี กระแสคลั่งไคล้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในไทยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ฉายาของทีมในหน้าข่าวทั้งไทยและต่างประเทศกลายเป็น “จิ้งจอกสยาม” เด็กและเยาวชนไทยหันมาสนใจฟุตบอลมากมาย

“ผมขอใช้ประโยชน์เลสเตอร์ อะคาเดมี ขณะนี้มีสมาชิกเยาวชนอายุ 9-18 ปีอยู่ประมาณ 200 คน มีสนามฝึกซ้อมในร่ม 2 แห่ง สนามกลางแจ้งอีก 4 แห่ง ทางคิง เพาเวอร์สามารถทำโครงการแลกเปลี่ยนการถ่ายทอดทักษะ เทคนิค วิธีเล่นระดับอินเตอร์แก่เยาวชนไทย เพราะหลักการฝึกเขาใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาหาร พลังงาน ประเมินผลพัฒนาการทุกส่วนด้วยประสิทธิภาพสูง ต่างจากบ้านเราไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เท่าไร” วิชัยให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการวางแผนเพื่ออนาคต

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ไม่ใช่แผนระยะยาวเพียงแผนเดียวที่สนับสนุนการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย เดือนมิถุนายน ปี 2560 คิง เพาเวอร์ ได้เข้าซื้อทีมฟุตบอล โอเอช ลูเวิน (เอาต์ เฮเวอร์ลี่ ลูเวิน) สโมสรฟุตบอลจากลีก ดิวิชัน 2 ของเบลเยียม เป็นอีกหนึ่งแผนพัฒนาศักยภาพนักเตะของไทย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพื่อสร้างอนาคตให้กับเด็กไทย นักฟุตบอลเยาวชนไทย ได้มีโอกาสสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง

และเมื่อต้นปี 2561 สโมสรโอเอช ลูเวิน (เอาต์ เฮเวอร์ลี่ ลูเวิน) ได้เซ็นสัญญาคว้าตัว กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทยไปร่วมทีมด้วยสัญญา 5 ปี เป็นก้าวสำคัญของนักเตะไทยบนเวทีฟุตบอลยุโรป

กวินยังมีความฝันที่ใหญ่กว่านั้นคือการไปค้าแข้งที่พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ โดยนักเตะนอก EU จะสามารถค้าแข้งที่ประเทศอังกฤษก็ต่อเมื่อได้รับ work permit หรือใบอนุญาตทำงาน ซึ่งการได้รับใบอนุญาตทำงานมีอยู่ 2 หนทางสำคัญ หนึ่งคือทีมชาติของนักเตะต้องมีอันดับไม่ต่ำกว่า 70 ของ FIFA ranking ข้อนี้ยากมากสำหรับนักเตะจากประเทศไทย ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 115 แต่อีกทางที่น่าสนใจและมีโอกาสเป็นไปได้ คือนักเตะได้เล่นอยู่ในลีกยุโรปอย่างน้อย 3 ปี หากก็ต้องมีผลงานที่ดีด้วย

สําหรับวิชัย ศรีวัฒนประภาแล้ว กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ได้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมมาตลอด ภายใต้การดำเนินงานในโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย สู่ความยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนพลังคนไทยใน 4 ด้านหลัก ด้านกีฬา ด้านดนตรี ด้านชุมชน และด้านการศึกษาและสุขภาพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกีฬาที่เห็นภาพได้ชัดเจนหลังการเข้าเป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ต่อยอดพัฒนาวงการฟุตบอลสำหรับเยาวชนไทยอย่างเป็นแบบแผน มีการวางแผนระยะยาวด้านฟุตบอลเอาไว้ด้วยแนวคิด “ปั้นนักฟุตบอลไทยสู่ลีกยุโรป” มุ่งพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศให้มีความสามารถด้านฟุตบอลทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

คิง เพาเวอร์ ริเริ่มโครงการ ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย มอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกให้เยาวชนไทยและชุมชนต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเล่นกีฬาฟุตบอล และขยายไปสู่อีกโครงการ 100 สนามพลังเยาวชนไทย ที่สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม 100 สนามทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี

อีกโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคือ โครงการ FOX HUNT ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม ซึ่งดำเนินการสู่ปีที่ 3 มอบทุนการศึกษาและโอกาสสำคัญในชีวิตที่เงินหาซื้อไม่ได้ ด้วยการไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ต่อยอดอนาคตนักเตะเยาวชนให้มีช่องทางสู่ลีกฟุตบอลระดับยุโรป

การสนับสนุนด้านกีฬาของคิง เพาเวอร์ ส่งผลต่อยอดสู่การสนับสนุนด้านสุขภาพด้วยการสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว ที่ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศลระยะทาง 2,191 กิโลเมตร จากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นำโดยศิลปินชื่อดัง ตูน บอดี้สแลม

คิง เพาเวอร์ เป็นกำลังสนับสนุนสำคัญของโครงการก้าวคนละก้าวตั้งแต่เริ่มต้น โดยมอบเงินสนับสนุนทันที 24 ล้านบาท และเมื่อวิ่งมาถึงกรุงเทพฯ ได้มอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 53 ล้านบาท ก่อนจะมอบเงินเพิ่มเติมอีกราว 10,088,810 บาท ทำให้ยอดรวมเป็นทั้งสิ้น 100 ล้านบาท

ชายชาญ ใบมงคล ครีเอทีฟโครงการก้าวคนละก้าว พูดถึงการสนับสนุนโครงการว่า คิง เพาเวอร์ สนับสนุนโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงตอนนี้ก็ยังให้การช่วยเหลือเหมือนเดิม ยังมอบเงินทุนช่วยเหลือในการทำงานตลอดโครงการ เพราะทุกกิจกรรมต้องใช้เงินทุน การวิ่งเบตง-แม่สาย คิง เพาเวอร์ มอบเงินทุนให้ 100% ทำให้ไม่ต้องนำเงินในส่วนของการบริจาคมาใช้เลย และโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ก็เช่นเดียวกัน คิง เพาเวอร์ยังคงให้การสนับสนุนเหมือนเดิม

“คิดว่าทุกคนคงสัมผัสถึงความดีของท่านได้อยู่แล้ว จากการทำสิ่งต่างๆ ให้สังคม อย่างโครงการก้าวคนละก้าว เราไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์รายไหนแล้วแทบไม่ต้องการอะไรจากเราเลย…แต่กับคุณวิชัยแล้ว เหมือนท่านแค่อยากมาร่วมบุญกับพวกเรา… ถ้าไม่มีการอนุเคราะห์จากคุณวิชัยและคิง เพาเวอร์ โครงการก้าวคนละก้าว เบตง-แม่สาย น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก”

วิชัย ศรีวัฒนประภา ให้ความสำคัญและสนับสนุนอย่างจริงจังมาตลอด ทั้งหมดนั้นก่อตัวขึ้นจากโครงการที่มุ่งพัฒนาและดูแลชุมชน ดำเนินโครงการเพื่อสังคม ในโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทยเพาเวอร์ พลังคนไทย สู่ความยั่งยืน มีโครงการด้านชุมชนที่สำคัญอีกโครงการเรียกว่าเป็น Community Power บอกให้โลกรู้ว่าของไทยนี้ดี

คิง เพาเวอร์ เปิดโอกาสให้สินค้าไทยจากชุมชนต่างๆ ทั้งสินค้าหัตถกรรม อาหาร ขนม และของที่ระลึก ได้มีพื้นที่ที่โดดเด่นสู่สายตานักท่องเที่ยงต่างชาติ เพิ่มโอกาสทางการตลาด ยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับอีกหลายชุมชนทั่วประเทศ รวมไปถึงสินค้าจากการรวมกลุ่มอาชีพของคนพิการ ซึ่งสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการไม่ใช่ความสงสารและหยิบยื่นเงินให้ หากต้องการเพียงโอกาสได้ใช้ความสามารถและศักยภาพที่มีร่วมพัฒนาเติบโตไปกับสังคม

สินค้า OTOP ที่ขายดีที่สุดในหมวดสินค้าที่ระลึกของคิง เพาเวอร์ คืองาน “แก้วเป่า” ซึ่งเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมจากกลุ่มสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย ที่คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปสนับสนุนเพิ่มความรู้ ให้คำแนะนำเชิงธุรกิจ ทำให้อาชีพเป่าแก้วจากที่เคยทำรายได้น้อยนิดกลายเป็นอาชีพเงินล้าน

ภพต์ เทภาสิต ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย ผู้สร้างสรรค์และผลิตแก้วเป่า หลังประสบอุบัติเหตุหนัก จนทำให้ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนพิการ ก็พยายามใช้ความสามารถหารายได้มาตลอด แม้ล้มเหลวหลายครั้งก็ไม่เคยย่อท้อ จนกระทั่งได้มารู้จักกับการเป่าแก้ว จึงตัดสินใจศึกษาอย่างจริงจังและฝึกฝนต่อเนื่องนับ 10 ปี กว่าจะมีความเชี่ยวชาญ

ในที่สุดก็เกิดการรวมกลุ่มของคนพิการที่ยึดอาชีพเป่าแก้ว ต่อมา คิง เพาเวอร์ ได้เข้ามาสนับสนุนนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายและช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำระบบบัญชี การปรับปรุงคุณภาพสินค้า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงช่วยประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ฯเป็นที่รู้จักในสังคม ทำให้ปัจจุบันมีรายได้เข้าสหกรณ์ฯร่วม 1 ล้านบาทต่อเดือน

“ทั้งหมดนี้ ทางสหกรณ์ฯ ต้องขอบคุณคุณวิชัยผู้ใหญ่ใจดีที่ชอบช่วยเหลือสังคม รวมทั้งช่วยเหลือคนพิการ ด้วยการนำงานฝีมือของคนพิการขึ้นจำหน่ายภายในร้านคิง เพาเวอร์ ทำให้คนพิการมีรายได้จุนเจือครอบครัว ได้แสดงฝีมือ และภาคภูมิใจที่ผลงานเป็นที่ยอมรับ ทำให้ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในสังคม ที่จะร่วมกันพัฒนาสินค้าไทย และร่วมพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กัน”

 

27 ตุลาคม 2561 ข่าวการเสียชีวิตของวิชัย ศรีวัฒนประภา เขย่าหัวใจทุกคนที่รักที่รู้จักและเคยร่วมงานด้วย ไม่เพียงแต่ประเทศไทย โลกได้สูญเสียบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งไปตลอดกาล สิ่งที่วิชัยสร้างและมอบให้ไว้เป็นสิ่งพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของเขา ไม่ใช่เรื่องของอำนาจ บารมี หรือเงินทอง แต่เป็นหัวใจ

ชาวเมืองเลสเตอร์คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังเกิดเหตุการณ์

“ผมคิดว่ามันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่เป็นเมืองของเรา ผมคิดว่ามันเหมือนเราเสียคนในครอบครัวไป”

ภาพการร่วมแสดงความเสียใจของชาวเมืองเลสเตอร์มากมาย ณ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม สัมผัสได้ถึงความรักอย่างสุดซึ้งที่มีต่อประธานสโมสรฟุตบอลของพวกเขา ส่วนหนึ่งของเมืองเลสเตอร์ของพวกเขา

“THE BOSS” ไม่ได้เป็นเพียงคำเรียกที่ให้เกียรติ หากแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ

วิชัย ศรีวัฒนประภา