วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สำนักงานดาดฟ้ากับกองบรรณาธิการ

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์  

สำนักงานดาดฟ้ากับกองบรรณาธิการ

เมื่อตัดสินใจออกหนังสือพิมพ์ “มติชน” ขรรค์ชัย บุนปาน ผู้จัดการใหญ่สั่งให้ใช้ดาดฟ้าโรงพิมพ์พิฆเณศบนพื้นที่กว้างเท่ากับ 3 ห้องตึกแถวเป็นสำนักงาน จัดการมุงหลังคาสังกะสีกันแดดกันฝน กั้นฝาผนังห้อง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ แบ่งสัดส่วนพื้นที่ออกเป็นกองบรรณาธิการ และกองจัดหาโฆษณา

มุมหนึ่งขนาด 4 x 4 เมตรกั้นเป็นห้องกระจก ตั้งโต้ะทำงาน 2 ตัว เป็นของขรรค์ชัย บุนปาน 1 ตัว ของพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร 1 ตัว ทั้งยังใช้เป็นห้องประชุมสารพัด ตั้งแต่ประชุมข่าว สัมภาษณ์ผู้สมัครเป็นนักข่าว ประชุมฝ่ายจัดหาโฆษณา อีกมุมหนึ่งกั้นเป็นห้องมืดขนาด 2 x 3 เมตร ใช้ล้างฟิล์ม อัดขยายภาพข่าว มีประภาส เชยชื่นกลิ่น ควบคุมงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

มติชนฉบับแรกแนะนำประภาสว่า “ห้องมืดเป็นส่วนสำคัญในการเสนอภาพต่อผู้อ่าน ประภาส เชยชื่นกลิ่น ผู้ไม่ยอมห่างจากห้องมืดไม่ว่าจะผ่านงานหนังสือพิมพ์มากี่ฉบับก็ตาม เขามีความรับผิดชอบสูงในการจัดแสงและเงาเพื่อให้ภาพเกิดความสวยงามและชัดเจนมาสู่ผู้อ่าน”

ชั้นสามของตึกแถวโรงพิมพ์ใช้เป็นห้องบัญชีและธุรการ กับกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เข็มทิศธุรกิจที่ยังออกจำหน่ายรายสามวัน

ชั้นสองเป็นห้องโถงใหญ่ของช่างเรียงพิมพ์หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ และหนังสือรายเดือนพาที กับหนังสือเล่มอื่นๆ ที่มีผู้มาจ้างพิมพ์

ชั้นล่างตั้งเครื่องพิมพ์ ที่ต้องพิมพ์งานตลอด 24 ชั่วโมง จะหยุดขณะนำหน้าหนังสือพิมพ์ลงแท่น

ส่วนอุปกรณ์ของกองบรรณาธิการที่สำคัญคือพิมพ์ดีดต้องผลัดกันใช้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ด้วยมีจำนวนจำกัด รวมถึงโต๊ะ เก้าอี้นั่งทำงาน ประหนึ่งเล่นเก้าอี้ดนตรี ยกเว้นโต๊ะข่าวหน้า 1 ที่ต้องใช้กว่า 12 ชั่วโมง

 

เส้นทางเดินจากประชาชาติถึงมติชน ฉบับปฐมฤกษ์ แนะนำหน่วยหลักของหนังสือพิมพ์ หน่วยแรกคือกองบรรณาธิการว่า เปรียบเสมือนสมองของหนังสือพิมพ์ที่ต้องเสาะหาเรื่องราวสาระซึ่งประกอบด้วย ข่าว บทความ สารคดี ความคิดเห็น สาระบันเทิง ศิลปวัฒนธรรม กีฬา ตลอดถึงสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นทุกมุมโลก นำมาเสนอต่อผู้อ่านตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตรงไปตรงมา

เริ่มด้วยฝ่ายข่าวในประเทศ ประกอบด้วย หัวหน้าข่าว ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ เป็นผู้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้นทุกระยะ วันต่อวัน ทั้งยังต้องคอยติดตามผลงานที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ยังไม่มีผลมานำเสนอผู้อ่านในวันต่อไป เพื่อผู้อ่านจะได้ติดตามข่าวโดยไม่ขาดตอนทุกระยะ

หัวหน้าข่าวในประเทศมี 3 คน คือ เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ นักเขียนที่ผ่านงานนิตยสารมาอย่างโชกโชน และเพิ่งเข้าทำหนังสือพิมพ์จริงจังเมื่อเปิดประชาชาติ เคยผ่านงานข่าว ฝ่ายจัดหน้าและหัวหน้าข่าวมาแล้ว

ไพสันต์ พรหมน้อย วารสารศาสตรบัณฑิต จากธรรมศาสตร์ เป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหม่ที่มีงานเขียนด้านบทความ บทกวี เรื่องสั้น ผ่านงานนักข่าวจากประชาธิปไตยยุคปรับปรุงใหม่ เข้าร่วมงานกับประชาชาติ เมื่อหนังสือพิมพ์เข็มทิศออกจำหน่าย ไพสันต์เป็นกำลังสำคัญในสายงานข่าว

รัฐกร อัสดรธีรยุทธ์ นิเทศศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยผ่านงานด้านข่าวเศรษฐกิจมาอย่างชำนาญ เป็นบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจประชาชาติและเข็มทิศ เป็นนักข่าวที่สามารถเข้าถึงแหล่งข่าวเพื่อเสาะหาข่าวมานำเสนอผู้อ่านอย่างตรงไปตรงมา และได้ข้อเท็จจริง

รับหน้าที่หัวหน้าข่าวเศรษฐกิจทั้งมติชนและเข็มทิศ

 

จากหัวหน้าข่าวในประเทศ ถึงผู้สื่อข่าวชุดแรกมาจากประชาชาติทั้งหมด 5 คน จากแต่ละสายงาน ตั้งแต่ข่าวการเมือง ศิราพร ภูพงศ์ไพบูลย์ วารสารศาสตรบัณฑิต จากธรรมศาสตร์ ผ่านสายงานข่าวการเมืองประชาธิปไตย เดอะ เนชั่น ประชาชาติ นับแต่จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ถึง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เดินผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาลกับรัฐสภาเพื่อหาแง่มุมข่าวป้อนโต๊ะข่าวทุกวัน

ขนิษฐา อังกาบสี อักษรศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักข่าวสายมหาดไทยและแรงงาน เป็นกำลังสำคัญจากฝ่ายพิสูจน์อักษรมาก่อน ผู้ไม่ย่อท้อกับการเดินทางไปทำข่าวไม่ว่าจะอยู่ไกลกรุงเทพฯ สักเพียงใด ครั้งหนึ่งขณะเป็นนักข่าวประชาชาติ ขนิษฐาเดินทางไปทำข่าวกับแหล่งข่าวต่างจังหวัดแล้วประสบอุบัติเหตุเป็นแผลที่คางต้องปิดผ้ารักษาแผล พูดไม่ได้ กลับถึงโรงพิมพ์ค่ำแล้ว ด้วยความเป็นห่วง พงษ์ศักดิ์เห็นปิดผ้ากันแผลที่คาง จึงเขียนข้อความใส่กระดาษให้กลับไปพักผ่อน

น้อย ชื่อเล่นของขนิษฐา เขียนตอบอาจารย์ป๋องว่า หนูพูดไม่ได้ แต่ฟังได้ค่ะ สนุกสนานกันทั้งห้อง

นักข่าวอีกคนหนึ่ง สมหมาย ปาริจฉัตต์ นิเทศศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความจัดเจนข่าวในประเทศมาก่อนจากนิตยสารรายสัปดาห์ประชาชาติ รับหน้าที่คุมข่าวตำรวจ มหาดไทยกับข่าวในประเทศบางกระทรวง และข่าวการเมือง ข่าวอุตสาหกรรม

วชิราภรณ์ สุรวัฒนพงษ์ นิเทศศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 เป็นนักข่าวกระทรวงการต่างประเทศ กับความเคลื่อนไหวระหว่างประเทศ ติดตามข่าวนักศึกษาและคดี 6 ตุลา 19 อย่างใกล้ชิด

มาถึงบุญเลิศ ช้างใหญ่ ผ่านการฝึกงานสายข่าวขณะเป็นนิสิตนิเทศศาสตร์ ใกล้สำเร็จเป็นบัณฑิต มีความตั้งมั่นที่จะเป็นผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะสายการเมือง ได้รับหน้าที่ดูแลข่าวเศรษฐกิจเอกชนและความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เริ่มมีบทบาททางด้านเศรษฐกิจการเงินและธุรกิจเพิ่มขึ้น

 

ช่างภาพ ชาญ ผดุงคำ ผ่านงานช่างภาพมาหลายสำนัก เคยรับหน้าที่หัวหน้าช่างภาพประชาชาติ และหนังสือพิมพ์เจ้าพระยาก่อนกลับมาสังกัดมติชน รับหน้าที่เป็นช่างภาพให้เข็มทิศด้วย

เชวง ภริตานนท์ ผ่านงานช่างภาพจากหนังสือพิมพ์เสียงใหม่ และอีกหลายฉบับ กับประชาชาติ ก่อนมาร่วมงานอีกครั้งกับมติชน เพื่อทะลุทะลวงภาพทั้งในยามปกติและยามวิกฤต

จากข่าวในประเทศ มีข่าวต่างประเทศ แสงไทย เค้าภูไทย รับบทบาทนี้ ร่วมกับบุญรัตน์ อภิชาติไกรสร บัณฑิตนิเทศศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีพิเชียร คุระทอง จากกรมประชาสัมพันธ์ เข้ามาร่วมทีมในอีกไม่นานจากนั้น

กองบรรณาธิการ ยังมีข่าวกีฬา แสงไทย เค้าภูไทย เป็นกัปตัน

ข่าวศิลปวัฒนธรรมและบันเทิง อารักษ์ คคะนาท ศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) จากศิลปากร

ข่าวสตรีและสังคม ได้อุไรวรรณ จงจิรจิต นิเทศศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยร่วมงานจากประชาชาติแล้วออกไปเป็นประชาสัมพันธ์โรงแรมที่ภูเก็ต ก่อนกลับมามติชนอีกครั้ง

นำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวสตรีที่มีบทบาทสำคัญในสังคมไทย