ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 กุมภาพันธ์ 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ [email protected] |
เผยแพร่ |
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ฟุตบอลทีมชาติกาตาร์คว้าชัยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์… ด้วยการเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่น 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศเอเชี่ยนคัพ 2019 เมื่อวันศุกร์ที่1 กุมภาพันธ์ 2562 (ชมคลิป : https://youtu.be/mRghPRJ5YZY) แต่ชัยชนะครั้งนี้ท่านทราบหรือไม่ว่าชาติอาหรับที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ) ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์กลับไม่ยินดียินร้าย แถมยังให้ร้ายกาตาร์ต่างๆ นานา ทั้งก่อนคว้าแชมป์และหลังคว้าแชมป์
ซึ่งผิดวิสัยชาติอาหรับมากๆ เพราะกาตาร์ก่อนหน้านี้หลายชาติในโลกอาหรับรวมทั้งซาอุดีอาระเบีย อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพฟุตบอลครั้งนี้) ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูต
โดยอ้างว่ากาตาร์เป็นต้นเหตุทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางสั่นคลอน
ชาติเหล่านี้ที่ตัดสัมพันธ์กับกาตาร์กล่าวหาว่ากาตาร์สนับสนุนกลุ่มขบวนการอิสลามโดยเฉพาะขบวนการภราดรภาพและเครือข่ายซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอาหรับที่กล่าวมาแล้ว
ทางการซาอุฯ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ปิดพรมแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศกับกาตาร์
เป็นผลให้การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้กองเชียร์จากกาตาร์ไม่สามารถมาเชียร์ทีมรักของตนได้
ซึ่งทุกนัดแม้แต่นัดชิงชนะเลิศก็ไม่มีสักคนที่เป็นกองเชียร์จากกาตาร์
ตามข่าวบอกว่ามีเพียงเจ้าหน้าที่สาวจากสถานทูตชาวเกาหลีใต้เข้ามาให้กำลังใจคนเดียวโดดๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นักฟุตบอลจากกาตาร์ได้รับการปฏิบัติจากแฟนบอลซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และที่สำคัญที่สุดแฟนบอลเจ้าภาพก่อเหตุ ขว้างทั้งขวดน้ำ รองเท้าลงในสนามใส่นักเตะกาตาร์ ระหว่างที่นักฟุตบอลฉลองประตู ในเกมเอเชี่ยนคัพ 2019 รอบรองชนะเลิศ
โดยกาตาร์โชว์ลีลาฟุตบอลอย่างไฉไลไล่ถล่มเจ้าภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างไม่ไว้หน้าโดยได้ประตูจาก 4 ผู้เล่น เริ่มจาก บูเล็ม คูคี นาที 22, อัลโมเอซ อาลี นาที 37, ฮัสซัน อัล ไฮดอส นาที 81 และฮามิด อิสมาอีล นาที 94
ในนัดชิงชนะเลิศกับญี่ปุ่น น่าเข้าใจว่าจะเป็นคนอิหร่าน หรืออาหรับที่ไม่ใช่สามชาติอาหรับดังกล่าว (ซึ่งทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ที่เข้าไปเชียร์เป็นกำลังใจกาตาร์ทั้งที่สามชาติอาหรับดังกล่าวเชียร์ญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บรรยายฟุตบอลทั้งอียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังใส่อารมณ์ เยียดหยามนักเตะกาตาร์นานา แม้กระทั่งหลังกาตาร์ได้แชมป์ (โปรดดู https://youtu.be/tavb8nf2tcA?fbclid=IwAR3OQjl9nroA7mE2JNJnCh19bfVkLfRyJPjQHrxpYerrZER3bDh9w5NRjiw)
อีกทั้งก่อนนัดชิงชนะเลิศ อัลโมเอซและกาตาร์ก็ต้องลุ้นจนถึงหยดสุดท้ายเพราะถูกยูเออีร้องต่อสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียว่าดาวยิงคนนี้ไม่ควรมีสิทธิ์ลงทะเบียนแข่ง ก่อนจะได้รับไฟเขียวให้ลงสนามได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นก่อนนัดชิงชนะเลิศ
ความสำเร็จในครั้งนี้จึงต้องยอมรับหัวจิตหัวใจของทีมกาตาร์จริงๆ
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผู้วิเคราะห์เกมฟุตบอลทั่วโลกออกมาถอดบทเรียนความสำเร็จครั้งนี้ว่า “อยู่ที่การวางรากฐานพัฒนาฟุตบอลของกาตาร์ตามมาตรฐานโลกจริงๆ”
กาตาร์ใช้นักเตะชุดนี้จากแอสไพร์อะคาเดมีที่เติบโตขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชาติ จากแชมป์ยู-19 เอเชียเมื่อห้าปีที่แล้วมาถึงแชมป์เอเชียในปีนี้
เราจะเห็นสไตล์การเล่นที่ถูกวางแผนโดยโค้ชชาวสเปน เฟลิกซ์ ซานเชซ เสมือนสไตล์บาร์เซโลนา
หากดูตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นมาจากเกาหลีใต้ สู่ยูเออี และญี่ปุ่น สามชาตินี้ไปฟุตบอลโลกรวมกัน 17 สมัยแต่เสร็จพวกเขาทั้งหมด
กาตาร์เล่นได้สวยงามรวดเร็ว คมกริบ รับแน่นทุกเกม เสียแค่ประตูเดียวตลอดทัวร์นาเมนต์
จะพบสถิติที่น่าสนใจคือ อักรอม อาฟีฟ จ่าย 11 แอสซิสต์ใน 7 เกม อาลี อัลโมเอซ ยิง 9 ประตูใน 7 เกม ทำลายสถิติเดิม 8 ประตูที่อาลี ดาอี ทำเอาไว้เมื่อ 23 ปีที่แล้ว
นับเป็นประตูที่น่าจะสวยที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้เพราะเขากระดกบอล 2 ทีแบบไม่ตกพื้นแล้วจักรยานอากาศยิงใส่ญี่ปุ่นในนัดชิงชนะเลิศ
หากดูสถิติทั้งหมด กาตาร์ชนะเลบานอน (2-0) เกาหลีเหนือ (6-0) ซาอุดีอาระเบีย (2-0) อิรัก (1-0) เกาหลีใต้ (1-0) ยูเออี (4-0) ญี่ปุ่น (3-1)
5 จาก 7 ชาตินั้นเป็นทีมระดับหนึ่งในสิบของทวีปเอเชีย 6 จาก 7 ชาตินั้นอันดับโลกอยู่สูงกว่ากาตาร์ 6 จาก 7 ชาตินั้นไปลุยฟุตบอลโลกมาแล้ว
และ 2 ใน 7 ชาตินั้นคือซาอุดีอาระเบียแลยูเออีเป็นชาติที่มีปัญหาทางการเมืองระหว่างกัน
แต่กาตาร์ชุดนี้ก็ผ่านมันมาได้หมด ผ่านอุปสรรคนานัปการด้วยการเล่นและหัวใจอันแข็งแกร่ง
แชมป์โลกฝรั่งเศสกับกาตาร์แชมป์เอเชียมีสิ่งที่เหมือนกันคือความหลากจากลูกหลานคนอพยพจากหลากหลายชาติ ไม่ว่าสเปน มัลดีฟส์ ซูดาน โมร็อกโก แอลจีเรีย อิรักและเยเมน
แต่พวกเขาก็ร่วมใจเป็นหนึ่งอย่างลงตัว ผ่านการวางระบบที่ดี นานนับปีเพื่อก้าวสู่ฟุตบอลโลกที่เขาจะเป็นเจ้าภาพ ปี 2022
และหวังว่าประเทศไทยจะเอาเป็นแบบอย่างในครั้งนี้
หมายเหตุ บทความนี้ส่วนหนึ่งปรับจากเนื้อหา Facebook ของ Anucha Musadi