จากมารดา “ธงทอง จันทรางศุ” กับงานเขียน “แม่คุยกับลูก” : คุณค่าของความเป็นคน

แม่คุยกับลูก (11)

เมื่อวานนี้น้าจิ๋วส่งข่าวมาว่า หวันตายเสียแล้วด้วยโรคหัวใจล้มเหลว แม่รับฟังข่าวนี้ด้วยความสลดใจเป็นอย่างยิ่ง

ลูกอาจจะเคยได้ยินแม่พูดถึงชื่อนี้มาบ้าง แต่ก็คงจะจำไม่ได้หรอกว่าเขาเป็นใคร

หวันเป็นคนเก่าแก่ของบ้านเราคนหนึ่งจ้ะ

สมัยเมื่อแม่ยังเป็นเด็ก ก็หวันนี่แหละที่คุณลุงเล็กและแม่เคยใช้สอยมาโดยตลอด

หวันเกิดปีเดียวกับแม่ แต่เป็นเด็กผู้ชาย เพราะฉะนั้น หวันจึงเป็นทั้งเพื่อนเล่นและคอยรับใช้คุณลุงเล็กมามากกว่าคนอื่น

ตระกูลของหวันเป็นคนตำบลหนองตม พ่อของหวันชื่อมงคล แม่นั้นชื่อทองดี แต่ชาวบ้านเขามักเรียกกันสั้นๆ แต่เพียงว่าตาคลกับยายดี

แม่ยังจำได้ว่า วันหนึ่งนายผลพี่ชายคนโตของหวันซึ่งพี่ๆ น้องๆ เขาเรียกกันติดปากว่าทิดผล มีธุระต้องไปติดต่อที่อำเภอ

เจ้าพนักงานถามถึงชื่อของบิดา มารดาทิดผลเพื่อช่วยกรอกลงไปในแบบฟอร์มว่า “พ่อเราชื่อว่าอะไร?”

“คล” ทิดผลตอบสั้นๆ

“แล้วแม่ล่ะ”

“ดี” ทิดผลตอบ

เจ้าพนักงานอำเภอชะงัก ตะคอกทิดผลเสียงเขียวว่า

“แกจะมาลองดีกับอำเภอหรือไง?”

กว่าทิดผลจะละล่ำละลักอธิบายให้เจ้าพนักงานคนนั้นหายโกรธก็เสียเวลาไปอีกนาน น้องๆ ทิดผลมาก็เลยเก็บเอามาเล่าให้พวกเราฟังกันที่บ้าน

หวันนั้นเป็นเด็กผิวดำ ผมหยิกฟันขาวเหมือนเด็กนิโกร

ที่แม่เคยเล่าให้ลูกฟังว่ามีเด็กโกนผม ศีรษะโล้นตอนฮะตายแล้วมีคนกลัวแม่จะตกใจเพราะเพิ่งหายเจ็บใหม่ๆ เลยหลอกแม่ว่าถูกกล้อนผมเพราะเป็นเหา แต่ความจริงเขายอมบวชเณรหน้าศพเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ ก็คือหวันคนนี้นี่แหละ

สมัยยังเด็กๆ หวันไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดน้อย

มีอยู่พักหนึ่งคุณตาได้ไก่ฟ้าพระยาลอมาหลายคู่ สั่งให้คนสร้างกรง เอาไก่ฟ้าเข้าไปใส่ไว้ แม่ยังจำได้ว่าตื่นเต้นกันไปทั้งบ้านเพราะเป็นของแปลกและใหม่ เรายังไม่เคยเลี้ยงมาก่อน

หวันนั้นไม่ต้องสงสัย มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นบ่อยๆ คงจะชอบมันเป็นพิเศษ

วันรุ่งขึ้น หวันไปที่โรงเรียน มีสอบซ้อมพอดี มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง ครูให้หวันเขียนคำอธิบายว่าฝนทั่งให้เป็นเข็ม หมายความว่ากระไร

หวันเขียนตอบลงไปทันทีว่า

“ฝนทั่งให้เป็นเข็มก็คือไก่ฟ้าพระยาลอ”

ผลก็คือคำถามข้อนั้น หวันได้ศูนย์จ้ะ แล้วทุกคนก็จำกันเอามาล้อหวันจนกระทั่งทุกวันนี้

หวันจากพวกเรามาเมื่อตอนเป็นหนุ่ม มาหางานทำในกรุงเทพฯ พร้อมๆ กับพี่น้องอีกหลายคน

พี่น้องของหวันทั้งหมดเคยอยู่กับเรามาถึงห้าคน หวันมีพี่สาวสองคนแล้วก็น้องสาวอีกสองคน แต่หวันเป็นผู้ชายคนเดียว

หวันได้งานได้การทำเป็นหลักฐานมีภรรยาและลูกชายรุ่นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง

คุณป้าศรีเล่าให้แม่ฟังว่า เมื่อหวันตาย มีเงินบำเหน็จก้อนหนึ่งตกแก่เมียและลูกของหวัน ซึ่งก็พออยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน

ลูกของหวันเองก็เรียนจบปีนี้พอดี หวันเอามาฝากไว้กับน้าติ่งให้ช่วยหางานให้ทำ ซึ่งน้าติ่งก็กำลังหาลู่ทางให้อยู่

ตลอดเวลาหลายสิบปีที่พี่ๆ น้องๆ ตลอดจนกระทั่งตัวหวันเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างก็ผลัดกันแวะเวียนมาหาพวกเรามิได้ขาด

แม่ลืมเล่าให้ลูกฟังว่า เมื่อสักสามสี่ปีมานี้ พี่สาวคนหนึ่งของหวันก็เสียชีวิตลงด้วยโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ไปเผาศพบุญมีพี่สาวหวัน สามีของบุญมีซึ่งเคยอยู่กับเรามาเหมือนกัน พอเห็นหน้าพวกเราเข้าก็ร้องไห้ราวกับเด็กๆ ทำเอาพวกเราเต็มตื้นไปหมด

มันทำให้แม่นึกย้อนไปถึงฮะกับแปง แล้วก็แม้น เรื่อยมาจนถึงอ้อยกับบุญมาแล้วก็ยังมีไม้ใกล้ฝั่งอย่างป้าเล็ก ฯลฯ

มีใครต่อใครมักจะชอบพูดกันว่าครอบครัวของเรานั้นทำบุญมาดีเกี่ยวกับเรื่องบริวาร เมื่อสมัยคุณตาคุณยายผู้คนก็อยู่กับเราจนกระทั่งตายจากกันไปเป็นรายๆ

ครั้นมาถึงในปัจจุบันนี้ก็อีกนั่นแหละ

คุณป้าศรีก็มีป้าเจ๊ซึ่งอยู่มาจนกระทั่งตายจากกันไปอีก

คุณป้าขวัญก็มีป้าเล็กซึ่งฆ่ากันไม่ตาย ขายกันไม่ขาดอีกรายหนึ่ง

คุณลุงแท้หรือแม้กระทั่งตัวแม่เองก็อุตส่าห์มีคนเก่าแก่ที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้อยู่กับเรามาตั้งยี่สิบ-สามสิบปีเหมือนกัน

แม่มาพิจารณาดู คิดย้อนไปถึงสมัยคุณตาคุณยาย สมัยก่อนเราอยู่กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจริงๆ

เรื่องภายในบ้านซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่นั้นคุณตาท่านมอบให้คุณยายเป็นผู้ดูแลจัดการโดยสิทธิ์ขาด

คุณยายของลูก ถ้าสมัยนี้เราก็เรียกว่าเป็นคนอ่อนนอกแข็งในนั่นแหละจ้ะ

คุณยายเป็นคนเรียบร้อยและมีระเบียบมากในการดูแลลูกและบริวาร

เท่าที่แม่จำได้ คุณยายเป็นคนใช้เงินเป็นจ้ะ คือใช้ในสิ่งที่ควรใช้และประหยัดในสิ่งที่ควรประหยัด

และที่สำคัญก็คือ ทุกคนในบ้านจะได้รับการดูแลให้กินอิ่มและนอนหลับ

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะได้รับการดูแลรักษาไม่ทอดทิ้ง

ทุกคนจะได้รับการเอาใจใส่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

และอีกประการหนึ่ง คุณยายไม่เคยใช้ถ้อยคำหยาบคายกับผู้ที่ต่ำกว่า ไม่เคยทำให้เขาได้อาย ไม่เคยสบประมาทหรือดูถูกเหยียดหยามเขา

ในสมัยนั้น มีคนรับใช้ชาย-หญิงคู่ที่คุณยายจัดการให้เขาได้อยู่กินกันโดยเปิดเผย ถ้ามีอะไรผิดพลาดคุณยายจะเข้าไปจัดการอย่างเงียบๆ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้อง

แต่จะไม่ยอมให้อะไรที่ผิดศีลธรรมเกิดขึ้นในบ้านโดยไม่ได้รับการแก้ไข

ในโอกาสพิเศษ เช่น วันปีใหม่ ตรุษสงกรานต์ ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับเงินพิเศษ เสื้อผ้าใหม่ มีการละเล่นเลี้ยงดูด้วยอาหารพิเศษตลอดจนได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวเตร่ได้เป็นครั้งคราว

แม่ยังจำได้ว่า ทุกๆ ปีในวันขึ้นปีใหม่ คุณป้าขวัญจะเป็นคนคิดเกมต่างๆ ให้เด็กๆ เล่น เป็นต้นว่า แข่งวิ่งเปี้ยว ชักเย่อ วิ่งวิบาก ประกวดร้องเพลง ฯลฯ

เด็กๆ ในบ้านจะคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ ซุ่มหัดร้องเพลงหรือซ้อมการวิ่งเอาไว้ เด็กทุกคนมีสิทธิ์ส่งตัวเองเข้าชิงรางวัล ไม่ว่าจะเป็นนายหรือบ่าว

เสร็จแล้วเราก็จะมีการเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน

ทุกคนจะจำวันนี้ได้ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนหรือแก่เฒ่าลงเพียงใด เวลากลับมาพบกันพอพูดถึงเรื่องเหล่านี้ แทบทุกคนจะมีน้ำตาคลอหน่วย

มาในยุคหลังๆ นี้ คุณตาคุณยายเสียไปนานหลายสิบปี เด็กๆ ก็เปลี่ยนรุ่นกันไป ลูกคงยังจำได้ว่าในตอนหลังนี้เรามีน้าจิ๋วมาเป็นหัวหน้าเด็กแทนคุณป้าขวัญ

เมื่อปีที่แล้ว น้าจิ๋วประกาศว่าขอให้เป็นปีสุดท้าย เพราะน้าจิ๋วเองก็แก่เกินกว่าที่จะจัดเสียแล้ว

ปีหน้านี้น้าจิ๋วก็จะลาพวกเราไปเข้าวัดอโศการาม ที่ซึ่งน้าจิ๋วไปปลูกกุฏิทิ้งไว้หลายปีมาแล้ว แต่ก็มาติดภาระอีกหลายเรื่องจึงทำให้น้าจิ๋วต้องเลื่อนเวลาที่เคยกำหนดไว้มาเป็นปีหน้า

ที่แม่คุยมาถึงตรงนี้ก็เพื่อจะเล่าว่า การที่เราได้เห็นตัวอย่างที่ดี และได้รับการอบรมมาจากคุณยายกระมังที่ทำให้ผู้คนเขาเต็มอกเต็มใจที่จะอยู่กับเราไปนานๆ

แม่นั้นบอกกับใครอยู่เสมอว่า ใครก็ตามที่อยู่กับเราไปนานๆ นั้น ไม่ใช่ญาติก็เหมือนกับญาติ

เงินนั้นซื้อใครไม่ได้หรอก น้ำใจที่ผูกพันต่อกันต่างหากที่เหนียวแน่นเสียยิ่งกว่าเครื่องพันธนาการใดๆ

ถ้าเราเอาใจเขาไปใส่ใจเราสักนิด เรื่องของเรื่องก็คงไม่ยากที่จะเข้าใจกัน

ค่าของความเป็นคนนั้นเสมอกันหมด ถ้าเรามีแต่ความเมตตารักใคร่ต่อเขา มีหรือว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกเช่นว่านี้ตอบสนองเรา

และแม่ก็คิดว่าเรื่องต่างๆ ที่คุยกันมานี้คงไม่ยากหรอกที่ลูกจะเข้าใจ