จากเพลงรักโรแมนติก สู่ “ฮิปฮอปแบบไม่ด่า-แจ๊ซฟังง่าย” อีกมิติบนถนนดนตรีของ “บอย-นภ”

“ตอนนี้ผมอายุ 50 ปีแล้ว เลยคิดว่าอีก 10 ปีที่เหลือ ผมอยากจะทำอะไรดีๆ เพื่อสังคม ทำให้กับโลกของเรา ให้กับลูกหลานของเรา”

เป็นคำกล่าวของนักแต่งเพลงรักที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของไทยอย่าง “บอย โกสิยพงษ์” กับการพูดถึงบริษัท ไลฟ์อีส จำกัด (LIFEiS) ที่เขาร่วมก่อตั้ง ร่วมด้วยน้องชายบนถนนสายดนตรีเดียวกับเขาอย่าง “นภ พรชำนิ” ที่มานั่งตำแหน่งซีอีโอ

ไลฟ์อีสเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเพื่อสังคม (social business) ที่พวกเขาตั้งใจจะปลูกสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ผ่านกิจกรรมหลากรูปแบบที่จัดขึ้นสำหรับหลายช่วงวัย ด้วยความเชื่อที่ว่า ไลฟ์อีสจะเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนมุมมอง สร้างเมล็ดพันธุ์แห่งการเกื้อกูลให้กับสังคมไทยในอนาคต

แต่ถึงอย่างนั้น…ก็ไม่ใช่ว่าทั้งคู่จะหันหลังให้กับวงการเพลง เพราะยังตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานมาให้แฟนๆ ได้ชมได้ฟัง

“ตอนนี้ก็ยังทำเพลงอยู่ ปลายปีนี้จะออก The Million Ways to Love Part 2 นอกจากนี้ ตอนนี้ก็ยังทำงานเพลงให้กับหลายศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งเพลง ช่วยแต่งเพลง ช่วยคอนซัลต์ แล้วก็ยังทำคอนเสิร์ตด้วย” บอยว่า

หากใครติดตามบอยจากหน้าเพจเฟซบุ๊ก ก็จะเห็นว่าเขาคอยอัพเดตการร่วมงานกับศิลปินหลายคน ไม่ว่าจะเป็น กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ, เดอะทอยส์ เป็นต้น

“ตอนนี้เราเข้าไปร่วมงานกับศิลปินหลายคน เพราะเราเชื่อว่าเราต้องไปสร้างผู้เชื่อมใหม่ๆ จากที่พวกเราคือผู้เชื่อมให้สังคมมาเจอกัน ขณะเดียวกันเราก็ต้องสร้างผู้เชื่อมรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วก็ปลูกฝังความคิด แนวคิดที่จะมีกันและกัน แล้วก็คัดเลือกว่าคนไหนจะเหมาะสม ก็จะชวนมาทำกับไลฟ์อีสด้วย” บอยกล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังกำลังจะเปิดค่ายเพลงฮิปฮอป ซึ่งจะเป็นฮิปฮอปที่พูดถึงแนวคิดในการดำเนินชีวิต โดยมี “อุ๋ย บุดด้าเบลส” เป็น executive producer

“อุ๋ยจะมีทีมงานของเขา แล้วก็มีแร็ปเปอร์หลายคนที่เป็นสายเดียวกัน คือสายที่ไม่ด่า แต่จะมาให้แง่คิด ปลุกใจ แล้วเขาก็จะเข้าไปตามโรงเรียนต่างๆ ในระดับ ม.4-ม.6 และโรงเรียนอาชีวะ เพื่อเฟ้นหาดาวแร็ปที่มีแนวคิดเดียวกันเข้ามาร่วมทีม ตอนนี้ก็มีการร่วมมือกันแล้ว หลังจากนี้ก็คงลุยเต็มสูบ ซึ่งคาดว่าปีนี้ก็คงจะมีทั้งอัลบั้มและคอนเสิร์ตของค่ายนี้ออกมาให้เห็น”

ส่วนคอนเสิร์ตในเดือนสิงหาคมของบอย หรือคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า Simplified the concert จะเป็นภาคสองต่อจากภาคแรกที่จัดไปเมื่อต้นปี โดยจะพูดถึงช่วงชีวิตของเขาในปี 1996-2002 ดังนั้น เพลงหลายๆ เพลงที่จะได้ฟังในคอนเสิร์ตก็จะมาจากช่วงนี้ด้วย

“ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมสับสนในชีวิต เราแต่งงาน เรามีความสุข ขณะเดียวกันครอบครัวเราเริ่มเสียชีวิตไปปีละคน 5 ปี 5 คน บริษัทก็เริ่มตกลงเหว เริ่มเจ๊ง หลายอย่างในชีวิตช่วงนั้นมันมืดมนสำหรับผม ผมเลยอยากจะบอกว่า คอนเสิร์ตนี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราได้เล่นเพลงที่ส่วนใหญ่เราไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อน เพราะว่าอาจจะเป็นเพลงที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแฟนเพลงผม คุณอาจจะได้ยินมันครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายด้วย เพราะตอนนี้ก็ 50 ปีแล้ว แต่ก็จะมีช่วงเฮฮาที่คุณเห็นอยู่เป็นประจำในคอนเสิร์ตบอย-นภด้วย และจะมีแขกรับเชิญ รับรองว่าคาดไม่ถึงล้านเปอร์เซ็นต์”

ด้านศิลปินเพลงรักโรแมนติกอย่าง “นภ” เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เขารับผิดชอบบริษัทไลฟ์อีสเป็นหลัก แต่ก็มีอีก 2-3 โปรเจ็กต์ที่รับผิดชอบอยู่ด้วย คือ P.O.P. 20 ปี ที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ช่วงปลายปีนี้

“อีกโปรเจ็กต์หนึ่งที่ทำอยู่คือค่ายเพลงแจ๊ซ ชื่อ L”Avant Gard (ลาวองต์การ์ด) ซึ่งเป็นค่ายใหม่ที่พี่บอยกับผมทำเพลงที่เป็นแนวแจ๊ซที่ไม่ได้ฟังยากนัก แต่เราให้เกียรติคำว่าแจ๊ซ คือแจ๊ซซึ่งเป็นคำกริยาที่แปลว่า just jazz คืออย่าอยู่ในฟอร์แมตเดิมๆ” นภกล่าว

ก่อนที่บอยจะเสริมว่า “คนเราสามารถออกนอกได้แต่ไม่ผิดกฎเกณฑ์ ดังนั้น ถ้าเราสามารถนำดนตรีแจ๊ซเข้ามาให้กับผู้ฟังที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ได้มากเท่าไหร่ การคิดนอกกรอบ การมีครีเอทีฟ ครีเอทิวิตี้สูงๆ มันจะเกิดขึ้นแน่นอน เราเลยตั้งใจจะทำค่ายแจ๊ซให้ทุกคนในครอบครัวฟัง และจะมีกิจกรรมทุกๆ เดือน เป็นกิจกรรมที่มาเล่นแจ๊ซให้ดูตั้งแต่ตอนบ่ายๆ”

ทั้งคู่เล่าให้ฟังถึงการจัดคอนเสิร์ตแจ๊ซในชื่อว่า Jazz in”it up with Smiles เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า มีคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆ มาดูกันเพียบ แล้วเด็กๆ ก็เต้นกันสนุกสนาน แสดงให้เห็นว่าแจ๊ซนั้นเฟรนด์ลี่ ไม่ได้ฟังยาก และยังช่วยกระตุ้นสมองของเด็กให้พัฒนาด้วย

ก่อนที่นักร้องเสียงอบอุ่นอย่างนภจะกล่าวถึงผลงานอื่นๆ ของเขาด้วยว่า นอกจากจะเข้ามาดูแลค่ายเพลงแจ๊ซแล้ว ก็ยังมีอัลบั้มของตัวเอง ชื่อ singing it with smiles ซึ่งต้องทำให้เสร็จในปีนี้ แล้วก็มีเพลงที่จะออกกับค่ายลาวองต์การ์ดมิวสิกด้วยกัน ซึ่งอยากให้แฟนเพลงลองติดตาม เพราะจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอเพลงของเขาเลยทีเดียว

“ผมเชื่อว่ามีกลุ่มคนฟังที่รอฟังเพลงแบบนี้อยู่อีกจำนวนมาก ถือเป็นการทำความฝันตรงนี้ให้เป็นจริงแล้ว นอกเหนือไปจากไลฟ์อีส คล้ายกันกับลาวองต์การ์ด มันคือฟอร์แมตที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้วเราทำเลย ปลูกเลย ลุยเลยดีกว่า รับรองว่าเดี๋ยวมันก็โตของมันเอง เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี” นภกล่าว

บนถนนสายดนตรีของของ “บอย-นภ” ที่สร้างบทเพลงแห่งความรักโรแมนติก บทเพลงแห่งความหวัง ไปจนถึงแนวเพลงใหม่ที่พวกเขากำลังทำอย่างฮิปฮอปและแจ๊ซ ก็เชื่อว่าจะยังคงมีกลิ่นอายความเป็นพวกเขา คือสร้างแรงบันดาลใจให้คนฟังนั่นเอง

แต่ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งแล้ว บอยว่า “ผมว่าผมเป็นพวกเพอร์คัสชั่นหรือไม่ก็กลอง เพราะผมชอบจังหวะมาก และถ้าแต่งเพลง ผมก็จะแต่งเพลงจากจังหวะ เพราะคิดว่าเพอร์คัสชั่นมันทำให้เกิดจังหวะและความรู้สึกได้หลายรูปแบบ”

ส่วนนภนั้นบอกว่าเขาคงจะเป็น “เปียโน”

“เพราะผมเป็นนักเล่าเรื่อง ผมพยายามสื่อสารกับคนฟังหรือผู้รับสารเสมอ และตรงนี้ (ไลฟ์อีส) ก็กำลังตอบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ จุดประสงค์คืออะไร มันต้องไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง พี่บอยส่งจังหวะมาแล้ว ผมเป็นเมโลดี้ต่อให้ แล้วก็เล่าเรื่องเชื่อมกันเป็นเพลงให้ได้”

ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัว