ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ : ถ้ำหลวง จุดแสงสว่างให้ประเทศสู่อนาคต

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

หมายเหตุ(บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่3ก.ค.61)

ไม่มีใครคาดคิดว่าการที่โค้ชพาเด็กเข้าถ้ำหลวงช่วงหน้าฝนจะทำให้เด็กติดถ้ำตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีใครคิดว่างานตามหาเด็กขององค์กรเอกชนในพื้นที่แม่สายจะลุกลามเป็นปฏิบัติการระดับชาติเพื่อช่วยเด็กๆ ซึ่งคนทั้งประเทศร่วมใจสู้เหตุน้ำท่วมถ้ำที่แทบไม่เคยมีใครสำรวจอย่างน่าอัศจรรย์

วันแรกที่เด็กหายไปคือฝันร้ายของแม่พ่อและครอบครัวของน้องๆ กลุ่มนี้ แต่หลังจากคนไทยรับรู้ว่าโค้ชกับเด็กอีกสิบสองคนติดถ้ำเพราะน้ำท่วมหนัก ทุกคนกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นแห่งความเป็นชาติ

และชาติก็ทำให้คนไทยอีกหลายล้านโอบรับความทุกข์ของเด็กเป็นความทุกข์ของตัวเอง

สิบวันที่ความมืดโอบล้อมสิบสามชีวิตทีมหมูป่า คือสิบวันที่ความกังวลแผ่ซ่านจากจุดที่มืดมิดที่สุดในหัวใจของทุกคน

แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิบวันที่ภราดรภาพของมนุษยภาวะจุดประกายให้เกิดพลังซึ่งเป็นการหลอมรวมทุกองคาพยพเพื่อนำธงชัยแห่งแสงสว่างไปขับไล่อนธการที่ครอบงำอยู่ปลายอุโมงค์

ทุกค่ำคืนที่คนเป็นล้านหลับไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลในใจที่ปวดร้าวเพราะไร้ข่าวดี ทุกเช้าเราจะตื่นขึ้นพร้อมกับภาวนาให้วิริยภาพแห่งความเป็นชาติและมนุษยธรรมออกผลเป็นปีติแห่งชีวิตสักที

ความหวังเป็นเสมือนเส้นด้ายที่โยงใยให้เราเดินไปข้างหน้า ต่อให้การที่โค้ชทีมหมูป่าพาเด็กเข้าถ้ำช่วงหน้าฝนแบบฝืนคำสั่งห้ามอาจจะเกิดขึ้นเพราะการอยากเข้าไปฉลองวันเกิดในถ้ำให้ลึกที่สุดก็ตาม

ภายใต้ความมืดมิดในถ้ำหลวงที่แผ่ซ่านเป็นเมฆทะมึนครอบคลุมทั้งประเทศ การปกป้องทุกชีวิตที่ถ้ำหลวงคือการโอบอุ้มคนในชาติให้รอดพ้นจากฝันร้ายที่หลอกหลอนราวไม่มีบั้นปลาย

ทุกชีวิตในถ้ำหลวงมีค่ามากกว่าชีวิตปัจเจกชนหนึ่งชีวิต เพราะทุกชีวิตที่นั่นคือการกอบกู้จิตวิญญาณของชาติให้เชื่อมั่นในความหวังท่ามกลางยุคสมัยที่ความสิ้นหวังงอกเงยไม่รู้คลายมาเป็นเวลาหลายปี

ยิ่งแสงสว่างเจิดจ้าในอุโมงค์มากเท่าไร ความหวังยิ่งเจิดจรัสในจิตใจคนไทยมากขึ้นในลักษณะเดียวกัน

เราทุกคนรู้ว่าธรรมชาติและเวลาคือสองสิ่งที่มนุษย์เพียรเอาชนะมานับพันปี ทั้งที่ยากจะทำได้

และในกรณีทีมหมูป่าเข้าไปติดถ้ำยามหน้าฝนที่แม่สาย กระแสน้ำที่ท่วมสูงทำให้การเดินทางของเวลาคล้ายการนับถอยหลังสู่จุดที่น่าวิตกที่สุด

ไม่ต้องพูดถึงข้อเท็จจริงที่เหตุร้ายกรณีนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ไม่เคยเผชิญเหตุนี้เลย

ปฏิบัติการกู้ชีวิตที่ถ้ำหลวงคือการต่อสู้เพื่อเอาชนะความโหดร้ายของธรรมชาติและความโหดเหี้ยมของเวลา

การปฏิบัติภารกิจภายใต้ข้อจำกัดแบบนี้จึงไม่เคยง่ายในสังคมไหน และยิ่งทวีความยากมากขึ้นในแผ่นดินที่โชคดีจนปราศจากผู้นำหรือหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในสมรภูมินี้แม้แต่รายเดียว

ท่ามกลางประเทศที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ ความหวังของประเทศผุดพรายจากพลังของคนธรรมดาที่แฝงอยู่ในสังคมไทยเงียบๆ

เช่นเดียวกับสำนึกด้านมนุษยธรรมที่เป็นสากลซึ่งส่งทรัพยากรทั้งหมดมาโอบอุ้มชีวิตเด็กๆ ในสมรภูมิที่ลำพังคนไทยยากจะชนะเพื่อไปสู่จุดหมายในบั้นปลาย

เมื่อทุกองคาพยพของกลไกหลักในประเทศไม่มีศักยภาพพอจะมีชัยเหนือความอำมหิตของเวลา สำนึกด้านความเป็นชาติและมนุษยธรรมสากลย่อมเป็นพลังที่ทรงพลานุภาพที่สุด

รัฐบาลจะทำอะไรจึงส่งผลต่อความลุล่วงในการแก้ปัญหาน้อยมาก เช่นเดียวกับตำแหน่งซี 11 ก็ไม่ช่วยอะไรในสถานการณ์นี้เหมือนกัน

คนจำนวนหนึ่งวิจารณ์คุณประยุทธ์และคุณศรีวราห์ว่าลงพื้นที่แล้วไม่ช่วยอะไร แต่คำตำหนินี้ไม่เป็นธรรม เพราะทั้งนายกฯ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ใช่คนที่จะทำอะไรในสถานการณ์นี้ได้แน่ๆ ความผิดของคนคู่นี้จึงไม่ใช่เรื่องไม่ได้ทำอะไร แต่คือความล้มเหลวในเรื่องง่ายๆ อย่างการพูดให้ผู้สิ้นหวังเกิดความรู้สึกที่ดี

ในแง่นี้ ครูบาบุญชุ่มที่ไม่มีตำแหน่งในคณะสงฆ์ไทยเลยกลับทำเรื่องที่มีประโยชน์ต่อพ่อแม่และญาติพี่น้องของทีมหมูป่ายิ่งกว่าพลเอกและพลตำรวจเอกทั้งสองคนด้วยซ้ำไป

คุณศรีวราห์อ้างว่าปกติก็พูดกับลูกน้องเหมือนตะคอกวิศวกร แต่วิศวกรท่านนั้นไม่ใช่ลูกน้องคุณศรีวราห์ ส่วนคุณศรีวราห์ก็ไม่มีอำนาจเหนือหน่วยงานอื่น ข้ออ้างจึงยิ่งยืนยันว่าสังคมควรไม่พอใจคุณศรีวราห์ที่วางก้ามเหนือคนซึ่งสังคมรู้สึกว่ากำลังช่วยชีวิตเด็กๆ จนมีประโยชน์ต่อภารกิจยิ่งกว่าคุณศรีวราห์เอง

สำหรับนายกฯ ผู้ลงพื้นที่แล้วปราศรัยให้พ่อแม่ที่ลูกติดถ้ำฟังนโยบายรัฐบาล ข้อครหาเรื่องท่านไม่ช่วยอะไรไม่ได้หมายความว่าประชาชนคาดหวังให้ท่านทำอะไรในภารกิจนี้

แต่คือความไม่พอใจที่ท่านคิดไม่ออกในเรื่องที่ประชาชนคิดได้ว่าการแสดงความอาทรต่อครอบครัวเด็กๆ สำคัญกว่าการพูดเรื่องผลงานตัวเอง

แนวหน้าของปฏิบัติการช่วยเด็กในถ้ำคือทหารเรือ แต่เป็นข้อเท็จจริงอีกเช่นกันว่าการดำเนินการของทหารเรือในช่วงสามวันแรกจบลงทันทีที่ถ้ำน้ำท่วมเพราะฝนและน้ำใต้ดินอีกครั้ง น้ำในถ้ำเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องถอนตัวไปตั้งต้นทำงานใหม่ที่ปากถ้ำแบบไม่มีทางทำอะไรได้ หากปัญหาน้ำท่วมไม่ถูกแก้ไขให้ลุล่วงไป

แน่นอนว่าฝ่ายราชการพยายามแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยเครื่องมือและวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่มี แต่น้ำท่วมคือข้อเท็จจริงที่เป็นอุปสรรคตามธรรมชาติซึ่งขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจ

ความพยายามจึงไม่แน่ว่าจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่จะไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้

และวิธีสูบน้ำของราชการก็ให้ผลที่ช้าจนเสี่ยงจะพ่ายแพ้แก่เวลาจริงๆ

วีรบุรุษผู้เปิดประตูให้หน่วยดำน้ำเข้าไปช่วยเด็กคือพลเรือนสองกลุ่มซึ่งไม่อยู่ในสายตาราชการเลย

กลุ่มแรกคือ คุณสุรทิน ชัยชมภู นายกสมาคมเจาะน้ำบาดาลที่นำทีมงานมาดูดน้ำใต้ดินจากปากถ้ำและท้ายถ้ำได้สำเร็จ

ส่วนอีกกลุ่มคือคาราวานเครื่องสูบน้ำพญานาคซิ่งซึ่งถึงจุดนี้ก็ไม่อวดอ้างเพื่อชื่อเสียงแม้แต่นิดเดียว

ด้วยเครื่องเจาะน้ำบาดาลและท่อสูบน้ำขนาดยักษ์ของคนธรรมดาๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือน้ำนอกถ้ำหยุดไหลเข้าไปในถ้ำในที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้นคือน้ำใต้ดินในถ้ำยังไหลออกมาทดแทนน้ำบาดาลจุดที่ทีมเจาะสูบดำเนินการอยู่ด้วย

ภารกิจดำน้ำเข้าถ้ำจึงเดินหน้าต่อได้บนเส้นทางที่ปูไว้ด้วยปฏิบัติการของประชาชน

ไม่มีข้าราชการรายไหนผิดที่แก้ปัญหาน้ำท่วมถ้ำไม่ได้ แต่ภารกิจนี้โชคดีที่ราชการฟังชาวบ้านผู้มองเห็นว่าการเจาะน้ำใต้ดินจะช่วยสกัดน้ำเข้าและดึงน้ำออกจากถ้ำ

ซ้ำยังมีเทคโนโลยีจากภูมิปัญญารากหญ้าที่ปฏิบัติการได้สำเร็จ ขณะที่ราชการนับสิบคิดแต่เรื่องระดมท่อสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อเร่งสูบน้ำในถ้ำออกมา?

หลังจากช่างเจาะน้ำบาดาลและท่อสูบน้ำพื้นบ้านปฏิบัติการได้สองวัน ทีมดำน้ำที่เผชิญอุปสรรคจากน้ำท่วมก็สามารถลำเลียงถังอากาศและเครื่องมือต่างๆ จนตั้งฐานปฏิบัติการในโถงสามได้สำเร็จ

และการมีฐานปฏิบัติการในถ้ำนั้นเกี่ยวพันกับสัมฤทธิผลในการกอบกู้ชีวิตเด็กในส่วนที่ลึกขึ้นไปโดยตรง

อันที่จริงแม้แต่การเรียกทีมดำน้ำในปฏิบัติการนี้ว่า “ทีมซีล” ก็บดบังความจริงว่ามีนักดำน้ำที่ไม่ใช่ทหารเรือเข้าร่วมช่วยชีวิตทีมหมูป่ามหาศาลด้วย ได้แก่ ทีมนักดำน้ำอังกฤษ, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, ตำรวจภูธรภาค 7, ป่อเต็กตึ๊ง, ศูนย์นรินทร หรือแม้แต่นักดำน้ำเอกชนที่เอกชนหลายกลุ่มให้ความสนับสนุนด้านการเงิน

นอกจากการแก้ปัญหาน้ำท่วมถ้ำจะลุล่วงด้วยภูมิปัญญาของคนธรรมดา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างคุณดำรงค์ พิเดช ก็ยอมรับว่าชาวบ้านละแวกถ้ำเขาหลวงมีบทบาทอย่างสูงในการไล่ล่าตาน้ำซึ่งเป็นเหตุให้น้ำท่วมถ้ำด้วย

เช่นเดียวกับการสำรวจโพรงซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนพื้นบ้านในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน

บทเรียนจากวิกฤตถ้ำหลวงคือประเทศมีความซับซ้อนจนการออกแบบและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูดและได้คิดนั้นคือทิศทางที่ควรจะเป็นยิ่งกว่าการผูกขาดประเทศไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลและข้าราชการแน่ๆ

เพราะมีแต่วิธีนี้ที่จะระดมทรัพยากรของคนทุกฝ่ายให้เป็นพลังเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคม

น่าสนใจว่าในเวลาที่ปฏิบัติการกอบกู้ชีวิตเผชิญอุปสรรคจนขวัญและกำลังใจถูกกระทบกระเทือนอย่างมีนัยยะสำคัญ ครูบากลับเป็นแหล่งที่มาของความเชื่อมั่นยิ่งกว่าผู้นำจากทำเนียบรัฐบาลและระบบราชการด้วยซ้ำ ถึงแม้ความเป็นครูบาจะไม่ได้เกิดจากสมณศักดิ์หรือตำแหน่งในคณะสงฆ์ที่รัฐรองรับเลยก็ตาม

ความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพระสงฆ์ว่าเป็น “ตนบุญ” หรือพระโพธิสัตว์แบบนี้แสดงถึงพลังของท้องถิ่นหรือ “พื้นบ้าน” ที่เป็นทรัพยากรสำคัญ ซึ่งโดยปกติแล้วถูกดูหมิ่นตลอดเวลาด้วย คำพยากรณ์ของครูบาในเย็นวันที่ 30 ว่าจะพบทีมหมูป่าในอีกสองวันจึงถูกเหยียดหยามก่อนที่ทีมดำน้ำจะพบเด็กในวันที่ 2 จริงๆ

อันที่จริงขณะที่สื่อไทยรายงานข่าวโดยเน้นไปที่ปฏิบัติการหน่วยราชการไม่กี่ราย ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสื่อทั่วโลกคือบุคลากรจากต่างประเทศมีส่วนสนับสนุนเจ้าหน้าที่ไทยสูงมาก

ความรู้เรื่องถ้ำและการกู้ภัยลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยไม่มีแน่ๆ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อภารกิจในการค้นหาและติดตาม

ในคลิปซึ่งทีมดำน้ำบันทึกวินาทีแรกที่พบตัวโค้ชและเด็กทั้งสิบสองคน นักดำน้ำอังกฤษเป็นคนพูดกับเด็กเป็นคนแรกด้วยซ้ำว่าพวกเขาติดอยู่ในถ้ำมาสิบวันแล้ว ส่วนเด็กก็ตอบโต้ว่าหิวมาก ต้องการ อยากกิน ส่วนนักดำน้ำอังกฤษคนเดิมก็ตอบว่าเดี๋ยวจะมีอาหารพร้อมกำลังคนมาช่วยเด็กๆ อีกหลายคน

การมองโลกด้วยชาตินิยมเรียวแคบอาจทำให้คนจำนวนหนึ่งมองว่าปฏิบัติการช่วยทีมหมูป่าสำเร็จเพราะข้าราชการไทย แต่ข้อเท็จจริงคือราชการไม่มีประสบการณ์กู้ภัยแบบนี้, ไม่เคยปฏิบัติการในถ้ำ รวมทั้งไม่มีแผนที่ซึ่งนักสำรวจถ้ำฝรั่งมี ลำพังร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นยากที่จะทำให้เรื่องนี้จบแบบนี้ได้แน่นอน

ความสำเร็จในการกอบกู้ชีวิตทีมหมูป่าเกิดจากสำนึกเรื่องมนุษยธรรมที่เป็นสากล ทัศนะเรื่องมนุษยธรรมที่อยู่เหนือความแตกต่างทางชาติและศาสนาทำให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศหลั่งไหลมหาศาลแบบนี้ และเราควรมีสำนึกแบบนี้ในการคิดเรื่องคนที่แตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนาด้วยเช่นกัน

ไม่มีใครจุดไฟไล่ความมืดมิดในถ้ำหลวงได้คนเดียว ประทีปแห่งชีวิตที่หยิบยื่นให้เด็กๆ เกิดขึ้นโดยมือที่มองไม่เห็นซึ่งสนับสนุนเรื่องที่ราชการทำไม่ได้มหาศาล แสงสว่างในถ้ำหลวงถูกจุดจากภราดรภาพที่สลัดเรื่องรุงรังอย่างชาติและราชการ ความหวังของประเทศเรืองรองเพราะความเจ็บปวดจากทุกข์จนร่วมมือกัน

แม้ปฏิบัติการกู้ชีวิตในช่วงต้นๆ จะมีด้านที่เป็นการขอบคุณกันเองของชนชั้นซี 10 มากเกินไป

แต่ชัยชนะของมนุษย์เหนือความโหดร้ายของเวลากรณีนี้เกิดจากการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาทั้งหมด

แสงสว่างที่ถ้ำหลวงฉายชี้ว่าประเทศนี้มีอนาคต

และอนาคตอยู่ที่คนธรรมดาผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทุกคน