เชิงบันไดทำเนียบ : ถอดรหัส ‘คสช.ดุขึ้น’ กระแส ‘นายกฯพรมแดง ?’ คุมทัพ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’

ดูเหมือนประเด็นเรื่อง ‘นาฬิกาหรู’ ของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. จะไม่เงียบง่ายๆ ล่าสุด ‘ทิชา ณ นคร’ อดีตสปท. ไปยื่นหนังสือ ‘บิ๊กกุ้ย’พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้เร่งตรวจสอบที่มานาฬิกาหรู

อีกทั้ง ‘ทิชา’ ยังทวงถามคำ ‘สัญญา’ ของ พล.อ.ประวิตร ที่เคยลั่นวาจา “ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็พร้อมไปจากตำแหน่ง” แม้ ‘เสธ.ต้อง’พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม จะออกมาชี้แจงว่า พล.อ.ประวิตร ยืนยันไม่ลาออก จนกว่าจะจบภารกิจ ทำให้เกิดการตีความไปต่างๆนาๆ ว่า ‘ภารกิจ’ ที่ว่านี้คืออะไร และจะเสร็จสิ้นเมื่อใด
.
ซึ่งการทวงถาม ‘สัญญา’ ครั้งนี้ของ ‘ทิชา’ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาชี้แจงครั้งแรก หลังมีการล่ารายชื่อให้ พล.อ.ประวิตร ลาออกไปแล้วกว่า 80,000 ชื่อ ว่า “ก็ยังไม่ผิดอะไรนิ ให้ป.ป.ช.เขาชี้มา”
.
สอดรับกับที่ พล.อ.ประวิตร เคยระบุถึง ภาพนาฬิกาที่มีการเผยแพร่รวม 25 เรือน ก่อนหน้านี้ ว่า “มันวน เรือนเก่า ไม่เป็นไร ให้ทาง ป.ป.ช. เขาสอบ คือ ถ้าสอบ ชี้ผมผิด ผมก็ออก”

ส่วนมีการสะสมนาฬิกาหรูหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ก็ชี้แจงว่า “ไม่มีหรอก ผมมีเพื่อน ไม่ได้ซื้อมาฝาก เอามาให้ผมใส่ แค่นั้นเอง คืนๆ หมดทุกเรือน” จนเป็นที่มาของคำว่า ‘นาฬิกาหรูยืมเพื่อน’
.
นับครั้งได้ที่ พล.อ.ประวิตร เลือกที่จะตอบคำถามเรื่อง ‘นาฬิกาหรู’ โดยจะใช้วิธีการ ‘นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว’ ว่ากันว่าเป็นเรื่องที่หนัก เรื่องหนึ่งของ พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว แต่ ‘บิ๊กป้อม’ จะไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ให้ ‘ลูกน้อง’ ได้เห็น หลายครั้งจึงยากจะ ‘อ่านใจ’
.
อีกทั้งกรณีวิวาทะกับ ‘หมอธี’นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ‘นาฬิกหารู’ จนทำให้ ‘ครม.ประยุทธ์5’ สะเทือน และมีข่าวว่า ‘หมอธี’ จะลาออกจากครม. จนทำให้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องทำหน้าที่ ‘กาวใจ’ ให้ทั้ง 2 คน มาคุยนอกรอบทันที ซึ่ง ‘หมอธี’ได้ กล่าวขอโทษที่ ‘ผิดมารยาท’ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยตอบหรือหลุดเลยว่าให้ ‘อภัย’ นพ.ธีระเกียติหรือไม่ เชื่อได้ว่าเรื่องนี้คง ‘คาใจ’ พล.อ.ประวิตร ไม่น้อย
.
จากที่ พล.อ.ประวิตร ระบุยังไม่ผิดจึงยังไม่ลาออกนั้น สะท้อนได้ว่า หาก พล.อ.ประวิตร ลาออกตอนนี้ ก็เท่ากับ ‘ยอมรับผิด’ ไปก่อน ป.ป.ช. จะตัดสิน โดยกรณีนี้ไม่ต่างจากเรื่อง ‘อุทยานราชภักดิ์’ ที่ ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตรมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ถูกกระแสโจมตีอย่างหนัก และเรียกร้องให้ ‘ลาออก’ ไม่ต่างจากที่ พล.อ.ประวิตร โดนในเวลานี้ แต่ก็อยู่จนถึง สตง. ชี้แจงว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่มาหลุดจากการปรับ ‘ครม.ประยุทธ์5’ แทน ซึ่งเรื่องนี้วัด ‘พลังอึด’ ไม่น้อย
.
แต่ก็เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ว่า ป.ป.ช. จะตัดสินอย่างไร หลังได้รับ ‘กำลังใจที่สำคัญ’ มาแล้ว
.
ล่าสุด ‘วรวิทย์ สุขบุญ’ เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ส่งหนังสือชี้แจง ป.ป.ช. มา 38 แผ่น ถึงนาฬิกาทั้งหมด 25 เรือน แต่พยานที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาหรู 2 ราย ยังไม่ได้ให้ปากคำ และบริษัทนาฬิกาหรูบางรายยังไม่ได้ส่งหลักฐานให้กับทาง ป.ป.ช. แต่เจ้าหน้าที่จะสรุปรายละเอียดเบื้องต้นของการสอบสวน นำเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้า และต้องนำความเห็นที่ประชุมฯ มาพิจาณาว่าต้องเรียกสอบพยานเพิ่มเติม หรือเชิญ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่
.
ล่าสุด ‘สาธิต ปิตุเตชะ’ รองหน.ประชาธิปัตย์ กลับมาเสนอให้ ‘พักงาน’ พล.อ.ประวิตร โดยใช้ ม.44 คำสั่งหัวหน้า คสช. เช่นที่ใช้ปลด ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ พ้นจากการเป็น กกต. แบบ ‘ฟ้าผ่า’ โดยข้อเสนอให้ ‘พักงาน’ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีกลุ่ม 40 ส.ว. และ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ หน.ประชาธิปัตย์ เคยเสนอมาตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆแล้ว
.
แต่ดูเหมือน คสช. จะดุขึ้นหรือไม่ หลังออกคำสั่งปลด ‘กกต. สมชัย’ และ ‘ธีธัช สุขสะอาด’ ผู้ว่าการยางฯ โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่าการปลด ‘สมชัย’ นั้นที่ประชุม คสช. เห็นชอบร่วมกัน และเหตุผลเป็นไปตามคำสั่งว่า ‘พฤติกรรม’ ไม่เหมาะสม หลังให้สัมภาษณ์ ‘สร้างความสับสน’ ถึง ‘กระบวนการเลือกตั้ง’ ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม และ ‘ไม่ลาออก’ จาก กกต. หลังจะลงสมัครชิง ‘เลขาธิการ กกต.’ เข้าข่าย ‘หลักขัดกันแห่งผลประโยชน์’ เพราะ ‘มีส่วนได้เสีย’

“มีหน่วยงานเขาขอมา เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่ไหวแล้ว ทำให้ทุกอย่างสับสนอลหม่านมากพอสมควร” นายกฯ กล่าว
.
ซึ่ง ‘หน่วยงาน’ ที่เกี่ยวข้องกับ ‘กฎหมาย’ ถูกกตีความไปอย่างกว้างขวาง โดยมีการอ้างถึงชื่อ ‘มีชัย ฤชุพันธุ์’ ปธ.กรรมการร่างรธน. และ ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ที่เคยมี ‘วิวาทะ’ กันมาหลายเรื่องก่อนหน้านี้กับ ‘สมชัย’ โดยเฉพาะหลังการ ‘เซตซีโร่ กกต.’
.
หากดูในรายละเอียดของ ‘คำสั้งเด้งฟ้าผ่า’ จะพบว่าในข้อที่ 1 มีเรื่องของ ‘อารมณ์’ เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกว่า ‘ถ้อยคำใดไม่เหมาะสม’ หากซาวด์เสียงจะพบว่า ‘ฝากฝั่งการเมือง’ หลายส่วนก็ไม่ปลื้ม ‘สมชัย’ เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะ ‘กลุ่มต้านคสช.’ หรือผู้สนับสนุน ‘รัฐบาลยิ่งลักษณ์’ ตั้งแต่ครั้งจัดการ ‘เลือกตั้ง ปี57’ แล้ว แต่การ ‘ลงดาบ’ ครั้งนี้ เชื่อได้ว่า คสช. ต้องประเมินแล้วว่า ‘ได้’ มากกว่า ‘เสีย’ และ ‘ไม่ได้สร้างศัตรู’ เพิ่ม
.
ทั้งหมดนี้ ‘วัดพลัง’ คสช. ได้อย่างดี แม้จะอยู่ในช่วง ‘กองหนุน’ ลด ‘เรตติ้ง’ ตก และอยู่ระหว่างการ ‘กู้ฐานเสียง-ฟื้นศรัทธา’ กลับมา และอาจได้รับ ‘ไฟเขียว’ บางอย่าง ที่ทำให้ ‘คสช.’ กลับมา ‘Powerful’ อีกครั้งด้วย
.
อีกทั้งมีกระแสว่าการมี ‘รัฐบาลเลือกตั้งแบบเต็มขั้น’ อาจยังไม่เกิดขึ้น แม้จะมีการ ‘เลือกตั้ง’ ในปี62 ซึ่งมีการมองว่า ‘ปลายทาง’ จะเกิด ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ แทน ที่มาพร้อมกระแสข่าวมี ‘นายกฯพรมแดง’ มาทำหน้าที่บริหารประเทศ
.
แน่นอนว่าชื่อ ‘นายกฯพรมแดง’ ไม่ได้มีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น แต่ต้องจับตาดูหลายๆชื่อ ที่เริ่มมีกระแสข่าวออกมา ทั้ง ’ทหาร’ และ ‘พลเรือน’
.
ที่สำคัญสังคมปรารถนาให้หมดยุคแห่งความขัดแย้ง ซึ่งในเวลานี้ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ยังคงเป็น ‘ตัวเลือก’ ที่ตอบโจทย์นี้ได้เร็วที่สุด ที่สำคัญ ‘ทุกฝ่าย’ ต่างอยากเห็นบ้านเมือง ‘สงบ’ ไม่มี ‘ม็อบ’ เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่สำคัญนี้ไปได้
.
แต่ตอนนี้ชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ยังคงเป็นเต็งหนึ่ง หลัง ‘นิด้าโพล’ ทำโผลสำรวจ “อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” จากประชาชน 1,250 คน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นที่หนึ่ง คือ 38.64 % ต่อมาคือ ‘หญิงหน่อย’คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เต็งหนึ่งแคนดิเดท ‘แม่ทัพเพื่อไทย’ 13.04 % และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์ 12.24 %
.
จุดนี้เองจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาดูมี ‘อำนาจ’ และ ‘บารมี’ มากขึ้น กล้าที่จะ ‘ออกคำสั่ง’ ต่างๆมากขึ้น แม้จะเป็นการ ‘สร้างศัตรูเพิ่ม’ ก็ตาม

ที่สำคัญชื่อ ‘หญิงหน่อย’ เต็งหนึ่ง ‘แม่ทัพเพื่อไทย’ มาเป็นอันดับสอง ก็สอดรับกับข่าวว่า ‘นายใหญ่ดูไบ’ ได้เลือก ‘หญิงหน่อย’ แล้ว เพราะชื้อนี้เหมาะกับ ‘สถานการณ์’ ในอนาคตมากที่สุด หากต้อง ‘ประนีประนอม’ กัน ถึงขนาดมีคำที่ ‘ร่ำลือ’ กันใน ‘เพื่อไทย’ ว่า เพราะเลือกสุดารัตน์ คสช.เลยยอมให้เลือกตั้ง
.
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิด ทำเนียบฯ ต้อนรับ ผบ.เหล่าทัพ และ แคนดิเดท ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรวันเกิด 21มี.ค. อายุครบ 64 ปี เพียงคณะเดียว

“ฝ่ายความมั่นคง และกองทัพแล้ว ผมต้องให้มา เพราะเราทำงานร่วมกันมาอย่างเต็มที่ และขอให้ช่วยกันทำงานเช่นนี้ตลอดไป” นายกฯ กล่าว

เพราะ ‘เหล่าทัพ’ คือ ‘กองหนุน’ สำคัญที่จะประคองการ ‘ลงหลังเสือ’ ของ ‘บิ๊กตู่’ และเป็น ‘แรงหนุน’ ในอนาคต หากต้องกลับมาเป็น ‘นายกฯสมัย 2’ และ ‘เหล่าทัพ’ ต้องเป็น ‘หลัก’ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก แม้ ‘กองทัพ’ จะเคยเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งมาก็ตามในอดีต


แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ ‘กองทัพ’ ยังคงเป็นสถาบันแรกๆที่ต้อง ‘ทำหน้าที่’ เพื่อให้ประเทศ ‘มั่นคง’ ให้หมดยุคการ ‘ก่อม็อบ-ขัดแย้ง’ ให้ได้
.
ทั้งหมดนี้เพื่อ ‘คนไทย’ ทุกคน