เลือก สว. 67 เกมเอาตัวรอด ค่าเล่น 2,500 บาท รายงานจากสนามเลือกตั้ง กทม.

“พี่ไปลง สว. มาครับ” ผมบอกรุ่นน้อง ที่เผอิญได้พบกันเมื่อครู่
“ได้เลย เดี๋ยวหนูไปเลือก” รุ่นน้องคนนั้นตอบ
“น้องเลือกไม่ได้ครับ เขาให้ผู้สมัครเลือกกันเอง” ผมรีบอธิบาย

“สมัครยังไงคะ เดี๋ยวไปลงด้วย” รุ่นน้องถาม
“ไม่ทันแล้วครับ และผมก็ตกรอบแล้วด้วย” ผมตอบเขาไป
“น้องก็เพิ่งตกรอบออดิชั่น The Voice มา” รุ่นน้องตอบสวนมา

เราร่ำลา และเดินจากกันไป พร้อมกับคำถามในหัวผมว่า ในการคัดเลือกของ The Voice แน่นอนว่าผู้สมัครจะต้องวัดกันที่ความสามารถในการร้องเพลง ใครร้องเก่งก็ได้ไปต่อ ส่วนการเลือก สว. ครั้งนี้ จริง ๆ แล้วต้องทำอะไรเก่งถึงจะได้เข้ารอบกันนะ?

ขณะเขียนบทความนี้ ประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในระหว่างการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 2567 แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีประชาชนชาวไทยอีกหลายท่าน ยังไม่ทราบด้วยซ้ำถึงการเลือกตั้งนี้ ส่วนท่านที่อินกับเรื่องการเมืองน่าจะทราบกันดีว่า การเลือกตั้ง สว. ในครั้งนี้ มีกติกาการเลือกตั้งที่แปลกประหลาดและซับซ้อนที่สุด เท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา

ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเรื่องการเมือง และไปใช้สิทธิสมัคร สว. กับเขาด้วย เพราะถ้าไม่สมัคร ก็ไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรอบนี้ โชคดีที่ผมอายุเกิน 40 ปีมาหลายปี สามารถไปร่วมลงกับเขาได้ โดยผมมีความตั้งใจเบื้องต้นจะเข้าไปเพื่อเลือกคนที่เราคิดว่าเหมาะสม และหากจับพลัดจับผลูเกิดได้รับเลือกเสียเอง ก็พร้อมจะใช้ความรู้ความสามารถรับใช้ชาติ เป็นตัวแทนคนเจนเอ็กซ์อย่างเต็มที่

โบนัสของการตัดสินใจนี้ คือนอกจากได้ใช้สิทธิใช้เสียงแล้ว ยังทำให้ไปได้พบประสบการณ์ที่ไม่น่าจะหาได้ที่ไหนอีกมาประดับชีวิต ผมเชื่อว่าผู้สมัครแต่ละท่าน จะมีเรื่องเล่าแตกต่างกันไป และมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนพบเจอ คงจะแปลกประหลาดกันไปคนละแบบ แต่ก่อนจะเล่าถึงสิ่งที่ผมประสบมา ผมขออธิบายเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้คร่าว ๆ ให้ท่านที่ไม่คุ้นได้เข้าใจ

สมัยก่อนใครจะได้มาเป็น สว. เขาจะแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาอาชีพต่าง ๆ มาดำรงค์ตำแหน่ง ยุคต่อมามีการเปลี่ยนมาให้ประชาชนโหวตเลือกตั้ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นใช้วิธีแต่งตั้ง ผสมกับให้เลือกกันเองอีกจำนวนหนึ่ง และเมื่อครบวาระของ สว. ชุดหลังสุดนี้ ก็ถึงเวลาเลือกตั้ง สว. กันใหม่ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ช่างพิศดารนัก

ในปี 2567 นี้ เขามีกติกาแปลกกว่าทุกที ผู้ที่จะได้มาเป็น สว. ต้องผ่านการเลือกกันเองระหว่างผู้สมัครด้วยกัน ที่แบ่งออกเป็น 20 กลุ่มสายอาชีพ และไม่ได้เลือกกันครั้งเดียว แต่การเลือกทั้งหมดรวมแล้วมีถึง 6 ครั้งด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 3 รอบ ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ

รอบแรกระดับอำเภอ ให้แต่ละกลุ่มเลือกกันเองในกลุ่มให้เหลือ 5 คน จากนั้นจับฉลากแบ่งสายเลือกไขว้กับกลุ่มอื่นให้เหลือ 3 คน เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งระดับจังหวัด

รอบที่สองระดับจังหวัด ให้เลือกกันเองในกลุ่มให้เหลือ 5 คน จากนั้นจับฉลากแบ่งสายเลือกไขว้กับกลุ่มอื่นให้เหลือ 2 คน เพื่อไปสู่ระดับประเทศ

รอบไฟนอลระดับประเทศ ให้เลือกกันเองให้เหลือ 40 คน เพื่อเข้าไปจับฉลากแบ่งสายเลือกไขว้กับกลุ่มอื่น ผู้ได้ 10 อันดับสูงสุดได้เป็น สว.

เมื่อถึงวันเลือกตั้งระดับอำเภอ ผู้สมัครทุกท่านมาพร้อมกันที่สถานที่เลือกตั้ง ผมมาแบบไม่รู้จักใครมาก่อน นอกจากบางท่านที่พบกันชั่วครู่ ตอนมารับเอกสารแนะนำตัวก่อนวันเลือกตั้งไม่กี่วัน เดิมทีกติกาเขาไม่ให้มีการแนะนำกัน เกินจากที่เราระบุสรรพคุณตัวเอง 5 บรรทัดไว้ตอนสมัคร แต่ก่อนวันเลือกตั้งไม่นาน ทาง กกต. ได้ประกาศให้แนะนำตัวกันได้แบบฟรีสไตล์

เมื่อมีการอนุญาตให้โปรโมทตัวเองกันได้กว้างขึ้น ในช่วงก่อนวันเลือกตั้งระดับอำเภอนี้ เขาเลยมีการแนะนำตัวกันระหว่างผู้สมัครในเขตผ่านทางประชุมออนไลน์ด้วย หากใครได้เข้าไปพูดคุยกับผู้สมัครอื่น ๆ น่าจะได้เพื่อนมาบ้าง ซึ่งมันน่าจะมีผลบวกในรอบเลือกไขว้ เพราะมิตรภาพอาจนำมาซึ่งคะแนน แต่พอดีผมไม่สะดวกเข้าร่วม

อย่างไรก็ตามผมได้ผ่านรอบแรก เลือกกันเองในกลุ่ม ไปโดยอัตโนมัติ เนื่องจากมีผู้สมัครในกลุ่มของผมเท่าจำนวนที่เขาต้องการพอดี และในรอบนี้ก็ได้เห็นผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มอื่น สอบตกตั้งแต่รอบแรกนี้เลย เหมือนเป็นการสกัดดาวรุ่งรอบที่หนึ่ง โปรไฟล์ดี มีคุณวุฒิ ก็กลับบ้านไวได้ หากทุกคนพากันไม่เลือก

เมื่อมาถึงรอบที่สอง เราต้องไปจับฉลากเลือกสาย ว่าจะเลือกไขว้กับกลุ่มใดบ้าง แม้กติกาบอกไว้ว่ารอบนี้เข้ารอบได้ 3 คนต่อกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้แปลว่า 3 คนในกลุ่มผมจะได้เข้ารอบกันหมด เพราะกติกาบอกว่าคนที่จะได้เข้ารอบ ต้องการอย่างน้อย 1 คะแนน จึงจะผ่านไปได้สู้ระดับจังหวัด แต่ละคนจึงต้องพยายามไปทำให้มีคนเลือกตัวเองด้วย

เมื่อทราบแล้วว่ากลุ่มไหนไขว้กับกลุ่มไหน สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ ทุกคนต้องใช้เวลาอันน้อยนิด ไปเสาะหาผู้สมัครจากกลุ่มอื่นอีก 3-4 กลุ่มที่เห็นความสำคัญเรา แล้วพยายามทำให้เขามอบคะแนนให้ ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน และโหวตจากข้อมูลที่แต่ละคนมีในมืออยู่แล้ว แต่เมื่อมันเป็นเช่นนี้จึงเกิดการวัดใจกันขึ้น

เนื่องจากเราไม่สามารถดีลกันตรง ๆ ได้ในสถานที่เลือกตั้ง ว่าถ้าผมเลือกคุณ คุณต้องเลือกผมนะ ก็ต้องมองตากันเพื่อสื่อภาษาใจให้ดี หรือหาวิธีคุยอ้อม ๆ กันให้เข้าใจ มาถึงจุดนี้ มันคือเซอร์ไววัล มันคือเกมเอาตัวรอด ที่เราต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้เราได้คะแนนเพื่อไปต่อ มาถึงจุดนี้การจะผ่านเข้าไปให้ได้ โปรไฟล์ หรือจุดยืนต่าง ๆ ก็กลายเป็นเรื่องรอง การต่อรองแลกโหวตกันให้สำเร็จคือเรื่องใหญ่

หลังการเลือกตั้งรอบอำเภอ มีเวลา 1 สัปดาห์ก่อนจะถึงการเลือกรอบจังหวัด อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายมาก ๆ มีกลุ่มไลน์ถูกสร้างขึ้นหลายกลุ่ม มีผู้สมัครจำนวนมากเข้ามาแนะนำตัว มีทั้งกลุ่มไลน์อาชีพต่าง ๆ กลุ่มไลน์เขตอันเดิมที่ยังคงแอคทีฟอยู่ และกลุ่มไลน์ผู้เข้ารอบจังหวัด ไม่ได้มีอย่างละกลุ่ม แต่มีการตั้งกลุ่มของผู้เข้ารอบจังหวัดขึ้นมามากมาย ซึ่งถ้าใครอยากนำเสนอตัวเอง ก็ต้องเข้ากลุ่มให้มากที่สุด ให้เขาคุ้น ๆ หน้าไว้ บางคนส่งไลน์ตรงมาหาเลยก็มี ทำให้มือถือผมมีเสียงเตือนข้อความไลน์ดังตลอดเวลา ทั้งจากการส่งภาพแนะนำตัว และภาพดอกไม้ประจำวันตลอดเวลา จนต้องปิดไม่ให้มันเตือน

นอกจากกรุ๊ปไลน์แล้ว ยังมีการนัดประชุมออนไลน์ทางซูมกันรายวัน เพื่อให้ผู้สมัครท่านต่าง ๆ ได้มาแนะนำตัว มาเป็นเพื่อนกัน สร้างคอนเนคชั่นเอาไว้ให้เข้มแข็ง แน่นอนว่าผมไม่ได้ไปร่วมกับเขาตามเคยเนื่องจากเวลาไม่อำนวย

ช่วงเวลานี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นบุคคลสำคัญ ในตู้ไปรษณีย์จากที่ไม่เคยมีใครส่งจดหมายมาหา ก็มีซองเอกสารจากผู้สมัคร สว. ส่งมาแนะนำตัวเต็มไปหมด รู้สึกเสียดายกระดาษมาก เพราะจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ได้เปิดอ่านเลย ยิ่งกว่านั้นบางท่านที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยด้วยก็มี

ที่พีคสุดคือมีการจัดงานให้ผู้สมัคร สว. ได้มาผลัดกันแนะนำตัว ซึ่งตามกฏเขาให้แนะนำตัว บอกชื่อ กลุ่ม และหมายเลข เฉย ๆ คนละนาที ได้เท่านั้น แต่ท่านผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ก็ร่ายยาวเกี่ยวกับตัวเอง จนกินเวลาไปมาก บางท่านหาเสียงด้วยก็มี ซึ่งจริง ๆ แค่กติกาง่าย ๆ ยังไม่ทำตามแบบนี้ น่าจะโดนปรับตกรอบเสียตั้งแต่ตรงนั้นเลย

เมื่อใกล้วันเลือกตั้งระดับจังหวัด เริ่มมีคนติดต่อผมเข้ามา เพื่อให้คำแนะนำว่า หากคิดว่าตัวเองไม่มีศักยภาพพอ ที่จะได้ไปต่อระดับประเทศ อย่าเลือกตัวเอง แล้วนำคะแนนทั้ง 2 โหวตที่มี ไปเลือกคนที่มีศักยภาพ ที่มีอุดมการณ์เดียวกันแทน

จริง ๆ นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจมาทำ แต่ผมตั้งใจจะเข้าไปให้ได้ลึกที่สุด ดูทีท่าแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร และเมื่อมาสัมผัสการเลือกตั้ง ได้พบเจอผู้คนที่มาสมัคร ก็รู้สึกว่าถ้าเราผ่านรอบเลือกกันเองระดับจังหวัดไปได้ ก็น่าจะมีสิทธิผ่านเข้าไปได้ถึงรอบประเทศได้เหมือนกัน

สองสามวันก่อนเลือกตั้ง ผมได้พบกับผู้สมัครกลุ่มอาชีพเดียวกันท่านหนึ่ง เขาไม่ใช่ตัวเต็งแต่คุยกันแล้วรู้สึกเชื่อมั่น ในเช้าวันเลือกตั้งระดับจังหวัด ผมจึงตัดสินใจจะเลือกเขา ส่วนอีกหนึ่งคะแนนเลือกตัวเอง โดยคาดว่าถ้าเขาเลือกผมด้วย ก็จะได้สองคะแนน ซึ่งก็น่าจะเท่าๆ กับผู้สมัครท่านอื่น ๆ อีกหลายคน ที่ไม่ใช่ตัวตึง แล้วจับคู่แลกกันโหวตมา จนสุดท้ายถ้าคะแนนเท่ากันหมด คงต้องมาจับฉลากกัน เพื่อลุ้นเป็นคนที่ 5 ของกลุ่มอาชีพ ที่จะได้เข้าไปใช้เสียงในระดับประเทศต่อไป

กรรมวิธีการเอาตัวรอดแบบนี้ ผมรู้สึกไม่ดีนัก แต่กติกาเขาออกแบบให้ผู้เล่น หรือผู้สมัครต้องหาทางดิ้นรนไปต่อกันให้ได้ บางคนวางแผนมาดี เตรียมมาก่อน ก็สบาย ส่วนคนที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาแบบผม ก็ต้องพยายามดิ้นรนเอาเท่าที่ทำได้ บางท่านอาจใช้วิชามารบ้างก็ไม่ผิดกติกาเลือกตั้งนี้ อย่างที่ผมบอก มันคือเกมเอาตัวรอด ที่สร้างมาคัดสรร สว. อันทรงเกียรติ

บรรยากาศในการเลือกตั้งรอบจังหวัดตึงเครียดกว่ารอบอำเภอหลายเท่า ผู้สมัครที่นั่งรอบ ๆ ตัวผม คล้ายมีกำแพงมิตรภาพกั้นไว้หมด บรรยากาศการสนทนาต่างจากทุก ๆ ครั้งที่ทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า มันเหมือนเขาไม่แน่ใจว่าผมเป็นคนจากฝ่ายไหน ส่วนผมก็ยังไม่ทราบว่าเขามาเลือกใคร คุยกันไปแบบไม่สนิทใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็พอดูออกว่าบางท่านที่มาน่าจะรู้จักกันมาก่อน

เมื่อผ่านไปครึ่งวัน ผลการเลือกตั้งก็ออก และการเลือกตั้งครั้งนี้ จากวิธีนับคะแนน ที่หยิบบัตรขึ้นมาขานหมายเลขที่เลือกทีละใบ หนึ่งใบมีสองโหวต ทุกคนจะเดาได้ง่าย ๆ ว่าใครเลือกใคร บางท่านก็เลือกตัวเองหนึ่งคะแนน อีกหนึ่งคะแนนไม่เลือกใคร (ทั้ง ๆ ที่คล้ายจะสัญญาไว้ว่าจะเลือก) บางท่านก็เลือกตัวเอง และเลือกอีกท่าน ส่วนอีกท่านนั้นก็เลือกตัวเองและเลือกคนที่เลือกเขา ก็เข้าใจได้ว่าจับคู่กันมา แต่ที่มีจำนวนมากที่สุดคือผู้ที่ไม่เลือกตัวเองเลย แล้วพากันเทคะแนนให้ผู้สมัครสองท่านเหมือนกัน ทำให้ทราบได้ว่าที่แท้ผมนั่งอยู่ในดงโหวตเตอร์นี่เอง

แม้จะมีการนัดกันมาโหวต แต่สิ่งที่โหวตเตอร์ทำไม่ผิดกติกกาใด ๆ เพราะเขามาเพื่อเลือกคนที่เขาสนับสนุน วิธีนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ทุกฝ่าย อยู่ที่ว่าจะขนคนโหวตมากันไหม เขาคงรวมคนอุดมการณ์เดียวกัน มาเลือกคนที่เขาว่าเหมาะที่สุด แล้วเทคะแนนให้หมดหน้าตัก ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้รู้เรื่องกับเขา มิฉะนั้นอาจจะขอเข้าร่วมเป็นอีกหนึ่งคนในกลุ่มนั้นด้วย เพราะคนที่ได้รับคะแนนจากกลุ่มโหวตเตอร์นี้ทั้งหมด ล้วนมีจุดยืนเดียวกับผม

หลังจากตกรอบเลือกกันเองระดับจังหวัด ผมเดินออกมาจากศูนย์เลือกตั้ง พร้อมกับตัวเต็งหลายท่าน ทั้งในกลุ่มอาชีพของผม และกลุ่มอื่น ๆ ท่านเหล่านั้นคงแปลกใจที่ตัวเองตกรอบ ซึ่งมันก็ต้องโทษระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ไปเต็ม ๆ

การเลือกตั้ง สว. ปี 67 นี้ ผมรู้สึกว่ามันเหมือนเกมส์มากกว่าเป็นการเลือกตั้งมันทำให้ผู้สมัครต้องพยายามหาหนทางให้ได้มาซึ่งคะแนน ต้องนัดกันให้ดี ดีลกันให้ได้ เตรียมแผนการทุกระดับชั้นการเลือกตั้ง ใครขนทีมงานมาโหวต ก็มีสิทธิชนะ คนดีเตรียมทีมมาก็ดีไป คนไม่ดีเตรียมทีมมาก็ผ่านได้ หรือแม้แต่โนเนมมาพร้อมพวกสัก 4-5 คน ก็มีลุ้นเช่นกัน

ส่วนถ้าใครมาเดี่ยว ๆ ดุ่ม ๆ แม้จะทรงคุณวุฒิเพียงไหน ก็เจอสกัดดาวรุ่งได้ง่าย ๆ เพราะรอบเลือกกันเอง ย่อมไม่มีใครอยากให้ตัวตึงเข้ารอบ และที่แน่ ๆ ถ้าใครอยากชนะการเลือกตั้งนี้ ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรมาสมัครที่กรุงเทพ เพราะมีคู่แข่งจำนวนมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ เป็นเท่า ๆ ตัว และแม้กรุงเทพจะมีคนเก่ง ๆ โปรไฟล์ดี ผลงานเด่นมากมาย เขาก็ให้โควต้าผู้เข้ารอบเท่าจังหวัดอื่นอยู่ดี

ส่วนไลน์กลุ่ม หรือประชุมซูมนั้น การเข้าร่วมดูเหมือนจะไม่ได้มีส่วนช่วยอะไร เพราะดูจากกลุ่มต่าง ๆ ที่ผมได้เข้าไป ทุกคนในซูมก็จับมือกันตกรอบเสียหมด วิธีที่ดีที่สุดคือต้องยกพวกมาโหวตรอบเลือกกันเอง และหาพันธมิตรรอบไขว้เอาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจตั้งแต่แรกของผมนั้น ไม่ได้กะว่าจะได้เป็น สว. แค่อยากไปใช้สิทธิใช้เสียง และส่องการเลือกตั้งแบบเผาขน ในระดับลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะพลาดไม่ได้ไปเลือกใครในระดับประเทศตามที่หวัง แต่ก็รู้สึกว่า 2,500 บาท ที่จ่ายไป คุ้มค่ามากกว่าไปเสียเงินไปชมมหรสพระดับชาติ หรือเที่ยวสวนสนุกระดับโลกหลายเท่านัก มันคือประสบการณ์ที่ถ้าไม่เข้าไปเป็นผู้เล่นเสียเอง จะไม่มีวันทราบได้เลย ว่ามันพิศดารแค่ไหน เสียดายไม่ได้ไปสัมผัสรอบไฟนอล ที่น่าจะเข้มข้นกว่าที่

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าการจะได้มาเป็น สว. ในครั้งนี้ คนได้เป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรนอกเหนือจาก เป็นคนดี มีความรู้ เปี่ยมคุณธรรม แต่ที่ทราบคือ การมาลง สว. ครั้งนี้ ผมได้ประสบการณ์หลากรส ได้สัมผัสหลายสีสัน ลีลา และกลยุทธ ในการเอาตัวรอดสู่เก้าอี้ สว. ได้เห็นคนหักหลังกันซึ่ง ๆ หน้า ได้มิตรภาพดี ๆ มากมาย และที่สำคัญได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานการเลือกตั้ง ที่พิลึกพิลั่นที่สุดในปฐพี ที่ไม่น่าจะหาทำที่ไหนได้อีกแล้ว

ขอบคุณผู้ออกแบบการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ทำให้ผมมีเรื่องประหลาดไว้เล่าให้ลูกหลานฟังไปอีกนานแสนนาน