ศาลฎีกา พิพากษา คุก20ปี “สนธิ ลิ้ม” คดีเอกสารเท็จกู้พันล้าน-คุมตัวส่งเรือนจำ (คลิป)

AFP PHOTO / PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

ด่วน! ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก “สนธิ ลิ้มทองกุล” 20 ปี คดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทย กว่าพันล้าน – คุมตัวส่งเรือนจำ

(6 ก.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร1 ยื่นฟ้องนายสนธิ พร้อมด้วยนายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัทแมเนเจอร์ฯ และนางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บริษัทแมเนเจอร์ฯ ฐานกระทำผิด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

 

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2539 – ถึง 31 มีนาคม 2540 จำเลยทั้งสี่ เป็นกรรมการ บริษัทแมเนเจอร์ ฯ ได้ร่วมทำสำเนา รายงานการประชุมของกรรมการบริษัท ที่เป็นเท็จว่า มีมติให้ บริษัทเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายสนธิ จำเลยที่ 1 ถือหุ้นอยู่ รวม 6 ครั้ง จำนวน 1,078 ล้านบาท โดยไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท และยอมให้มีการเปลี่ยนแปลง บัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้น บริษัทแมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 จำคุกนายสนธิ จำเลยที่ 1 และนางสาวเสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 คนละ 42 ปี 6 เดือน จำคุกนายสุรเดช จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ส่วนนางสาวยุพิน จำเลยที่ 4 จำคุกเป็นเวลา 32 ปี 6 เดือน

แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงผิดแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1,3,4 สูงสุดตามกฎหมายมาตรา คนละ 20 ปี

ต่อมาจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยื่นอุทธรณ์ ส่วนนายสุรเดช จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีจึงถือที่สุดตามกฎหมายรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน

ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกา ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวนั้น เห็นว่าการทำรายงานการประชุมเพียงหนึ่งครั้งแต่นำไปค้ำประกันการกู้ยืมเงิน 6 ครั้ง ในวันเวลาที่แตกต่างกัน เป็นเวลา 1 ปี และ มีจำนวนเงินแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ศาลเห็นว่า บริษัทของจำเลยเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้องมีหลักธรรมมาภิบาล หากกรรมการบริษัทกระทำผิดเสียเอง ย่อมสร้างผลกระทบต่อบริษัท ขณะที่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดร้ายแรง ส่งผลกระทบจำนวนมาก ที่จำเลยอ้างถึงคุณงามความดียังไม่เพียงพอที่จะให้รอการลงโทษได้

ฏีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษมานั้นชอบแล้ว พิพากษายืน

ภายหลังคำฟังคำพิพากษานายสนธิ ได้โอบกอดให้กำลังใจจำเลยร่วม ก่อนที่นายสนธิจะออกมาโทรศัพท์ แจ้งข่าวรายงาน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวทั้งสามมายังห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลเพื่อรอส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

14264107_10207372278569142_2569221349657391569_n

ภายหลังจากศาลอาญา มีคำพิพากษาฎีกายืนตามศาลอุธรณ์จำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ฯ และนางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ ในคดีที่กระทำความผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้รับโทษสูงสุดคนละ 20 ปี และถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำ

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวว่า ภายหลังจากรับตัวนายสนธิ มาแล้ว ทางเรือนจำได้ทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ และให้แพทย์ของเรือนจำทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด เบื้องต้นพบว่านายสนธิมีโรคประจำตัวคือโรคความดันต่ำ และเป็นต้อกระจกด้านซ้าย ส่วนร่างกายทั่วไปปกติ ซึ่งภายหลังจากทำการตรวจร่างกายแล้วเสร็จนั้น เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปไว้ที่แดนแรกรับเพื่อปรับตัวก่อน ซึ่งตัวผู้ต้องขังเองไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ

ขณะที่ในวันนี้ทางเรือนจำจะยังไม่อนุญาตใหัเข้าเยี่ยม ภายหลังจากนี้จะพิจารณาให้เฉพาะญาติที่ใกล้ชิดเข้าเยี่ยม โดยให้นายสนธิเขียนรายชื่อไว้เท่านั้น เนื่องจากต้องการให้นายสนธิปรับตัวให้ได้ก่อน ซึ่งทางเรือนจำจะปฎิบัติกับนายสนธิแบบผู้ต้องขังทั่วไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษ