เชิงบันไดทำเนียบ : จับตา ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ลงดาบ ‘เรือเหาะ’ – ปมในใจ “4บูรพาพยัคฆ์”

หลัง ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ระบุ ผืนผ้าบอลลูนหมดอายุใช้งานแล้ว เตรียมปลดประจำการ เกรงกำลังพลได้รับอันตรายหากใช้งาน เตรียมทดลองนำกล้องตรวจการณ์ไปติดอากาศยานแทน หลังจัดซื้อปี2552 กว่า 340 ล้านบาท สมัย ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ. โดยประจำการที่ พล.ร.15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ตามแผนในอดีตจะจัดซื้อถึง 3 ลำ ไว้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนำร่อง 1 ลำก่อน

แต่มีการตีความไปแล้วว่า ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ปูดข่าวนี้มาทำไมหรือมีอะไรไปสะกิดเข้า ถึงได้ชี้แจงเรื่องนี้ออกมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.เฉลิมชัย ไม่ได้มีอะไรดลใจหรือสะกิดใจให้ต้องตอบเรื่องนี้ แต่เป็น ‘อานิสงค์’ จากคำถามที่สื่อถาม หลังมีการลงข่าวประมูลขาย ‘รถกว้านบอลลูน’ 11.3 ล้านบาท เพื่อใช้ในภารกิจฝึกกระโดดร่มของหน่วยร่ม ในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แต่ถูกตีความหมายไปว่าเป็น “เรือเหาะ” ในตำนาน จึงมีการไถ่ถามถึง รถกว้านบอลลูนนี้จนไปถามถึง ‘เรือเหาะ’ เข้า พล.อ.เฉลิมชัย ก็ให้คำตอบสื่อตามข้อเท็จจริงว่าปลดประจำการ “ตัวบอลลูน” แล้ว
.
แม้ ทบ. จะออกมาชี้แจงว่า องค์ประกอบหลักของระบบโครงการนี้มีอยู่ 2 รายการ โดยย้ำว่าส่วนที่ปลดประจำการมีเพียง ‘ตัวเรือเหาะ’ คิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ หรือ 66.8 ล้านบาท จากเงิน 340 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือ 81 เปอร์เซ็นต์ยังใช้การได้อยู่ ทั้ง ระบบเฝ้าตรวจทางอากาศด้วยเรือเหาะ ระบบกล้องตรวจการณ์คุณภาพสูง ระบบควบคุมและส่งสัญญาณ ระบบสถานีรับสัญญาณ แบบสถานีประจำที่ สถานีเคลื่อนที่ด้วยรถหุ้มเกราะ โรงเก็บเรือเหาะ อุปกรณ์บริภัณฑ์ภาคพื้น ระบบเฝ้าตรวจทางอากาศด้วยอากาศยานยาน (ฮ.) ระบบกล้องตรวจการณ์คุณภาพสูง และระบบควบคุมและส่งสัญญาณ
.
ทั้งนี้สมัย ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. ได้ให้บริษัทที่ผลิตทำการเปลี่ยนผ้าใบบอลลูนที่เป็นรูรั่วซึม และจ้างบริษัทเอกชน มาซ่อมบำรุงเพื่อให้บินได้และเติมแก๊สฮีเลี่ยม ปีละ 50 ล้านบาท ต่อมาในปี2557 เรือเหาะลงจอดฉุกเฉินกลางทุ่งนา ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังเกิดลมแรงทัศนวิสัยไม่อำนวย แต่ไม่ได้รับความเสียหาย โดยผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เปิดเผยว่า ‘เรือเหาะ’ ตลอด 8 ปี บินขึ้นไม่เกิน 20 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือกลางปี2557 ก่อนจะจอดอยู่ในโรงมา 3 ปีเต็ม จนมาปลดประจำการ
.
นั่นหมายความว่า หากยึดตามที่หน่วยปฏิบัติให้ข้อมูลมา ช่วงที่ ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร และ ‘บิ๊กหมู’พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เป็น ผบ.ทบ. แสดงว่าไม่มีการบินขึ้นของเรือเหาะลำนี้ อีกทั้งไม่มีการเปิดเผยถึงการปรับปรุงหรือแผนพัฒนาให้เรือเหาะลำนี้กลับมาบินได้ตามปกติอีกครั้งอย่างเป็นทางการ จึงมีการกล่าวเสียด้วยซ้ำว่าอาจด้วยความ “เกรงใจ” จึงหลีกเลี่ยงการสร้างประเด็นกับ “เรือเหาะ” ลำนี้ ในยุคที่ผ่านมา
.
พอมาถึงยุค ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ประเด็นเรือเหาะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง อาจเรียกได้ว่า ‘บังเอิญ’ หรือ ‘อานิสงส์’ ก็ได้ อีกทั้งมาในจังหวะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เจอมรสุมเป็นตำบลกระสุนตก ตั้งแต่เรื่องเพจดังอ้างชื่อเปิดทางให้ ‘ยิ่งลักษณ์’ หนี ต่อด้วยเรื่องการเซ็นต์อนุมัติใช้พื้นที่สาธารณะ ‘ห้วยเม็ก’ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ให้บริษัทเครื่องดื่ชูกำลังชื่อดัง กว่า 31 ไร่ จนมาถึงเรื่อง ‘เรือเหาะ’ เรื่องเหล่านี้ก็ทำให้เป็นสิ่งค้างคาใจไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อย ในฐานะน้องเล็กแห่ง “2ป.บูรพาพยัคฆ์” ที่ “พี่รอง” ต้องเจอเรื่องราวต่างๆนับตั้งแต่ก้าวร่วมขบวน “คสช.”
.
เช่นครั้งลงพื้นที่ ‘ครม.สัญจร’ จ.สุพรรณบุรี ที่พูดถึงเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นมาบนเวทีแบบ ‘ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย’ และสภาวะอารมณ์ของนายกฯที่ฉุนกับคำถามสื่อหลายๆคำถาม
.
“วันนี้รัฐบาลยังต้องลงทุนอยู่ จึงต้องตั้งงบประมาณ เพื่อที่จะไปลงทุนทำอะไรต่างๆ ที่ยังไม่ครบ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะเอามาโกง มาซื้ออาวุธ มันคนละเรื่องกัน อย่าไปฟังเรื่องแบบนี้ได้ไหม ถ้าเราผลิตเองได้ก็ไม่ต้องไปซื้อเขา จำเป็นต้องมี จะมีมากมีน้อยก็อยู่ที่เราจะกำหนด ที่ผ่านมาไม่เคยได้ เพราะมันไม่เคยให้แล้วมันเสียหมด ซื้อเยอะแล้วจะทำอย่างไร ตอบตนมาสิ ไม่สงสารเขาเหรอ อุปกรณ์ 40 ปี ยังเอามาวิ่งอยู่ วิ่งได้ก็เก่งแล้ว มีเยอะก็จริง แต่ถ้าวิ่งไปแล้วตายจะทำอย่างไร ไม่ห่วงชีวิตเขาหรอ ถ้ามันต้องใช้ขึ้นมา” นายกฯ กล่าว

อีกทั้งตลอดช่วงการลงพื้นที่ “ครม.สัญจร” พล.อ.อนุพงษ์ อยู่เคียงข้างกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด ตั้งแต่ จ.สุพรรณบุรี ถึง จ.พระนครศรีอยุธยา และร่วมเดินเปิดตลาด “กรุงศรีฯ” ที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ชิมข้าวแกงขนมครก โดย นายกฯ ส่งให้ ‘บิ๊กป๊อก’ พี่รอง ได้ชิมด้วย ส่วน ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ ก็ยืนเคียงข้างน้องๆ ก่อนปประชุม “ครม.สัญจร”
.
แม้ พล.อ.เฉลิมชัย จะย้ำถึงการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์เป็นเรื่องของกองทัพไม่ใช่ตัวบุคคล หลังมีการโยงประเด็นว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่าง ‘บิ๊กป๊อก’ กับ ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ หรือไม่ พร้อมย้ำว่าทำไปตามหน้าที่ ผบ.ทบ. เท่านั้น
“ผมยังไม่ได้พูดคุย ซึ่งการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นเรื่องของกองทัพไม่ใช่ตัวบุคคล และตนก็มาเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะนี้ก็ต้องรับผิดชอบในการดำเนินการต่อไป” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

epa02065645 Thai soldiers and US technicians set up a surveillance airship at a military barracks in the restive Muslim majority province of Pattani, southern Thailand, 05 March 2010. Thai military purchases the 350-million-baht (10.7 million US dollars or 7.8 million euro) surveillance airship aimed to restore peace in the three troubled Muslim dominated provinces in Thailand’s deep south amid question that could be another waste of state funds. More than 4,000 people have died in government crackdowns, bombings, revenge killings and beheadings since 2004 in three Muslim majority provinces of Narathiwat, Pattani and Yala. EPA/ABDULLAH WANGNI

พี่น้อง “3ป.บูรพาพยัคฆ์” ที่อยุ่ด้วยกันมา 40 กว่าปี สายสัมพันธ์ที่ “มองตาก็รู้ใจ” ที่พูดคุยยกหูถึงกันทุกวันอยู่แล้ว ว่ากันว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็มีการพูดคุยกันด้วย เพราะถือเป็นเรื่องที่สะเทือนขบวนคสช.และ หมู่บ้าน “3ป.” ก็อยู่ในตำบลกระสุนตกไปแล้ว
.
อีกทั้งมีรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ วิตกกังวลกับข่าวเหล่านี้พอสมควร แม้จะออกมาชี้แจงสื่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและนิ่งกว่าปกติ ในเรื่อง ‘ป่าห้วยเม้ก-เรือเหาะ’ ผิดจากปมถูกเพจดังอ้างชื่อหลิ่วตาให้ ‘ยิ่งลักษณ์’ หนี ที่แม้รู้ว่าเป็นประเด็นที่เริ่มถูกระพือในโซเชียลฯ แต่ก็ฉุนเฉียวกับคำถามสื่อพอสมควรและเสียศูนย์ไปไม่น้อย
.
อีกทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย ได้ชี้แจงย้อนกลับไป สมัยเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. ได้ตรวจสอบการใช้งาน พบสถิติการใช้งานลดน้อยลงไป จึงตั้งคณะกรรมการพิจารณาความคุ้มค่าในการใช้งานหรือการส่งซ่อม โดยได้พิจารณาว่าเกิดความชำรุดของผ้าใบ ตามอายุการใช้งาน ซึ่งไม่คุ้มค่าสำหรับการส่งซ่อม จึงทำการจำหน่ายเหรือเหาะ 66 ล้านบาท จากมูลค่าราวม 340 ล้านบาท โดยตนได้ให้รวบรวมสถิติการใช้งาน 8 ปีที่ผ่านมาด้วย
.
โดยเรือเหาะเป็นยุทโธปกรณ์ป้องปราม ไม่สามารถชี้ตัวหรือจับตัวได้ คล้ายอากาศยานตรวจการณ์ โดยได้มีการจดบันทึกการใช้งานทุกครั้ง โดยระบุว่าบางปีมีการใช้งานถึง 30 ครั้ง โดยมีจำนวนมากในช่วงแรกๆ และมองว่ามีความคุ้มค่าในการใช้งาน หลังสถิติการก่อเหตุลดลง

“ถือเป็นประสบการณ์ในการทำงาน เหมือนเราไปซื้อของในห้างแล้วคิดว่าดีแล้ว แต่เมื่อนำมาใช้งานก็ไม่ดี 100 % แต่ก็สามารถใช้งานได้” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
.
แม้ พล.อ.เฉลิมชัย จะชี้ถึงความ ‘คุ้มค่า’ ที่ลดอุณหภูมิเรือเหาะลงไปบ้าง แต่ก็ทิ้งท้ายถึงความไม่เต็มร้อยไว้ จุดนี้เองก็ถือเป็นการยอมรับในปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรือเหาะมาตลอด 8 ปี จนถึงวันปิดตำนาน สุดท้ายอยู่ที่ผลการตรวจของ สตง. จะเขย่า คสช.อีกรอบหรือไม่ หรือปิดประตูเรือเหาะให้จบลงได้

ตรงกับสิ่งที่อดีตฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับ ‘เรือเหาะ’ ออกมาชี้แจงลับๆด้วยว่า สื่อไปตั้งธงตัดสินว่า ‘โกง’ แล้ว ก่อนผลการตรวจสอบออกมา แต่ไม่เคยถามถึง ‘ความคุ้มค่า’ ว่าเป็นอย่างไร จนมีการปลุกปั้นวาทะ “คลีนแต่H่วย” ขึ้นมาคู่ขนานด้วย

เหมือนจะจบ ก็ไม่จบเสียที !!