ย้อนสงคราม ขันน้ำสีแดง ที่ พล.อ.ประวิตร – พล.อ.ประยุทธ์ รุมสวด ทักษิณ ร้อนฉ่า! เมื่อ เมษา 2559

ก่อนเริ่มการประชุมพรรค ส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) วานนี้ (5 เม.ย.) เจ้าหน้าที่พรรคได้มอบขันน้ำพลาสติกสีเขียว น้ำเงิน ม่วง เขียนข้อความ ”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค” และ “สุขสันต์วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย” ที่เตรียมไว้ประมาณ 2 แสนใบ ให้ ส.ส.เขต นำไปแจกให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นที่ระลึก แม้ปีนี้ทาง ศบค. จะประกาศห้ามเล่นสาดน้ำแต่ขันพลาสติกยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้

ทว่าประเด็นขันที่พิมพ์ชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคนั้น ก็กลายเป็นประเด็นถูกพูดถึงในเชิงเสียดสีกันสนุกสนาน โดยเสียงมีแนวโน้มไปในทางเดียวกันคือ สื่อแทนถึงเครื่องมือของขอทาน ในภาวะที่คนไทยต้องเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนทำให้หลายคนนึกถึง “ขันแดง” ของ อดีตนายกฯทักษิณที่เคยถูก คสช.ยึดและดำเนินคดี รวมถึง หัวหน้า คสช.ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนหนีคดีไปต่างประเทศ!

ก่อนหน้านี้ มติชนสุดสัปดาห์ เคยลงบทความ เรื่อง สงคราม ขันน้ำสีแดง ปลุกสงกรานต์ ร้อนฉ่า เริ่มต้นก็รู้ ใครแพ้-ชนะ? คอลัมน์ในประเทศ (ฉบับที่ 1860) วางแผงเมื่อ วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2559 ว่า

ก่อนขันแดงสงกรานต์ 2559 จะโด่งดังในฐานะสิ่งของต้องห้าม เช่นเดียวกับปฏิทินปีใหม่ 2559

การแจกจ่ายหรือโพสต์รูปภาพผ่านโซเชียลมีเดีย อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ข้อหายุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยก เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารจับกุมดำเนินคดี ส่งฟ้องต่อศาลทหาร

ทั้งหมดมีที่มาที่ไปจากเมื่อช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม ชาวชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนหนึ่ง ได้รับแจกขันน้ำพลาสติกสีแดง มีภาพถ่าย นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี

พร้อมคำอวยพรและข้อความ

“สวัสดีวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย 2559 สงกรานต์ปีนี้ผมรู้สึกคิดถึงพี่น้องเป็นพิเศษ อยากมาช่วยท่านแก้ปัญหา แต่วันนี้ขอส่งกำลังใจมาก่อน รักและคิดถึง”

ขณะที่ขันน้ำสีแดงสกรีนข้อความ

“แม้สถานการณ์จะร้อน ขอให้พี่น้องได้รับความเย็นผ่านขันใบนี้ ด้วยรักและห่วงใย สุขสันต์วันสงกรานต์”

จุดเริ่มเล็กๆ ที่ต่อมาแพร่กระจายกลายเป็นเรื่องใหญ่สร้างความฉงนฉงายให้คนในสังคมทั้งในและต่างประเทศ

เมื่อมีผู้หญิงชาวเชียงใหม่ได้รับแจกขันน้ำสีแดง ด้วยความเข้าใจว่าเป็นการรณรงค์ของพรรคการเมืองให้เล่นน้ำสงกรานต์อย่างประหยัด

จึงได้ถ่ายภาพโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยคาดไม่ถึงว่าในเวลาต่อมา ตนเองจะถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเชิญตัวไปสอบถามถึงที่มาที่ไปของขันน้ำสีแดง และถูกดำเนินคดี ส่งฟ้องต่อศาลทหาร

ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร

ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนยื่นหลักทรัพย์เงินสด 100,000 บาทประกันตัวออกไป

เรื่องขันแดงเชียงใหม่ ไม่จบแค่นั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่ยังได้ติดต่อเรียกตัวผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบ ก่อนนำตัวไปสอบสวนร่วมกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ เพื่อสอบถามการเสนอข่าวขันแดง

มีการถ่ายรูปทำประวัติ สอบปากคำในฐานะพยาน พร้อมขอความร่วมมือว่าไม่ควรเสนอข่าวเช่นนี้อีก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความแตกแยกขึ้นได้ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้

“ต้องดูว่าเรื่องดังกล่าวผิดกฎหมาย เป็นการยั่วยุ ทำให้เกิดความแตกแยกหรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่บานปลาย” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ระบุ

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวด้วยว่า วันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเข้ารับฟังการสืบพยานโจทก์ในคดีโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดขันแดงจำนวนหนึ่ง จากกลุ่มผู้มาสนับสนุนให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่สื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้เสนอข่าวดังกล่าวออกไป

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการด้านความมั่นคงในการตรวจยึดขันแดง ที่สื่อมวลชนพร้อมใจนำเสนอเป็นข่าวใหญ่

กรณีเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 38 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน อาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559

เข้าตรวจค้นบ้านพัก อ.เมืองน่าน ของ นางสิรินทร รามสูต อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ตรวจยึดขันน้ำสีแดง ที่มีข้อความและลายเซ็นของ นายทักษิณ ชินวัตร จำนวน 8,862 ใบ

นอกจากนี้ ยังเข้าตรวจค้นสำนักงานใน อ.ปัว ของ นายณัฐพงษ์ สุปรียศิลป์ อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ยึดขันสีแดง 1,100 ใบ และสำนักงานใน อ.เวียงสา ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อีก 1,500 ใบ

ขันน้ำทั้งหมดกว่า 11,400 ใบ ถูกนำไปเก็บไว้ยังมณฑลทหารบกที่ 38 ค่ายสุริยพงษ์ จ.น่าน

“มันก็แค่ขันน้ำสีแดง หวังมอบให้ประชาชนเป็นที่ระลึก เพื่อใช้รดน้ำดำหัวกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็เท่านั้นเอง ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นปัญหา”นายณัฐพงษ์ กล่าวหลังเกิดเรื่อง

การตรวจยึดขันแดงล็อตใหญ่ใน จ.น่าน

ถึงยังไม่มีการตั้งข้อหาเอาผิดกับ 3 อดีต ส.ส. ในฐานะเจ้าของสถานที่

แต่ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คสช. ว่าทั้ง 3 จะได้รับเกียรติให้เป็นผู้เข้าอบรม “รุ่นแรก” ในหลักสูตรผู้นำการสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์ของ คสช. หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าหลักสูตรปรับทัศนคติ 7 วันหรือไม่

เบื้องต้นทหารแจ้งให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เข้าไปพบในค่าย วันที่ 8 เมษายน ตามด้วยคิว นางสิรินทร รามสูต วันที่ 9 เมษายน และ นายณัฐพงษ์ สุปรียศิลป์

โดยไม่ยืนยันว่าเป็นการเชิญเข้าหลักสูตรอบรม

ปฏิบัติการตรวจยึดขันแดงของรัฐบาลทหาร คสช. นอกจากเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศ ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรฮิวแมนไรต์ วอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย

ถึงระดับ”สาระ”ของปฏิบัติการ

ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตอนนั้นได้บินมาปักหลักอยู่ที่มณฑลกว่างโจวในจีน โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรม เกี่ยวกับขันน้ำที่ชักนำเภทภัยมาสู่ 3 อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกสงกรานต์ ที่ตนเองจะต้องทำสิ่งของมาแจกทุกปี แจกมาแล้วเป็นสิบๆ ปี

จะตั้งข้อหาอะไรก็ตั้งมาเลย แล้วเอาเวลาไปดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าเรื่องภัยแล้ง เรื่องระเบิดภาคใต้ เรื่องยาเสพติดที่ระบาดเต็มเมืองให้คุ้มกับเงินภาษีอากรที่เสียให้พวกท่านจะดีกว่า”

และว่า

โดนยัดข้อหามาหลายคดีแล้ว จะโดนข้อหาแจกขันน้ำทำลายความมั่นคงอีกสักกระทงจะเป็นไรไป เผลอๆ จะดีเสียอีก เป็นข่าวดังไปทั่วโลก อดีตนายกฯ ไทยโดนข้อหาทำลายความมั่งคงเนื่องในวันสงกรานต์”

ทักษิณประกาศท้ารบตรงๆ

การโดนรุมด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงระดับของสาระในเรื่องดังกล่าว

เป็นเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ถูกตั้งคำถามจากสื่อมวลชนอย่างหนัก จนต้องออกมาชี้แจงด้วยตัวเองว่า

ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบว่า การสนับสนุนผู้กระทำความผิดและหนีคดี เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิด แต่บางอย่างสมควรทำหรือไม่

รู้อยู่ว่าเจตนาเขาทำเพื่ออะไร”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวย้ำถึงเรื่องขันน้ำว่า ส่วนตัวไม่ได้รังเกียจสีแดง แต่ผู้คิดจัดทำมีเจตนาที่ไม่ดี

“เรื่องขันน้ำมีที่ไหนเขาใส่รูปหน้า รูปตัวหนังสือลงไป ไม่มีใครเขาทำหรอก แล้วมากล่าวหาว่าไปรังแก จุดประสงค์เขาทำเพื่ออะไร ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว”

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวในตอนนั้น ว่า เรื่องของขันสีแดง ถ้าทำแล้วสร้างความแตกแยกก็ไม่น่าจะให้เกิดขึ้น เพราะเหลือเวลาอีกปีเศษก็จะเลือกตั้ง

พี่ใหญ่ คสช. ยังเห็นด้วยกับมุขประชดประชันของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่า ถ้าคนทำมีเจตนาดีก็ควรแจกตุ่มมากกว่า เพื่อเอาไว้เก็บน้ำฝนใช้ยามหน้าแล้ง

ภาพศึกขันแดงที่ปรากฏ ไม่ใช่แค่เรื่องของหัวขบวน คสช. เท่านั้น

เพราะหากมองไปยังท่าที พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ จากศูนย์ประชาสัมพันธ์ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คสช.ในขณะนั้น ก็จะเห็นถึงความพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่เข้าสู่สนามรบ

จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงไม่แปลกหากเพียงแค่เริ่มต้นก็รับรู้ได้ถึงบั้นปลายท้ายสุดว่า

ใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ใครจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ

ในสงคราม”ขันแดง”