เชิงบันไดทำเนียบ : พี่เจ็บ น้องก็เจ็บ !! ‘บิ๊กป้อม’หายตามสัญญา Low Profile ปิ๋ว ครม. หรือ Admit

‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ป่วยไข้ที ทำเอาทัพคสช.เสียขบวนไม่น้อย ถึงขั้นมีข่าวนอนโรงพยาบาลห้องไอซียู มาพร้อมเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าด้วย
.
แต่อาการป่วย ‘บิ๊กป้อม’ เป็นที่จับตาไม่น้อย ว่า “ป่วยจริง” หรือ “ป่วยการเมือง” แต่บุคคลใกล้ชิดพูดตรงกันว่า “ท่านป่วยจริง” แต่ไม่มีใครลงรายละเอียดว่าป่วยอะไร และพักที่โรงพยาบาลไหน โดยมีข่าวว่าป่วยหลังกลับมาจากต่างประเทศช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
.
มีกระแสข่าวถึงขั้น “ผ่าตัดหัวใจ” เข้าห้องไอซียู มีสายระโยงระยางเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้รับการคอนเฟิร์มถึงอาการป่วยนี้อย่างชัดเจนว่าจริงหรือไม่ แต่คนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร ระบุเพียง “นายอยู่ระหว่างพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรง และต้องทำกายภาพบำบัด” ด้วยอายุที่มากของ ‘บิ๊กป้อม’ ที่จะครบ 73 ปี 11 ส.ค.นี้ ย่อมต้องป่วยไข้เป็นธรรมดา ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องรักของ ‘พี่ป้อม’ ก็ออกมาคอนเฟิร์มว่าป่วยจริง จึงต้องลาประชุมครม.
.
“ท่านก็ไม่สบายเป็นปกติ พวกคุณสบายดีทุกวันหรือไม่ ไว้พวกคุณอายุ 70 ปีแล้วค่อยมาบอกผมว่าสบายทุกวัน ขนาดผมอายุ 60 กว่าปีก็ยังไม่สบายบ้างอะไรบ้าง เพียงแต่ผมไม่ได้บอกอะไรกับใคร เพราะไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะต้องมาสนใจผม ใช้ให้ตาย พอใจกันหรือยัง” พล.อ.ประยุทธ์ เผย
.
แต่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ‘พี่ป้อม-น้องตู่’ ถึงกันตลอด โทรคุยกันทุกวัน แม้ไม่บอกว่าไปเยี่ยมไข้แล้วรึยัง แต่ก็หยอดคำหวานสั้นๆแทน “ใจต่อใจถึงกันอยู่แล้ว อยู่กันมาเกือบทั้งชีวิต”
.
แต่อาการที่มาแรงที่สุด คือ “ทำบอลลูนหัวใจ” เพราะมีกระแสข่าว 22 พ.ค. พอดีว่า เข้าโรงพยาบาลกะทันหันเพื่อทำการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ เชื่อได้ว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด ประกอบกับต้องพักฟื้นตัวและกายภาพบำบัด ที่สำคัญบุคคลใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ระบุชัดว่าพักพื้นนานเท่าใด
.
แม้พล.อ.ประวิตร จะออกมาคอนเฟิร์ม ว่า ไม่ได้ผ่าตัดหัวใจหรือมีอาการเกี่ยวกับเส้นเลือกหัวใจ พร้อมยืนยันว่า ร่างกายยังแข็งแรงดี ไม่ได้เป็นอะไรมาก
.
แต่ก็มีข้อมูลเบื้องต้นมาว่า พล.อ.ประวิตร จะกลับมาทำงานปกติในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็เป็นระยะเวลาในการพักฟื้นของคนทำบอลลูนหัวใจพอดีด้วย ถือเป็นอาการป่วยที่เป็นไปได้ เพราะ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร มีอาการเจ็บหู เจ็บคอ เป็นหวัดก็หายไป 2วัน ลงประชุมครม.กลางคันด้วย กลับมาทำงานในหน้ากากอนามัยมา พร้อมหยอกสื่อ “จะแพร่เชื้อให้” ก่อนเข้าประชุมที่กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญจึงต้องมาด้วยตนเอง
.
เมื่อเทียบกับเหตุระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ที่พล.อ.ประวิตรเป็นหัวขบวน ที่ต้องออกมาชี้แจงและนำประชุมคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง ก็มอบหมาย ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. นำประชุมฝ่ายความมั่นคงแทน จึงเชื่อได้ว่า “อาการป่วย” ครั้งนี้หนักจริง การทำบอลลูนหัวใจจึงมีความเป็นไปได้สูง
.
หากสังเกตท่วงท่าการเดินของ พล.อ.ประวิตร จะพบว่า เดินเซและหายใจแรงบางช่วง หรือมีอาการเหนื่อยง่ายหรือมีการถอนหายใจก่อนให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่ง ‘บิ๊กป้อม’ ก็ไม่ได้ละเลยต่อสุขภาพ ทั้งการควบคุมอาหารที่ลดลงไป 5 กิโลกรัมได้ และหลังจากหกล้มเมื่อปี2558 จนต้องใส่เฝือกอ่อน งดทำงานตามคำสั่งแพทย์ไปเกือบ 1 เดือน ก็หันมาออกกำลังกายเดินในน้ำแทน เพื่อประคองร่างกาย ประกอบกับมีอาการมีปัญหาที่ปลายเส้นประสาท อาการน้ำในหูไม่เท่ากันอีก

ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยออกมาเปิดเผยช่วงต้นปี60ว่า เคยล้มไป 3 ครั้ง มีครั้งหนึ่งหัวฟาดพื้น อีกทั้งก่อนวันเกิด 11 ส.ค. ปีที่แล้วก็มีข่าวเป็นลมเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่สบอารมณ์กับข่าวนี้มาก และคอนเฟิร์มเองว่าไม่ได้เป็นลม กลางงานวันเกิด

“ขอให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจด้วย ไม่ต้องมาเเช่งผม ว่าผมป่วย ผมสู้ตาย มาแช่งกันอยู่อย่างนี้ เมื่อวานก็แช่งผม ให้ผมเข้าโรงพยาบาล จะไปเข้าได้อย่างไร ในชีวิตผมไม่เคยแอดมิต จำเอาไว้ และไม่เคยเป็นลม มาเขียนว่าผมเป็นลม ก็มีแต่สื่อทั้งนั้นที่คิดไปเอง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
กระแสข่าวมีไปถึงว่า ป่วยครั้งนี้จะเป็นเหตุผลที่ปูทางให้ ‘บิ๊กป้อม’ โบกมือลา ครม. และอยู่เป็นที่ปรึกษาคสช.อย่างเดียว วางมือจากรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมเอง ในการคุมกองทัพและขุมปฏิวัติ
.
แต่ก็เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล ถ้าจะใช้เหตุผลในการ “ลาออก” จากครม.ได้อย่างแยบยลและไร้ข้อสงสัยมากที่สุด เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าว ‘บิ๊กป้อม’ หลุดครม. จนทำให้ต้องโลว์โปร์ไฟล์งดให้สัมภาษณ์สื่อไป 1 สัปดาห์
.
“พล.อ.ประวิตร ปิ๋ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตัดขาผม และจะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ อยากให้ตนออก เล่นกันแบบนี้ได้อย่างไร ความจริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย ผมยังทำงานได้แม้อายุมากแล้วก็ตาม” พล.อ.ประวิตร เผย 16ธ.ค.59
.
อีก 5 เดือนต่อมา มีกระแสปรับ ‘ครม.ประยุทธ์5’ อีกครั้ง พล.อ.ประวิตร ก็ตกเป็นเป้าอีก ว่าจะมีการปรับออกจากครม. แต่ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กลับมีท่าทีเตรียมพร้อมกับอนาคตทางการเมืองที่ต้องลงจากอำนาจมากขึ้น และเป็นเพียงข่าวที่สื่อเขียนขึ้น
.
“ผมก็พร้อมนะ อยากจะให้ออก คุณจะได้หัวเราะกันอย่างสบาย” พล.อ.ประวิตร เผย

“ผมไม่น้อยใจ อายุผมปาเข้าไป 72 ปีแล้ว ผมพร้อมออก อายุขนาดนี้แล้วไม่มีใครทำงานขนาดนี้หรอก ถึงมีก็น้อยมาก ผมก็เสียสละทุกอย่าง” พล.อ.ประวิตร

ล่าสุด ‘บิ๊กป้อม’ กล่าวกับนักข่าวทางโทรศัพท์ ว่า “ไม่เป็นอะไรมาก ดีขึ้นแล้ว และจะกลับมาทำงานพรุ่งนี้(25พ.ค.)” ทำให้สื่อต่างไปรอ ‘บิ๊กป้อม’ ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งที่จอดรถ หน้าตึกทำงานโล่ง มีเพียงรถนำขบวน ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เท่านั้น
.
แต่นายทหารใกล้ชิด ‘บิ๊กป้อม’ บอก “ท่านไม่เข้ากระทรวง ไม่มีหมายวันนี้ ทำงานอยู่ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ร.1 รอ.”
.
นอกจากนี้ทีมโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร จะเข้ากระทรวงกลาโหม 29 พ.ค.นี้ แน่นอน เพราะมีหมายกำหนดการนำประชุมสภากลาโหม หากเป็นไปตามนี้ ก็จะครบ 2 สัปดาห์ ที่ ‘บิ๊กป้อม’ หายไป ซึ่งตรงกับที่ พล.อ.ประวิตร เปรยเมื่อกลางเดือน เม.ย. ว่า จะหายตัว 14 วัน นั่นเอง
.
“มีเรื่องอะไร บอกมาก่อน ไม่มีเรื่องใหม่ ไม่ตอบ กู๊ดบาย เดี๋ยวผมจะหายไป 14 วัน‬” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
แต่สื่อก็วิเคราะห์ว่าอาจเป็นการเลี่ยงตอบคำถามสื่อปม ‘หมุดคณะราษฎร’ แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ได้เผยอีกครั้งว่า 14 วัน คือจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อคนหนึ่งเท่านั้น
.
แต่หากย้อนไทม์ไลน์กลับไป จะพบว่าวันที่ 16 พ.ค. หลังประชุมครม. เป็นวันสุดท้ายที่สื่อพบ ‘บิ๊กป้อม’ ก่อนให้สัมภาษณ์ ก็มีท่าเดินที่เซและสูดลมหายใจยาวก่อนตอบคำถามสื่อ และมีท่าทีอยากบอกอะไรกับสื่อ ที่เรียกชื่อนักข่าวและยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
.
เท่ากับว่าการหายไปครั้งนี้ ได้เตรียมการมาแล้ว ทั้งไปทำธุระที่ต่างประเทศ จนมาถึงเข้าโรงพยาบาลรักษาตัว รวม 2 สัปดาห์พอดี ทำให้คลายสงสัยถึงการ “พักยาว” หรือ “หลุด ครม.” ไปได้บ้าง
.
แต่หากมองให้ลึกอีก ก็มีการสงสัยว่า “หากป่วยจริงทำไมต้องปิดลับขนาดนี้” ? ทำให้เรื่องการหลุดครม. หรือ โลว์โปร์ไฟล์ ยังทิ้งไปไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะ ลักษณะการหายหรือลดบทบาทช่วง “แกว่ง” มีมาแล้วในอดีต
.
แต่ครั้งนี้หนักกว่าที่ผ่านมา เพราะในรอบ 1 เดือนกว่า กลับมีเหตุระเบิดถึง 3 ครั้ง แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และทำให้สิ่งที่ คสช. ภูมิใจนำเสนอ คือ “ความสงบ” ถูกท้าทาย ทำให้ “เผือกร้อน” ตกไปที่ พล.อ.ประวิตร เต็มๆ การลดบทบานี้จึงเพื่อกลับมา “คืนฟอร์ม” หรือ “แก้มือ” ในอนาคต
.
“ผมบอกแล้วไม่เกี่ยว ผู้ที่ต้องการก่อก่วนก็หาจังหวะเวลาและโอกาส อย่าไปมองในเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกัน” พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. กล่าวถึงการโลว์โปร์ไฟล์ ของ พล.อ.ประวิตร เกี่ยวกับเหตุระเบิดหรือไม่

เมื่อผู้นำทัพ “คสช.” และ “ความมั่นคง” หายเงียบไปและลาป่วยเกือบ 2 สัปดาห์เต็ม ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ก็ยอมรับว่า มีผลต่อจิตใจฝ่ายความมั่นคง เปรียบเป็น “พี่เจ็บ น้องก็เจ็บ” ด้วย
.
“มีผลด้านจิตใจ เท่าที่ผมทราบ ท่านอาจดูแลสุขภาพช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ปัจจุบันก็สถานการณ์ทุกอย่างก็เรียบร้อย ท่านก็กลับมาทำงาน” ผบ.ทบ. กล่าว
.
แต่ที่ทิ้งปม คือ เหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. และวางที่ห้องวงษ์สุวรรณ พร้อมกับการหายตัวไป ‘บิ๊กป้อม’ ด้วยนั้น จึงเป็นปริศนา ที่ต้องการ “คำตอบ” ต่อไป จะเชื่อมโยงได้มากน้อยขนาดไหน แต่ก็เขย่าเก้าอี้ ‘บิ๊กป้อม’ ได้ไม่น้อย
.
แม้แต่คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ก็เลือกที่จะ “เลี่ยง” ตอบคำถาม หรือ “ความจริง” แท้แน่นอนนี้ จะมีแค่เพียง “คนสนิท” พล.อ.ประวิตร ไม่กี่คนก็ได้ แม้จะมีน้องมากทั้งในวงการ “ลายพราง-สีกากี” ก็ตาม
.
คนที่จะตอบได้ “เคลียร์” มีแค่ ‘บิ๊กป้อม’ เท่านั้น แล้ว “เราจะรอ” !!