สิตา CGM48 : จากไม่หวังสู่ความหวัง จากน้ำตาสู่ความเข้มแข็ง

“เกือบ 700 กิโลเมตร คือระยะทางความห่างไกลจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่”

ถ้าเป็นสมัยผมยังเด็กระยะทางนี้จะใช้เวลา 1 วันด้วยรถยนต์ นั่งให้หัวโขกหน้าต่างเป็น 48 ครั้งก็ยังไม่ถึง แต่เพราะเทคโนโลยีที่เก่งกาจช่วยหดระยะเวลาเหลือเพียง 1 ชั่วโมงด้วยเครื่องบิน โดยไม่ต้องหัวโขกหน้าต่างสักครั้ง

เชียงใหม่เป็นเมืองมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ใครได้มาเยี่ยมสักครั้งก็ต้องหลงรักจนอยากแวะมาเยือนอีกหนและอีกหน แต่ความน่ารักที่พาผมมาเชียงใหม่รอบนี้ไม่ได้มาจากเมือง แต่มาจากสาวน้อยตาง่วงแต่ดูขี้เล่น สิตา ธีรเดชสกุล สมาชิกและเซนเตอร์คนแรกของ CGM48 วงไอดอลน้องสาวของน้องสาวอีกที

อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น AKB48 คือวงไอดอลหญิงจากประเทศญี่ปุ่น มีวงน้องสาวอยู่ทั่วโลก และมีน้องสาวคนไทยชื่อ BNK48 แต่ตอนนี้มีน้องสาวคนใหม่สัญชาติไทยแต่ต่างกันที่ถิ่นกำเนิดอยู่ที่เชียงใหม่ชื่อ CGM48 ส่วนตำแหน่งเซนเตอร์คือคนที่ยืนอยู่ตรงกลางหน้าสุดของเพลง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใครหลายคนต่างก็หวังจะได้รับเลือกสักครั้งหนึ่ง

แต่สิตาไม่ได้คิดว่าตัวเองเหมาะกับตำแหน่งนี้เลยสักนิด และยังเสียน้ำตาเมื่อได้ยินว่าตัวเองเป็นผู้ถูกรับเลือก

อะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้นกันนะ ตอนนี้เธอยังคิดแบบนั้นอยู่หรือเปล่า และภายใต้น้ำตาในวันนั้นมีความหมายอะไรซุกซ่อนอยู่ไหม ทั้งหมดนี้เราจะรู้ไปพร้อมกัน แต่โปรดกุมหัวใจคุณให้แน่น เพราะไม่แน่ว่าคำตอบของเธอจะคว้าหัวใจของคุณเป็นของตอบแทน!

เพราะอะไรสิตาถึงมาสมัครเป็น CGM48

แม่อยากให้มาค่ะ ทีแรกเราก็งอแง มันไม่ใช่ตัวหนูอะแม่งู้นงี้ แม่ก็บอกว่าเอาหน่อยน่า สุดท้ายก็มาสมัครจนได้ค่ะ (หัวเราะ)

เล่าประสบการณ์ในการไปออดิชันให้เราฟังหน่อยสิครับ

เริ่มยังไงดีล่ะ มันก็จะมีหลายรอบ รอบแรกก็จะเป็นการอัดคลิปส่งไปทางอีเมล พอรู้ว่าผ่านเข้ารอบ คุณแม่ก็ดีใจใหญ่เลย บอกว่ารีบจองตั๋วไปเชียงใหม่กันเถอะ แต่เป็นตัวหนูนี่แหละเครียด เพราะเราเต้นก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ได้ ส่งไปก็ไม่คิดว่าจะผ่าน หลังจากนี้เอาไงต่อดีก็ไม่รู้

แล้วสิตาทำยังไงต่อ

ก็ต้องทำค่ะ! คือตอนแรกหนูก็ไม่รู้ว่ารอบนี้เขาจะต้องให้เราต้องร้องเพลง เต้น และแสดงความสามารถพิเศษ แล้วหนูก็ดันเตรียมมาแค่เต้น ความตื่นเต้นที่มีมันเลยหายไปหมด เพราะต้องเตรียมเพลงเข้าไปร้องค่ะ (หัวเราะ)

พอได้เข้าเป็นสมาชิก CGM48 แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ

คือช่วงแรกก็ดีใจนะคะ เพราะที่บ้านก็ลงทุนไปตั้งเยอะ แล้วพอเข้ามาก็มีความสุข ได้เจอเพื่อนใหม่ แต่พอสักพักเริ่มมีคัดกลุ่ม มีการบ้าน มีการสอบ มีการลงโทษ

โห กังวลแล้วเรา หลังจากนี้จะเป็นยังไงนะ…

แล้วเป็นอย่างไรครับ

คือหนูน่ะตอนเข้ามาแรกๆ ไม่เคยหวังเรื่องที่จะเข้ามาเป็นตัวท็อปหรือต้องยืนแถวหน้าอะไรแบบนั้นเลยค่ะ ขนาดคุณแม่ที่คอยผลักดันมาตลอดยังพูดเลยว่า “เข้ามาแล้วก็พยายามไปกับเขาหน่อยนะลูก”

อย่างการเต้นมันก็จะยากตรงที่มันต้องใช้ความอึด เราจะต้องเต้นให้ดีให้เป๊ะ แล้วหนูก็เป็นคนแรงน้อย เต้นรอบแรกโอเคดี พอรอบสองเท่านั้นแหละอาการมาเลยเพราะหมดแรงแล้ว

ส่วนการร้องก็คือหนูไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย ทุกอย่างก็เลยต้องเริ่มต้นใหม่กันหมด ก็เลยไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเวลาร้องเพลง แต่เวลาอัดเสียงหนูก็ไม่ได้โดนแก้บ่อยนะ ซึ่งหนูคิดเองไว้สองอย่างคือ เราร้องดีแล้วกับเขาไม่ใช้เสียงเราค่ะ (หัวเราะ)

ยากแบบนี้ สิตามีท้อบ้างไหม

ก็มีบ้างนะ แต่ว่าไม่บ่อยหรอก มีแค่ครั้งเดียวมั้งที่รู้สึกจ๋อย คือหนูเนี่ยปกติเวลาเรียนเต้นจะอยู่คลาส A ตลอด แล้วเราก็เกิดความรู้สึกกลัวว่าจะตกลงไป คิดแต่ว่าต้องดีขึ้นกว่านี้อีก ก็เลยเต้นให้แรงขึ้นกว่าเดิม แต่ว่ากลับกลายเป็นว่าผลสอบออกมาเราตกลงมาอยู่คลาส B ก็เศร้าเลย จ๋อยเลย

แต่ว่าพี่ออมกับพี่รินะก็มาบอกกับหนูว่า “นี่ไม่ใช่สิตาแล้วนะ สิตาต้องเต้นในแบบที่สิตาเป็นสิ” หนูก็เลยเข้าใจขึ้นว่าไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องเป็นตัวเองด้วย ตอนนี้ก็เลยไม่ท้อแล้วแต่พยายามทำให้ดีขึ้นในแบบของเรามากกว่าค่ะ

‘BNK48 7th SINGLE ROAD SHOW 77 ดินแดนแสนวิเศษ’ คือโชว์แรกของ CGM48 อยากรู้ว่าคืนก่อนการแสดงสิตานอนหลับไหมครับ

หลับค่ะ หนูอยู่ไหนก็หลับ ความตื่นเต้นไม่มีผลอะไรกับการนอนของหนูทั้งนั้นค่ะ (สีหน้าภูมิใจ)

อืม…พูดถึงโชว์รอบนั้นบ้างดีกว่า สิตาและเพื่อนพอใจกับมันแค่ไหน

พอใจสิ พอใจมาก ก็ทุกคนตั้งใจมากอะเนอะ ดีใจมากๆ ที่ทุกคนพยายามกันมามันออกมาดีขนาดนี้ อาจจะมีตัวหนูเองนี่แหละที่หลุดๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เรายังมีโอกาสแก้ตัวได้อีกหลายรอบ ก็อยากทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ

แล้วกับประกาศเซนเตอร์และเซมบัตสึล่ะ

หนูไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกยังไง ตอนที่เราดูอยู่ที่บ้านในฐานะแฟนคลับมันก็เป็นความรู้สึกว่าอยากให้คนที่เราเชียร์ติดอันดับ แต่พอเป็นตัวเองมันก็ปนๆ กันไปหมด

แต่สิตาก็มีเสียน้ำตา

(นิ่งคิด) ปกติเวลาหนูดีใจ หนูก็ไม่ร้องไห้นะ แต่ที่ร้องไห้เพราะรู้สึกว่าต้องโดนแน่ๆ

วันนั้นหนูก็ไม่ได้เต้นดี และปกติก็ไม่ได้เป็นคนทำอะไรได้ดีขนาดนั้นอยู่แล้วด้วย มันต้องมีแน่ๆ แหละความคิดที่ว่า “เป็นเซนเตอร์เพราะว่าดังสุด” หรือ “เด็กดันแน่ๆ” แล้วถ้าหนูทำได้ไม่ดีมันจะแย่กว่าเดิม เราก็เลยร้องไห้ออกไป มันเป็นความรู้สึกกดดันมากกว่าดีใจ

หลังจากที่งานจบ สิตาลงจากเวทีด้วยความรู้สึกแบบไหน

ถ้านอกจากที่บอกไป เราก็รู้สึกเป็นห่วงน้อง เป็นห่วงเพื่อน เป็นห่วงคนที่เขาตั้งใจมาตลอดแต่เขาก็ไม่ติดเซมบัตสึ เป็นห่วงว่าเขาจะรู้สึกยังไง

แล้วสิตาพูดอะไรกับเขาบ้างครับ

หนูก็จะคอยบอกกับทุกคนว่าเรายังมีเวลาอีกนานนะ นี่เป็นเพียงแค่เพลงแรก ทุกอย่างจะมีเวลาของมันแน่นอน และหนูเชื่อว่าทุกคนจะมีเวลาของตัวเอง

ในอนาคตหนูอาจจะไม่ใช่คนที่ได้มายืนตรงนี้แล้วก็ได้ หนูเชื่อจริงๆ ว่าไม่ว่าอย่างไรทุกคนจะต้องมาอยู่แถวหน้าได้แน่นอน

“เราเป็นเซนเตอร์ มันจะเหมาะสมที่จะเข้าไปปลอบคนอื่นไหมนะ” สิตามีความรู้สึกแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ

ไม่ค่ะ ไม่เลย หนูไม่ได้มองว่าเราเป็นเซนเตอร์ เขาเป็นอันเดอร์ หนูไม่ได้มองตรงนั้น หนูแค่รู้สึกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน เราอยากให้เขารู้สึกดีขึ้นแค่นั้น แค่นั้นเลยที่หนูรู้สึก

สิตาได้ทดลองการเป็นเซนเตอร์ในโชว์แรกของ CGM48 ความรู้สึกมันเป็นยังไงบ้าง

มันเป็นความรู้สึกไม่มีที่พึ่งเลย เรามองไปข้างหน้าก็ไม่เจอเพื่อนเราเลย มองไปก็มีแต่คนดูเท่านั้น เมื่อก่อนหนูก็ลองคิดนะว่ามันจะรู้สึกยังไงกันนะ แต่พอต้องมายืนจริงๆ มันน่ากลัวมากกว่าที่คิดนะ มันไม่ใช่แค่ตำแหน่งการยืน แต่มันคือทุกอย่าง อารมณ์ที่แฟนคลับส่งมา อารมณ์ที่เพื่อนข้างหลังส่งไป มีแต่เราที่อยู่ตรงนี้ มันรู้สึกโดดเดี่ยวจังเลย

สิตาพูดไว้หลังจากได้รับตำแหน่งเซนเตอร์ว่าตัวเองไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ในตอนนี้คิดว่าตัวเองเหมาะสมแล้วหรือยัง

เหมาะแล้วค่ะ (ยิ้ม) เพราะว่าหนูก็ต้องมีความมั่นใจอะเนาะ ถ้าไม่มีความมั่นใจ มันก็ออกมาไม่ดีใช่ไหมล่ะ

หนูคิดว่ามันไม่ใช่ว่าใครจะมาอยู่ตรงนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นเวลาได้มายืนแต่ละทีก็รู้สึกภูมิใจกับมันทุกครั้งที่เราได้ขึ้นไปยืนอยู่ตรงกลาง เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้หนูเหมาะกับเซ็นเตอร์เพลงนี้แล้วค่ะ

ในฐานะไอดอลคนนึง สิตาคิดอย่างไรกับเรื่อง Cyber Bullying

(นิ่งคิด) บางทีคนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่าสิ่งนี้คือการกลั่นแกล้ง เขาเริ่มทำไปเพราะสนุกแล้วก็เห็นว่ามีคนสนุกด้วย แต่ความเป็นจริงกับคนที่ถูกกระทำสิ่งนี้อาจเป็นบาดแผลไปทั้งชีวิตของเขาเลยก็ได้

ความจริงแล้วหนูว่าเรื่องนี้มันคือการให้เกียรติกันและกันในสังคมมากกว่า เราให้ความสำคัญกับจิตใจอีกฝ่ายแค่ไหน เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างหรือเปล่า

ในฐานะไอดอลหนูก็อยากจะพูดเรื่องนี้ให้ดังขึ้น แต่หนูมองว่ารัฐบาลก็ต้องช่วยด้วยเนอะ ไม่รู้สิ หนูว่ามันอาจจะต้องเริ่มกันตั้งแต่พื้นฐานเลย คือการรณรงค์มันก็ดีแหละ แต่มันก็แค่ช่วงเวลานึง เพราะถ้าเราไม่เริ่มมันอย่างจริงจัง คนที่ถูกกระทำก็ยังคงมีอยู่ และก็คงมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ

สิตาอยากพูดอะไรกับคนที่ตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาจากการถูกบูลลี่บ้างครับ

ไม่ว่าอย่างไร อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่าจากคำพูดของคนอื่นเด็ดขาด เรารู้จักตัวเองดีที่สุดค่ะ

จะให้พูดว่าอย่าเก็บไปคิดมันก็ยาก เพราะหนูเองก็ยังเป็นเลย แต่หนูอยากให้เราลองหันหลังให้โลกสักพักหนึ่งเพื่อมาอยู่กับตัวเอง ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อพร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้าอีกครั้ง

จริงๆ ทุกคนที่โดนแล้วยังอยู่ตรงนี้ได้ ทุกคนเก่งมากแล้วค่ะ อยากจะให้ทุกคนเก่งอย่างนี้กันต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งในอนาคตที่จะช่วยให้ปัญหานี้มันหายไป ให้การกลั่นแกล้งหายไป สำหรับสิตาทุกคนสำคัญมากๆ เก่งมากแล้วค่ะ สู้ๆ นะคะ

จากคนที่มีโลกส่วนตัว ไม่ชอบอยู่กับใคร กลายมาเป็นไอดอลที่มีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกแบบไหน

มันเป็นความรู้สึกว่าวันนั้นเราทำอะไรลงไปนะ ขอทวนอีกทีนึงซิ กับแฟนคลับเนี่ยทั้งที่เขาแทบยังไม่รู้จักเราเลย แต่ก็ยังรักเราขนาดนี้ หนูเองก็เคยคิดนะว่าตัวเองสมควรที่จะได้รับความรักเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

เพราะฉะนั้นก็ขอบคุณค่ะ หนูจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณที่ชอบหนูนะคะ

ตัวจริงของ สิตา ธีรเดชสกุล เป็นคนยังไงครับ

เป็นไง ก็เป็นแบบนี้ค่ะ (หัวเราะ) ถ้าจะให้มีใครจำเราได้ เราก็อยากให้เขาจำเราได้เพราะเราเป็นเราเนอะ ถึงจะเป็นไอดอลแล้วเราก็อยากเป็นคนที่ให้กำลังใจทุกคนได้ และก็จะเป็นสิตาแบบนี้ต่อไปด้วยค่ะ

สุดท้ายครับ ขอให้เซนเตอร์คนแรกของ CGM48 ฝากผลงานด้วยครับ

สำหรับซิงเกิลแรกนะคะ เชียงใหม่ 106 ก็เป็นเพลงที่เราเล่าเรื่องราวรากฐานของเชียงใหม่ มีเนื้อหาให้กำลังใจ และมีความอบอุ่นในเพลง มีพูดถึงความรัก และก็ทุกอย่างรวมกันในเพลงเดียว เพราะมากๆ ลงตัวมากๆ หาฟังได้ยากนะทุกคน (หัวเราะ)

ก็อยากให้รอดูโชว์ของพวกเราด้วยนะ ไม่ใช่แค่เซ็มบัตซึ แต่ทุกคนในวงตั้งใจกันมากจริงๆ แล้วก็ฝาก CGM48 ด้วยนะคะ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ!

ชมคลิปสัมภาษณ์