เชิงบันไดทำเนียบ : จุดจบ ‘ฝ่ายค้าน’ จะเป็นเพียง ‘ก้อนกรวด’ ใน ‘ท็อปบู๊ท’ ?

กลายเป็นที่สงสัยข้ามปี เหตุใดชื่อ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ของรัฐบาล ตั้งแต่ยุค คสช. จึงหลุดโผศึกซักฟอกที่จะมีช่วงปลายก.พ.นี้ หลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปธ.กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ที่รับบท ‘ผู้นำทัพ’ ในศึกซักฟอกครั้งนี้ของพรรค ทั้งการเตรียมข้อมูลและขุนพลในการจัดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังคงยืนกรานอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 5 คนเท่านั้น แม้พุ่งเป้าไปที่พรรคพลังประชารัฐทั้งหมด ได้แก่ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ

ท่ามกลางความกังขาสงสัยหลายชื่อที่ต้องโดนแน่ๆทำไมถึงรอด หนึ่งในนั้นคือชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ นั่นเอง ในฐานะ ‘ตำบลกระสุนตก’ ตั้งแต่ยุค คสช. อีกทั้งมีแผลให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายแน่นอน จึงมีกระแสข่าว ‘ดีลลับ’ มาตั้งแต่กลางธ.ค.62 ทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาปฏิเสธไม่มีดีลกับฝ่ายค้านทันที ว่า “ดีลกับใคร ดีลเรื่องอะไร เพราะผมไม่ได้คุมกระทรวงอะไร ทำงานด้านความมั่นคง ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ได้ทำอะไรผิด”

ล่าสุด ‘บิ๊กป้อม’ ได้กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวคุยดีลกับ ร.ต.อ.เฉลิม อีกครั้งว่า “ไม่ได้พูดคุยกับเขา จะไปรู้อะไร จะมีชื่อผม หรือไม่มีชื่อผม ในการถูกอภิปรายครั้งนี้ก็ได้” ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ยังคงยืนกรานถึงเหตุผลที่ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะเรื่องนาฬิกาหรูว่าจบไปในขั้นตอนของ ป.ป.ช. แล้ว หลังชี้มูลว่าไม่มีความผิด เมื่อเล่นการเมืองก็ต้องมีกติกา ก็ต้องเชื่อ ป.ป.ช.

แต่กลับมีความเคลื่อนไหวจากพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะ ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ส.ส.อุตรดิตถ์ หลังออกโรงจะซักฟอก พล.อ.ประวิตร ให้ได้ โดยมองว่าหากจะอภิปรายต้องทำทั้ง ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ เพราะถือว่าเป็นแกนหลักของรัฐบาล หากไม่มี ‘3ป.’ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ และเป็นแกนหลักมาตั้งแต่ยุค คสช. แล้ว พร้อมระบุว่าเรื่องที่จะอภิปราย พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องนาฬิกา ดังนั้นจึงไม่ใช่การขัดกับ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ตนได้ให้ทีมไปรวบรวมข้อมูลมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าเรื่องนาฬิกาหลายเท่า และมีผลเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่ยุค คสช. มีหลายส่วนประกอบกัน แม้ไม่เปิดขอเผยว่าเรื่องใด แต่เป็นเรื่องที่ส่อไปในเชิงมีการทุจริต จึงเชื่อว่า ร.อ.ต.เฉลิม จะเห็นด้วย ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ นั้นก็ได้เตรียมข้อมูลที่จะซักฟอกมาแล้ใส แต่ขออุ๊บไว้ก่อน
.
สุดท้ายแล้วเรื่องที่จะอภิปราย ‘บิ๊กป้อม’ ก็ถูกแง้มออกมา โดย ‘วิสาร เตชะธีราวัฒน์’ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการจ้างบริษัทโฆษณารับงานของหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งมีข้อมูลว่ามีการล็อกสเปกให้บางบริษัทที่ผู้บริหารมีความสนิทสนม และผู้บริหารมีนามสกุลเหมือนผู้ใหญ่ในรัฐบาล โดย ‘วิสาร’ ระบุว่าหากสุดท้ายแล้วพรรค จะไม่ซักฟอก พล.อ.ประวิตร ก็ต้องชี้แจงเหตุผลต่อประชาชนด้วย เพราะตนเห็นว่า พล.อ.ประวิตร สมควรจะถูกอภิปราย เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องรู้ทุกเรื่องของรัฐบาล

นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ฮือฮาคือ ‘มือแฉเจ้าเก่า’ อย่าง ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแฉ ‘โรงลิเกโรงใหญ่’ พร้อมเปรียบเปรยว่างานนี้มี ‘งูเห่า’ ที่เป็นระดับ ‘พญานาค’ หรือ ‘อนาคอนด้า’ หลบหลังฉากอยู่นอกสภา ทำยิ่งกว่า ‘วิ่งไล่ลุง’ เสียอีก เพราะทำการ ‘นั่งคุยกับลุง’ แทน ทำให้เกิดคำถามว่า ‘อนาคอนด้า’ กับ ‘ลุง’ ที่ว่านี้ คือใครกัน ?
.
“เล่นการเมืองแบบนี้มันลึกซึ้งนัก ได้ประโยชน์มากกว่า แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล
งูเห่าระดับ ‘พญานาค’ หรือจะเรียกว่าระดับ ‘อนาคอนด้า’ ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นในสภาเหมือนระดับงูเห่ากระจอกๆ บารมีก็ได้ ชื่อก็ไม่เสีย ไม่ต้องให้คนด่า ไม่ต้องไปวิ่งไล่ใครให้เห็น ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ เพราะมีคนไปร้องให้กวนใจ นั่งจิบไวน์สบายแฮที่บ้าน
แล้วอย่างนี้พรรคอนาคตใหม่หวังจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ? ในเมื่อฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพแบบนี้ ? เพราะมันเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันมาแต่ต้น จะไป ‘วิ่งไล่ลุง’ มันแค่หนังไทย ต่อรองอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ระดับอินเตอร์แบบที่เขาเล่น มันเหลือเชื่อ ของจริงเขา ‘นั่งคุยกับลุง’ อยู่บนโต๊ะจีนในห้องสูทโรงแรมระดับ 5 ดาว แถวๆ ถนนราชดำริ ของนายทุนใหญ่ มีลิฟท์ VIP ไม่ปะปนกับคนทั่วไป
หากจะไม่ให้อภิปรายคนนี้ จะขอคนนั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรี ตอนปรับ ครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จบ” นายชูวิทย์ ระบุ
.
ทั้งหมดนี้ยังคงเป็น ‘กระแส’ ที่ออกมา ให้ได้ ‘ต่อจิ๊กซอว์’ ทางการเมือง ก่อนเปิดศึกซักฟอก 1 เดือนนับจากนี้ ถือเป็นปกติของเกมการเมืองที่ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านจะต้องทำให้ฝ่ายรัฐบาลตระหนกตกใจ เช่น การปล่อยข่าวยุบสภาหนีศึกซักฟอก ที่สุดท้ายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาคำรามเลยว่าไม่มีการยุบใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งการปล่อยชื่อ ‘รัฐมนตรี’ ที่จะอาจโดนขึ้นเขียงซักฟอกเพิ่มรายสัปดาห์ เป็นต้น

ทว่าสิ่งสำคัญใน ‘ศึกซักฟอก’ ครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่จะฟื้น ‘ศักดิ์ศรี’ ของตัวเองกลับมาด้วย หลังสปอตไลท์ส่องไปที่พรรคอนาคตใหม่ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญในเวลานี้คือ ‘มืออภิปรายแถวหน้า’ ไม่ได้เข้าสภา ไม่นับรวม ‘ดราม่า’ ในพรรคเพื่อไทยที่ยังมี ‘คลื่นใต้น้ำ’ อยู่เนืองๆ จึงเป็นงานหนักของ ส.ส.ในสภาครั้งนี้ ในการกอบกู้ศรัทธาของพรรคกลับมาในการเป็น ‘แม่ทัพหลัก’ ชนกับ ‘ขั้วอำนาจ คสช.’ ที่กลายร่างขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ ที่กูรูทางการเมืองต่างบอกตรงกันว่า ‘จะมีอันเป็นไป’ เพราะไม่เช่นนั้น ‘ฝ่ายค้าน’ จะเป็นเพียง ‘ก้อนกรวดในท็อปบู๊ท’ ให้ผู้มีอำนาจ ‘รำคาญใจ’ เล่นเท่านั้น