เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 คุณสฤณี อาชวานันทกุล หนึ่งในแขกรับเชิญ งานครบรอบ 1 ปี เพจ The People ได้พูดถึง “การถกเถียงในโลกออนไลน์” ว่ามี 5 สิ่งที่ควรทำ และ 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ ดังนี้

5 สิ่งที่ควรทำ
1. ปัจจุบันคนในโลกออนไลน์ สามารถเป็นบุคคลนิรนามได้ไม่ยาก (ไม่ใช้ชื่อจริง เป็นบุคคลไร้ตัวตน แม้เฟซบุ๊กจะกำหนดให้ใช้ชื่อจริง แต่ก็ไม่ได้เข้มงวดอะไร ยิ่งในทวิตเตอร์ยิ่งแล้วใหญ่ ) ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่จะแสดงความเห็น แนวการใส่อารมณ์ หรือพูดเกินเลย ดังนั้นการถกเถียงในโลกออนไลน์ ควรปรับทัศนคติตัวเองก่อนว่า สิ่งที่คนอื่นพูด อาจจะไม่ได้หมายถึงเราก็ได้

2. การเปิดใจ อย่ากลัวโง่ ไม่มีใครฉลาดตั้งแต่เกิด และไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง เราอาจจะผิดก็ได้ ให้พยายามฟัง อย่าไปตัดสินล่วงหน้า อย่าด่วนตัดสินว่า เค้าโง่ หรือเราถูกเสมอ

3. ปัจจุบันมีข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ค่อนข้างมาก ทางที่ดี ควรเช็คกลับไปที่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ตัวเลข หรือคำพูดคน ว่าเจ้าตัวเค้าพูดจริงมั้ย หรือพูดด้วยบริบทอะไร

4. พยายามหาความหลากหลายของข้อมูล เราจะพบว่า ปัจจุบันมันเกิดปรากฏการณ์ เอคโค่แชมเบอร์ (echo chamber) หรือห้องแห่งเสียงสะท้อน นั่นก็คือว่า ในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่จะไปติดตามคนที่คิดตรงกับเรา ยิ่งเราติดตาม ระบบอัลกอริทึม (Algorithm) ก็ยิ่งจัดระบบให้เราอยู่ในแวดล้อมคนที่เห็นตรงกันหมด ดังนั้นโอกาสในการรับสารที่หลากหลาย ก็ยิ่งน้อยลง ดังนั้นควรเข้าไปในพื้นที่ที่คิดต่างจากเราบ้าง เพื่อความหลากหลายของความเห็นและข้อมูล

5. เลี่ยงการใช้เหตุผลผิด ๆ หรือสิ่งที่ไม่เป็นเหตุล เช่น วาทะที่ว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า/ไปอยู่ที่ไหนมา หรือ ใครๆ ก็ทำกัน เป็นต้น

5 สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. ถ้าจะเถียงกับใครในโลกออนไลน์ ก็อย่าหายไปดื้อๆ เพราะบางครั้งเรากลับไปหาข้อมูลแทบตาย พอกลับมา อ้าว…หายไปแล้ว

2. การลบคอมเมนต์

3. การแบน หรือการบล็อค คนเห็นต่าง

4. อย่าเอาความผิดเล็กน้อย เช่นการเขียนผิดเล็กๆ น้อย ๆ ค่ะ คะ มาตัดสินคนอื่น จน ไม่ดูเนื้อหาสาระที่แท้จริง

5. อย่าไปตัดสินใครว่าโง่ ทันที่เราว่าเราเค้าโง่ ก็จะไม่เกิดการสนทนา

ทั้งนี้ เพจ The People เป็นเพจที่นำเสนอเกี่ยวกับ เรื่องราวของผู้คน โดยเชื่อว่าทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง

ทางด้าน อนันต์ ลือประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสายงานสื่อ และบรรณาธิการอำนวยการ The People เปิดเผยว่า “แม้ The People จะมาจากการรวมตัวกันของคนทำสื่อมืออาชีพหลายสำนัก หลายคนเคยทำข่าวมาก่อน แต่เรากำหนดบทบาทตัวเองใหม่ ให้เป็นผู้ผลิตเนื้อหาแบบสื่อออนไลน์ มากกว่าที่จะเป็นสำนักข่าวออนไลน์ โดยเน้นการสร้างสรรค์เนื้อหาที่สามารถเปิดอ่านเมื่อใดก็ได้ ตราบใดที่เป็นคอนเทนต์คุณภาพ ที่ช่วยเพิ่มมุมมองและความคิดอ่าน มีลักษณะเป็นคอนเทนต์อายุยืนนานมากกว่า คอนเทนต์อายุสั้น ที่เพียงข้ามวันหรือข้ามชั่วโมงก็ไม่มีประโยชน์แก่ผู้อ่านเสียแล้ว”