เชิงบันไดทำเนียบฯ : ‘บิ๊กตู่’ ข่มใจ ‘ฝ่ายค้าน’ ได้ใจ – จับตา มหากาพย์ ‘ถวายสัตย์ฯ’ ภาค 2

ศึกซักฟอก ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ปม ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ในสภาเสร็จสิ้นแล้ว แต่กระบวนการนอกและในสภายังคงดำเนินต่อไป หลังฝ่ายค้านได้พิจารณายื่นเรื่องต่อ ประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกฯ ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ก็ท้าให้มาสอบได้เลยและไม่หนีแน่นอน รวมทั้งเตรียมลากไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
.
“ก็สอบสิครับ ก็สอบสิ ส่วนทางกฎหมายจะทำได้หรือไม่ ก็ต้องสอบถามจากฝ่ายกฎหมาย ซึ่งตนเคารพกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ทั้งศาล รธน. และศาลปกครอง คดีความต่างๆก็ส่งคนไปชี้แจง ไม่ว่าจะเป็น สตง. , ป.ป.ช. ซึ่งที่ผ่านมามีเรื่องฟ้องร้องหลายเรื่อง ผมไม่หนีหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
“ลากไปเถอะ จะไปไหนก็ไป ไปทำที่ไหนก็ไป ผมก็อธิบายได้ ก็แล้วแต่ ผมก็อยากชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ประเทศชาติเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ อย่าลืมอดีตที่ผ่านมา พฤติกรรมของหลายๆคน หลายๆกลุ่ม ทุกคนต้องเรียนรู้อย่าให้เกิดขึ้นอีก”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
ทั้งนี้ในการอภิปรายในสภา พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาเพียง 25 นาทีในการชี้แจงฝ่ายค้าน หลังนั่งฟังมาตั้งแต่ช่วง 9 โมงครึ่ง จนถึงช่วง 3 โมงครึ่ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่ชี้แจงกรณี ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ชี้แจงเพียงเรื่อง ครม.แถลงนโยบายต่อสภาโดยไม่ระบุที่มางบฯเท่านั้น โดยมอบให้ ‘วิษณุ เครืองาม’รองนายกฯ ชี้แจงแทน โดยได้ยึดคำวินิจฉัยของศาล รธน. มาใช้อ้างอิง

“การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นความสัมพันธ์ระหว่างครม.กับพระมหากษัตริย์ เป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างครม.กับพระมหากษัตริย์ และเมื่อสิ้นสุดถ้อยคำถวายสัตย์ปฏิญาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสให้ปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา” นายวิษณุ กล่าวต่อสภา
.
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุถึงเหตุผลในการพยายามหลีกเลี่ยงการชี้แจงด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เข้าประชุมสภาเพื่อมาตอบกระทู้ถาม โดยฝ่ายค้านได้ยื่นมาตลอด 3 ครั้ง ภายใน 3 สัปดาห์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ้างว่าติดภารกิจที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว จนสุดท้ายฝ่ายค้านได้ยืนขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติแทน ซึ่งสุดท้ายได้เลือกวันที่ 18ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันปิดสมัยประชุมพอดี ทำให้ฝ่ายค้านมีเวลาซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ เพียง 1 วันเท่านั้น
.
“คุณก็รู้เจตนารมณ์ว่าเขาต้องการอะไร เขาต้องการให้ผมพูดอะไรซักอย่าง ซึ่งผมก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ในการที่จะถูกลากไปเชื่อมโยง อะไรก็แล้วแต่ ต้องระมัดระวังสิ คนทำต้องรับผิดชอบ ในการที่ทำให้ไปเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงอะไรก็แล้วแต่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
อีกทั้งในการอภิปรายในสภาฝ่ายค้านพยายามที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ‘ฟิวส์ขาด’ กลางสภา เช่นครั้งการแถลงนโยบายต่อสภา ที่ฝ่ายค้านรับน้อง พล.อ.ประยุทธ์ เอาไว้ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หน.พรรคเสรีรวมไทย ที่เคยมีวาทะ ‘ตัดพี่ตัดน้อง’ กันกลางสภามาแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ขณะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินออกจากห้องประชุมสภาไป ก่อนเดินกลับเข้ามาเมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ใกล้อภิปรายแล้วเสร็จ
.
ซึ่งในการอภิปรายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบดีถึง ‘จุดอ่อน’ ของตัวเองดี จึงพยายามข่มใจไว้ หลุมพรางที่ฝ่ายค้านขุดเอาไว้ในจุดนี้จึงก้าวข้ามไปได้ แต่ปม ‘ถวายสัตย์ฯ’ ยังคือว่าค้างคาต่อไป ที่ฝ่ายค้านก็เตรียมเดินเกมต่อ แต่การอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ ก็ทำให้เห็นทิศทางการเดินเกมของฝ่ายรัฐบาลต่อที่ประชุมสภาในอนาคตมากขึ้น รวมทั้งการวางบทบาท พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาด้วย เพราะถือเป็นการเข้าสภาครั้งที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

ในเมื่อฝ่ายค้านเลือกที่จะ ‘ไม่จบ’ ก็ต้องดูว่าฝ่ายรัฐบาลจะแก้เกมอย่างไร แม้ที่ผ่านมา นายกฯ จะพยายามแสดง ‘นัยสำคัญ’ ออกมาหลายครั้งก็ตาม อีกทั้งต้องจับตาปรากฏการณ์ต่างๆต่อไปว่าจะมี ‘เซอร์ไพรส์’ อีกหรือไม่ ในสถานการณ์ที่ฝ่ายค้านเห็นชะตากรรมและสถานะของตัวเองที่ ‘เสียเปรียบ’ ฝ่ายรัฐบาลในหลายเรื่อง เพราะอย่าลืมว่าช่วงปีนี้ที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นมาบ้าง ซึ่งทุกเหตุการณ์ล้วนมี ‘ความหมาย’ ในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ยากที่จะตีความ โดยเฉพาะนักการเมืองลายครามต่างเห็นทิศทางลมนี้ดี
.
จับตามหากาพย์ ‘ถวายสัตย์ฯ’ ภาค 2