ย้อนคดีเชอรี่แอน “แพะในตำนาน” คดีประวัติศาสตร์ยืดเยื้อ จ่าย26ล้านไถ่บาป “ตำรวจ”ยื้อจนสุดทาง

หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 ต.ค. 2546

แพะรับบาปคดี “เชอรี่แอน” ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาเต็มรูปแบบเมื่อปี 2546 โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติยอมชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาศาลแพ่งจำนวน 26 ล้านบาทให้กับแพะและลูก-เมียแพะที่ต้องทนทรมานกับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อมานานนับสิบปี

แม้กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็เหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็น แถมหลังมีคำพิพากษาออกมาผู้นำสีกากีออกมาสวนหมัดทันทีว่าจะยื่นอุทธรณ์ ร้อนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ยศในขณะนั้น) ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นว่าไม่สมควร

ถือว่าเป็นการไถ่บาปให้แพะและลูกเมีย แม้มันจะไม่คุ้มกับหลายชีวิตที่สูญเสียไป แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าสังคมยังมีความเป็นธรรมอยู่

01
น.ส.เชอรี่แอน ดันแคน

พลิกแฟ้มแพะเชอรี่แอน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2529 น.ส.เชอรี่แอน ดันแคน นักเรียนโรงเรียนพระกุมารเยซูคริสต์ (โฮลี่) ถูกฆาตกรรมทิ้งศพในป่าชายเลน ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ

ตำรวจ จ.สมุทรปราการ จับกุม นายวินัย หรือแจ๊ค ชัยพานิช แฟนของเชอรี่แอน และลูกน้องอีก 4 คนคือ นายรุ่งเฉลิม หรือเฮาดี้ กนกชวลาชัย, นายธวัช กิจประยูร, นายพิทักษ์ ค้าขาย และ นายกระแสร์ พลอยกุ่ม

อาศัยพยานปากเอกคือ นายประเมิน โภชพลัด คนขี่รถสามล้อรับจ้าง ที่อ้างว่าเห็นทั้งหมดแบกร่างเชอรี่แอนออกมาจากอาคารที่ทำงานของนายวินัย

อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวินัย ส่วนลูกน้องโดนส่งขึ้นศาลทั้งหมด

ห้วงนั้น นายวินัย เข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม ให้ช่วยติดตามคดีนี้ ซึ่งกองปราบฯ สอบพบว่า น.ส.เชอรี่แอน ถูกฆาตกรรมโดยคนอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับจำเลยทั้ง 4 คน

แต่สายเกินไป อัยการนำเรื่องขึ้นสู่ศาลแล้ว และตามกฎหมายห้ามตำรวจทำอะไรจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จเสียก่อน

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิตทั้งหมด ก่อนที่ศาลฎีกาจะยกฟ้องเมื่อปี 2538

แต่กว่าจะถึงวันนั้น นายรุ่งเฉลิม ก็ตรอมใจตายในคุก นายพิทักษ์ พ้นโทษออกมาไม่นานก็เสียชีวิตจากโรคที่ติดขณะถูกจองจำ นายกระแสร์ ถูกทำร้ายจนพิการแถมลูกเมียก็เสียชีวิตขณะที่ตัวเองอยู่ในเรือนจำ

มีเพียงนายธวัช ที่อยู่รอดปลอดภัยแต่ก็เสียโอกาสในอนาคตไปเกือบ 10 ปี

หลังมีคำพิพากษาไม่นานตำรวจกองปราบปรามชุด พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม ผบก.ป. รื้อคดีและสามารถจับฆาตกรตัวจริงคือ นายสมพงษ์ หรือจ้าย บุญฤทธิ์ และ นายสมัคร ธูปบูชากร และ น.ส.สุวิบูล พัฒนพงษ์พานิช แฟนอีกคนของนายวินัย ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวาน

เดือนสิงหาคม 2538 ศาลชั้นต้นตัดสินประหาร น.ส.สุวิบูล และนายสมพงษ์ ส่วนนายสมัคร ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

เดือนพฤษภาคม 2542 ศาลฎีกายกฟ้อง น.ส.สุวิบูล ส่วนมือฆ่าเชอรี่แอน ต้องรับโทษตามที่ศาลชั้นต้นตัดสิน

ภาพจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=muforensic&month=08-02-2010&group=10&gblog=19

ตร.เผ่น-พยานเท็จใช้กรรม

พร้อมๆ กับการดำเนินคดีกับกลุ่มฆาตกรตัวจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจชุดจับแพะ ประกอบด้วย พล.ต.ต.กว้าง ชาญศิลป์ ผบก.ทท. (อดีต ผกก.ภ.สมุทรปราการ), พ.ต.อ.วิสาร เปล่งขำ, พ.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร, พ.ต.ท.ประหยัด เงางาม และ พ.ต.อ.มงคล ศรีโพธิ์

จริงแล้วยังมีอีก 1 คนคือ พ.ต.ท.ลำเลิศ ธรรมนิธา อดีตรอง ผกก.ภ.จ.สมุทรปราการ ซึ่งสนิทสนมกับ น.ส.สุวิบูล ถึงขั้นทำกิจการร่วมกัน แต่เสียชีวิตไปก่อนแล้วในขณะที่คดีแพะยังอยู่ในศาล

ผลที่ออกมาพบว่ามีผู้กระทำความผิดเพียง 2 คนคือ พ.ต.อ.มงคล และ พ.ต.ท.ล้ำเลิศ

พ.ต.อ.มงคล ถูกไล่ออกจากราชการ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเนื่องจากช่วงที่ถูกตัดสินนั้นเกษียณอายุไปแล้ว จากนั้นก็เดินทางไปปักหลักที่สหรัฐอเมริกา

ส่วนนายตำรวจคนอื่นๆ ไม่มีความผิด และส่วนใหญ่ยังรับราชการเจริญก้าวหน้าในอาชีพอยู่ในขณะนี้

ตัวละครสำคัญอีกคนคือนายประเมิน พยานเอกที่ตำรวจใช้เล่นงานแพะทั้ง 4 คน ถูกจับกุมและสารภาพว่าให้การเท็จปรักปรำแพะเนื่องจากได้รับเงินค่าจ้างจากพนักงานสอบสวนจำนวน 20,000 บาท และสังกะสีมุงหลังคาอีก 50 แผ่น ถูกตัดสินใจำคุก 8 ปีข้อหาให้การเท็จ

ห้วงเวลาเดียวกันนี้เองแพะที่เหลืออีก 2 คนคือนายกระแสร์ และนายธวัช ร่วมกับทายาท-ภรรยาของนายรุ่งเฉลิม และนายพิทักษ์ ตัดสินใจร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนคดีนี้ทั้งหมด ในข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 54 ล้านบาท

จากปี 2538 ที่มีการฟ้องร้อง ศาลแพ่งพิจารณาคดีนี้นานกว่า 6 ปี ก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมาเมื่อปลายเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

น่าเสียดายที่แพะอีกคนคือนายธวัช เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้คดีแพ่งนี้

นางช่อทิพย์ พลอยกลุ่ม คู่ชีวิตคนที่ 2 ของนายกระแสร์ พลอยกลุ่ม แพะรับบาปคดีเชอรี่แอน คนสุดท้าย ซึ่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 55 (ภาพจากสกู๊ป 'ปิดตำนานแพะคดีเชอรี่ แอน คนสุดท้าย' ของ สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งได้รับรางวัลสื่อเพื่อสิทธิมนุษยชน)
นางช่อทิพย์ พลอยกลุ่ม คู่ชีวิตคนที่ 2 ของนายกระแสร์ พลอยกลุ่ม แพะรับบาปคดีเชอรี่แอน คนสุดท้าย ซึ่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 55 (ภาพจากสกู๊ป ‘ปิดตำนานแพะคดีเชอรี่ แอน คนสุดท้าย’ ของ สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งได้รับรางวัลสื่อเพื่อสิทธิมนุษยชน)

ศาลแพ่งสั่งจ่าย 26 ล้านบาท

วันที่ 25 กันยายน 2546 เป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันของคดีนี้ เมื่อศาลแพ่งขึ้นอ่านคำพิพากษา คดีที่ นายกระแสร์ พลอยกุ่ม กับพวกรวม 7 คน ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1 และพนักงานสอบสวนชุดจับแพะอีก 5 นายเป็นจำเลยที่ 2-6 ประกอบด้วย พล.ต.ต.กว้าง ชาญศิลป์ ผบก.ทท. (อดีต ผกก.ภ.สมุทรปราการ), พ.ต.อ.วิสาร เปล่งขำ, พ.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร, พ.ต.ท.ประหยัด เงางาม และ พ.ต.อ.มงคล ศรีโพธิ์ ฐานละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 54,575,200 บาท

ผู้พิพากษาสรุปคดีที่เกิดขึ้นก่อนระบุว่า โจทก์ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเป็นเวลาหลายปี ได้รับความทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้ นายรุ่งเฉลิม หรือเฮาดี้ กนกชวาลชัย ได้ป่วยจนเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำ ส่วนนายพิทักษ์ ก็ป่วยและเสียชีวิตหลังจากปล่อยตัว

คำพิพากษายังพาดพิงถึง พ.ต.อ.มงคล ว่าใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว และเคยให้ความช่วยเหลือกันมาก่อนดำเนินการให้นายประเมินมาเป็นพยาน โดยให้ดูรูปถ่ายของจำเลยและสถานที่เกิดเหตุก่อนชี้ตัวคนร้าย

“ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาจำคุกนายประเมิน 8 ปี ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 6 (พ.ต.อ.มงคล) สร้างพยานเท็จโดยเสี้ยมสอนนายประเมินให้การปรักปรำเบี่ยงเบนประเด็นชู้สาวจาก น.ส.สุวิบูล มาเป็นนายวินัยกับโจทก์”

คำพิพากษาระบุว่าจำเลยที่ 6 ต้องรับผิดชอบชดใช้ ฐานกระทำละเมิดให้โจทก์ที่ 1-7 ส่วนจำเลยที่ 2-5 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่ทำให้เห็นได้ว่าสมคบหรือมีส่วนรู้เห็นในการกระทำโดยมิชอบของจำเลยที่ 6

ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น แต่ไม่เสียสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 6 ได้

ก่อนพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาญแก่โจทก์รวมทั้งหมด 26,038,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง

maxresdefault

“สันต์” กร้าวยื่นอุทธรณ์

หลังมีคำพิพากษาออกมา บรรดาแพะและญาติอ้อนวอนทั้งอัยการ และ ตร.แห่งชาติ ว่าอย่าอุทธรณ์คดีนี้เลย เนื่องจากต่อสู้มานานแล้ว และตอนนี้ครอบครัวก็ลำบากมาก ที่ต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อขึ้นศาล

ฝ่ายอัยการชี้ว่าจะนำคำพิพากษาเสนอ ตร.แห่งชาติ ว่าจะให้อุทธรณ์หรือไม่ ส่วนอัยการก็จะเสนอความเห็นเช่นกัน หาก ตร.แห่งชาติ ต้องการอุทธรณ์ แต่อัยการเห็นว่าไม่ควรอุทธรณ์ก็ต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดชี้ขาด

การอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์นี้ กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาเพราะส่วนใหญ่เห็นว่า น่าจะชดเชยให้กับผู้บริสุทธิ์ ที่ติดคุกฟรีจนเสียชีวิตไปถึง 3 คน และพิการไปอีก 1 คน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับเสียหายทั้ง 7 คน กับเงิน 26 ล้านบาท และชีวิตที่สูญเสียไป 10 ปี ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร

“ไม่ทราบเรื่องราวเดิมว่าตำรวจได้ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างไร แต่ความเสียหายทางแพ่งคงต้องมีการชดใช้แน่นอน และผมไม่อยากให้มีการอุทธรณ์” !!!

และแทบจะทันทีที่นายกฯ ออกมาแสดงความคิดเห็น พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ก็สวนหมัดโครมว่าตำรวจจะอุทธรณ์คำสั่งศาล เพราะถือว่าปฏิบัติหน้าที่ไปโดยชอบ

ส่วนเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่าควรจะชดใช้และไม่ต้องอุทธรณ์นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่าใครก็มาออกคำสั่งไม่ได้ เพราะกองคดี กับอัยการจะเป็นผู้พิจารณา

“ผมเองเป็นผู้บังคับบัญชาต้องทำตามระเบียบกฎหมาย ท่านนายกฯ ก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีความรู้สึกเช่นนั้นก็คงสั่งไปก่อนไม่ได้ ต้องรอให้ฝ่ายผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอมาก่อน”

AFP PHOTO / PORNCHAI KITTIWONGSAKUL
AFP PHOTO / PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

“ทักษิณ” ทุบโต๊ะ-จ่ายเงินไถ่บาป

การออกมาแสดงความเห็นแบบไม่กลัวน้ำร้อนของ พล.ต.อ.สันต์ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงอาการไม่พอใจ ถึงขั้นปรึกษากับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และพบว่านายกฯ สามารถสั่งการในเรื่องดังกล่าวได้

ตำรวจยิ่งเป๋มากขึ้นเมื่ออัยการเรียกประชุมคณะทำงาน ก่อนสรุปผลว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ เพราะเห็นว่าศาลให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายแล้ว และโจทก์เองก็ได้ค่าชดเชยเพียงครึ่งเดียวของจำนวนเงินที่เรียกร้องไป

หากตำรวจยืนยันจะอุทธรณ์ แต่อัยการไม่อุทธรณ์ ต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ซึ่งตำรวจเองทราบดีว่าไม่เป็นผลดีกลับตัวเองแน่

ยิ่งกระแสสังคมไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากคดีนี้ชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่าพนักงานสอบสวนบางคน วางแผนสร้างพยานเท็จป้ายสีผู้บริสุทธิ์ เพื่อไม่ให้พวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับการสังหาร น.ส.เชอรี่แอน เดือดร้อน ถือว่าผิดเต็มประตู

มาถึงขั้นนี้ตำรวจแห่งชาติ ส่ง พล.ต.ต.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ตร.แห่งชาติ ออกหน้ายืนยันว่าจะไม่อุทธรณ์เรื่องนี้เพื่อสนองนโยบาย

ส่วนการไล่เบี้ยเอากับ พ.ต.อ.มงคล หนึ่งในตัวการจับแพะยัดคุก ที่เผ่นไปอยู่อเมริกานั้น มีบัญชาให้ตามตัวมาดำเนินคดีและไล่เบี้ยเงินที่จ่ายให้แพะทั้งหมด !!!

แต่เพื่อความชัวร์ว่าแพะจะได้รับเงินจาก ตร.แห่งชาติแน่ ครม. มีมติซ้ำออกมาอีกว่าให้ ตร.แห่งชาติ จ่ายเงินให้กับแพะและครอบครัวทั้งหมดทันที โดยไม่ต้องยื่นอุทธรณ์

ถือว่าเหยื่ออยุติธรรมได้รับการชดเชยและช่วยเหลือในระดับที่น่าพอใจ

แต่ถ้าจะเป็นการไถ่โทษ และคืนความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ต้องจัดการผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้หมด เพราะพวกนี้จะว่าไปแล้วเลวร้ายยิ่งกว่าฆาตกร

เพราะใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ เหมือนฆ่าคนทั้งเป็นอย่างเลือดเย็นยิ่ง !??