เชิงบันไดทำเนียบ : มนตรา ‘สี่เสาฯ’ มนต์ขลัง ‘พรจากป๋า’ มนต์สะกด คสช.

เมื่อประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์เปิดคราใด ย่อมมี ‘สัญญาณการเมือง’ มาทุกยุคทุกสมัย หรือแม้แต่การ ‘ปิดบ้านสี่เสาฯ’ ก็มีนัยยะซ่อนอยู่เสมอ โดย ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปธ.องคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเปิดบ้านสี่เสาฯ ปีละ 3 ครั้ง วันปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันเกิด เพื่อให้ นายกฯ นำ ครม.บางส่วน และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรและขอพรในช่วง 3 วันสำคัญนี้ ในยุค คสช. ก็เช่นกันที่ ‘ป๋าเปรม’ เปิดบ้านให้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ได้นำ รัฐมนตรีทหาร ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรและขอพรอยู่เสมอ ซึ่งก็มีทั้ง ‘คำชม’ และ ‘แรงสะกิด’ ที่ พล.อ.เปรม ส่งสารไปยัง คสช. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

เริ่มจากการเปิดบ้านสี่เสาฯ ครั้งแรกหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22พ.ค.57 ได้เพียง 6 เดือน ‘ป๋าเปรม’ ได้เปิดบ้านสี่เสาฯให้ ‘บิ๊กตู่’ เข้าอวยพรวันปีใหม่ ช่วง ธ.ค.57 โดยกล่าวยกย่องว่าการทำรัฐประหารนั้นเป็น ‘การกระทำที่ยิ่งใหญ่’ และ ‘ภูมิใจ’ กับการกระทำของ นายกฯ แม้จะเป็น ‘ความเสี่ยงที่สำคัญ – ความจำเป็น’ พร้อมย้ำว่า ‘ถอยไม่ได้’ อีกแล้ว
.
อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า ‘นายกฯลุงตู่’ ที่ถูกนำมาใช้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้ภาพนายทหารเข้มขรึม ‘บิ๊กตู่’ มาเป็น ‘ลุงตู่’ ที่ดูเข้าถึงง่ายกว่าเดิม จนถูกนำมาใช้ในการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ที่ชูชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น แคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงก้าวกระโดดและเป็นภาพการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ‘ช่วงเปลี่ยนผ่าน’ ที่รวดเร็ว
.
“วันนั้นเป็นวันที่แสดงให้เห็นว่า ทหาร กองทัพ เมื่อถึงคราวที่จำเป็น เราต้องออกไปดูแลชาติบ้านเมือง พวกเราควรภูมิใจที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น ในวันที่ 22 พ.ค.เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง แสดงความจงรักภักดีที่ยิ่งใหญ่มาก ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คงเห็นด้วย และภูมิใจในการกระทำของนายกฯ” พล.อ.เปรม กล่าว 29ธ.ค.57

“สิ่งที่อยากจะบอกกับนายกฯลุงตู่ว่า โอกาสนี้เป็นโอกาสเสี่ยงที่สุด สำคัญที่สุด ที่เราจะแสดงให้เห็นว่า เมื่อใดบ้านเมืองมีวิกฤติ เมื่อนั้นทหารจะเข้าไปดูแลชาติบ้านเมือง แล้วเราจะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้” พล.อ.เปรม กล่าว 29ธ.ค.57
.
“เมื่อเราออกมาแล้ว เราคงจะถอยไม่ได้ จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างกล้าหาญอย่างสุภาพบุรุษ อย่างคนที่มีความเป็นไทอยู่ในสายเลือด เพื่อลูกหลานของเรา เป็นโอกาสดีที่แสดงให้เห็นว่า ไม่มีวันทอดทิ้งพี่น้องของเราให้ตกยากลำบากได้ ผมรู้ว่าทุกคนเหนื่อย แต่ก็เหนื่อยเพื่อชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อคนไทยทุกคน คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหายเหนื่อย ให้มีกำลังใจจะต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า” พล.อ.เปรม กล่าว ธ.ค.57

แต่เป็นธรรมชาติ เมื่ออยู่มานานก็ย่อมเห็นอะไรมากขึ้น ในทางการเมืองก็เปรียบเป็น ‘มีแผล’ มากขึ้น อีกทั้งยังเป็น ‘แผลเป็น’ ด้วย ทำให้เรตติ้งของ คสช. และ ‘บิ๊กตู่’ ลดลง หลังอยู่ในอำนาจมา 3 ปี โดยช่วงปลายปี60 ‘ป๋าเปรม’ ได้เปิดบ้านสี่เสาฯ อีกครั้ง พร้อมส่งสัญญาณสำคัญ ‘สะกิดเตือน’ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง ‘กองหนุน’ ที่ใช้ไปจำนวนมากและลดน้อยลง ให้เร่งสร้างกองหนุนเพิ่ม
.
ต่อมาปี61-62 ภาพการเมืองก็ฉายให้เห็นชัดขึ้น ถึงความนิยมต่อ คสช. ที่ลดลงอย่างมาก อีกทั้งเป็นจุดเริ่มของการปูทางตั้ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ช่วงต้นปี61 เป็นสิ่งที่ชัดเจนแล้วว่า งานนี้ ‘บิ๊กตู่’ ลุยต่อแน่นอน แม้พรรคจะยังไม่เป็นรูปร่างในเวลานั้นก็ตาม แต่ก็ถูกมองไปแล้วว่าเป็น ‘พรรคทหาร-คสช.’
.
“ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าเราแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนก็จะมาเอง ขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้ พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่” พล.อ.เปรม กล่าว 28ธ.ค.60

อีกคำเตือนที่ ‘ป๋าเปรม’ ทิ้งท้ายปี61 หลังท่าทีของ ‘บิ๊กตู่’ อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะลง ‘แคนดิเดทนายกฯ’ พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ? แม้จะมีคำตอบสุดท้ายในใจอยู่แล้วก็ตามว่า ‘ยินยอม’ แต่ก็ทอดระยะเวลามาจนถึง 8ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายใรการยื่นเสนอชื่อกับ กกต. มาพร้อมเหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ เป็นอีก ‘ประวัติศาสตร์การเมือง’ ที่ต้องจารึกไว้ รวมทั้งท่า ‘เก๊กหล่อ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกตีความหมายไปต่างๆนาๆ ท่ามกลาง ‘อาฟเตอร์ช็อก’ ทางการเมืองตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
.
แต่คำเตือนของ ‘ป๋าเปรม’ ที่ทิ้งทายปี 61 ก็คือให้ ‘มองคนเห็นต่างอย่างเป็นมิตร’ พร้อมแนะให้ดูตัวอย่างจากป๋าที่เคยใช้มาแล้วได้ผล ช่วงที่ ‘ป๋าเปรม’ เป็น นายกฯ ยุคปี2520 ก็มาด้วยการเป็น ‘นายกฯคนนอก’ ที่ถูกเชิญมาเป็น ซึ่งคล้ายกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดทนายกฯ ตามที่ รธน.60 เปิดช่องไว้
.
“ขอให้นายกฯ เห็นว่าฝ่ายค้านเห็นต่าง ก็เห็นต่างอย่างนี้มิตร แต่อย่าเห็นต่างเป็นศัตรูกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์ ขอให้คิดว่าความเห็นต่างต้องมี แต่มีอย่างมิตร ขอให้นายกฯช่วยทำตรงนี้ อย่าเห็นต่างกับฝ่ายค้าน ซึ่งก็โอเค ทั้งนี้ต้องเห็นต่างอยู่แล้ว แต่ต้องเห็นต่างอย่างมิตร ผมอยากให้นายกฯทำตัวอย่างว่า ผมเห็นต่างกับคุณ แต่ผมก็เป็นเพื่อนกับคุณ ก็จะทำเหตุการณ์ต่างๆไปได้ราบรื่น ขอฝากนายกฯไว้อาจจะต้องจำไปใช้ตามที่ผมพูดไว้ก็ได้ เพราะผมเคยใช้มาแล้ว” พล.อ.เปรม กล่าว 27ธ.ค.61

ล่าสุด ‘ป๋าเปรม’ ได้เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้ ‘บิ๊กตู่’ เข้ารดน้ำขอพรวันสงกรานต์ ครั้งนี้ พล.อ.เปรมออกมายืดอกเลยว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่โกง แม้จะมีทิ้งท้ายว่าถ้าพบว่ามีให้ นายกฯ ไปจัดการ แต่ก็ ‘สัญญาณบวก’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง เพราะเป็นการออกมา ‘รับประกัน’ โดย พล.อ.เปรม ท่ามกลางช่วงการจับขั้ว ‘ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลใหม่’ ที่จะเกิดขึ้นช่วงหลัง 9พ.ค.นี้ โดยอยู่ในช่วง ‘การงัดข้อ’ ระหว่าง ‘ขั้วเพื่อไทย- พลังประชารัฐ’ และอยู่ระหว่างที่ กกต. กำลังพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆด้วย โดยการออกมาชื่นชมของ ‘ป๋าเปรม’ ก็เป็นการสร้าง ‘ความเชื่อมั่น’ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไปด้วย
.
“เราพูดได้เต็มปากว่า นายกฯไม่โกงเพราะว่า คนที่เห็นแก่ส่วนรวมจริงๆ คนที่จะซื่อสัตย์สุจริต ต้องเป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล ทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง ฉะนั้นที่พูดเสมอว่ารัฐบาลนี้เก่งไม่เก่งก็ดูเอาเองก็แล้วกัน รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่โกง ถ้าผมพูดผิด นายกฯก็ต้องไปจัดการ” พล.อ.เปรม กล่าว 10เม.ย.62

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปลื้มใจ กราบตัก ‘ป๋าเปรม’ สำหรับ ‘พรจากป๋า’ ที่ได้ให้มา และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้vk0เป็นการส่งท้ายของ ‘รัฐบาล คสช.’ ที่เข้าบ้านสี่เสาฯ ก่อนเป็น ‘รัฐบาลใหม่’ ตามโรดแมปช่วงปลาย พ.ค.นี้ จะเห็นได้ว่า ‘พรจากป๋า’ 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนสภาวะการเมืองแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี และทำให้เห็น ‘ทิศทางลม’ ในอนาคตได้เช่นกัน แต่ในสภาวะการเมืองที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ จึงมีแนวคิด ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ออกมา แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเบรกไปแล้วก็ตามว่า ยังคงเป็นไปไม่ได้ตาม รธน. และกฎหมายเลือกตั้ง ที่ยังมีขั้นตอนอื่นๆอีก
.
อีกทั้งเริ่มมีการมองหาชื่อ ‘นายกฯสำรอง’ ออกมาด้วย หากเกิด ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ขึ้นมาในอนาคต