เข้าโค้งสุดท้ายอีกเพียง 1 สัปดาห์ ก็จะเลือกตั้งแล้ว และได้เห็นทิศทางประเทศต่อจากนี้ การจับขั้วพรรคต่างๆกับการฟอร์มทีม ‘รัฐบาลชุดใหม่’ ขึ้นมา ท่ามกลางกระแสตัวแปรต่างๆ โดยเฉพาะ 2 พรรคที่มีผลต่อการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมา ‘ต่อรอง-สร้างเงื่อนไข’ แล้ว
.
โดย ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’หน.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุชัดไม่หนุน ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อ โดยชี้ว่าการ ‘สืบทอดอำนาจ’ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และขัดอุดมการณ์พรรคที่ประชาชนเป็นใหญ่ แต่กลับไม่แสดงจุดยืนชัดว่าจะร่วมกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ หรือไม่ ได้แต่แทงกั๊กต่อไป เพื่อ ‘ต่อรองราคา’ ทางการเมือง

แต่สุดท้าย อาจเข้าสำนวนที่ว่า ‘คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน’ เพราะฟาก ‘เพื่อไทย’ ก็ย้ำชัดแล้วว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับ ‘ประชาธิปัตย์’ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายใดๆ
.
ฟากฝั่งพรรคภูมิใจไทย ที่รอบนี้มาแรง ก็ออกมา ‘สร้างมูลค่าเพิ่ม’ ทางการเมือง โดย ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล หน.พรรค ออกมาแสดงจุดยืยการจะร่วมกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ได้นั้น จะต้องมาจากการรวมเสียง ส.ส. ให้ได้เกิน 251 คน และย้ำว่า ส.ว.สรรหา 250 คน จะมาเดินนำ ส.ส. 500 คนไม่ได้

ดังนั้นการออกมาของ ‘ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย’ เปรียบเหมือนกับเสีย ‘ความหล่อ’ ได้ แต่เสียความ ‘เท่’ ไม่ได้ จึงเป็น ‘ข้อต่อรอง-เงื่อนไข’ ที่ทำให้เห็นหน้าตา ‘รัฐบาลใหม่’ ในอนาคตบ้าง ปัจจัยทุกอย่างอยู่ที่ ‘ผลเลือกตั้ง’ จะออกมาเป็นอย่างไร ? เพราะ ‘คะแนนเสียง’ คือ ‘แต้มต่อรอง’ ทางการเมืองในการจัดเก้าอี้ใน ครม.หน้าด้วย
.
งานนี้ ‘ลุงกำนัน’สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย เดือดไม่น้อย หลัง ‘อภิสิทธิ์’ ออกมาประกาศไม่หนุน ‘บิ๊กตู่’ ถึงกับออกมา ‘ฟื้นความจำ’ สมัยเดินสายคุย จนได้เป็น นายกฯ อย่างดุเดือด ต้องมาดูกันว่า ‘แรงสวิง’ นี้ จะกลับไปเป็นแต้มให้พรรคลุงกำนันหรือไม่

แต่ก็มีการมองกันว่า ‘อภิสิทธิ์’ เอง ก็เล็งเห็นคะแนน ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ที่จะดึงเสียงมายัง ‘ประชาธิปัตย์’ ด้วย ต้องมาดูว่าจะใช้ได้ผลไหม เพราะต่างก็จับทางนี้ได้
.
ที่ต้องจับตาคือการแข่งขันกันระหว่าง ‘ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ’ ที่เข้มข้น ใครจะได้คะแนนนำ เพราะหมายถึง ‘แต้มต่อ’ ในการดัน ‘บิ๊กตู่-อภิสิทธิ์’ เป็น นายกฯ คนต่อไป
.
หากเกิด ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ขึ้น ในกรณีที่ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ได้ไปต่อ จะทำอย่างไร แน่นอนว่างานนี้มี ‘แผนสำรอง’ เตรียมไว้แล้ว แต่ก็อย่าได้ประมาทพลัง ‘นายกฯส้มหล่น’ ด้วย เพราะเคยมีให้เห็นกันมาแล้ว รวมทั้งกระแสการมี ‘นายกฯทันใจ-ครม.ผ่าทางตัน’ ที่ยากจะปฏิเสธ ขึ้นมาด้วย เพื่อ ‘ปลดล็อค-เซตซีโร่’ ทางการเมือง ในช่วงเวลาหนึ่งด้วย
.
แต่ละพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายพยายามงัด ‘นโยบาย’ ออกมาสู้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ที่ออกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนต่างๆ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่มีตัวเลขสูงกว่าหลายพรรค ย่อมมีคนได้-เสียจากนโยบาย โดยเฉพาะเสียงจากภาคธุรกิจและสังคม ที่มองว่าประชานิยมมากเกินไปหรือไม่ด้วย
.
จึงมีการมองว่าการที่ ‘บิ๊กตู่’ ออกสารจากนายกฯ ติงพรรคหาเสียง ชูนโยบายสวัสดิการ ข้ึนค่าแรง อาจกระทบภาคประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน ภาครัฐ เพื่อ ‘ส่งสัญญาณ’ ไปยังภาคเอกชนและสังคม ในการ ‘ถ่วงน้ำหนัก’ ที่เกิดขึ้นด้วย ในเรื่องวินัยการเงินการคลัง และไม่กระทบต่อการลงทุน ฐานการผลิต

อีกทั้งการตั้ง ‘เวทีเงา’ ของ ‘บิ๊กตู่’ ที่ลงพื้นที่พบประชาชนในจังหวัดต่างๆ เป็นที่สังเกตุว่าเป็นการลงพื้นที่ หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐไปตั้งเวทีปราศรัยก่อนหน้าไม่กี่วัน ทั้งที่ จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น จ.เชียงราย และ จ.นครศรีธรรมราช
.
สำหรับ ‘ผลโพล’ ต่างๆที่ผ่านมา ก็ต้องชั้งน้ำหนักให้ดี เพราะทหารก็มีการทำโพลมานานแล้วเช่นกัน หรือที่เรียกว่า ‘โพลทหาร’ เพราะอาจเป็น ‘โพลเอาใจนาย’ หรือโพลพรรคต่างๆ อาจเป็น ‘โพลปลุกฐานเสียง’ ก็ได้ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้อง ‘วัดหน้างาน’ และท่ามกลางสถานการณ์พลิกและเซอร์ไพรส์ได้เสมอ
.
คุยกันให้รู้เรื่อง ดีลกันให้ลงล็อก !!