E-DUANG : กระบวนท่า “รุก” สู่ “ผู้ต้องหา” ในวัดธรรมกาย

ยิ่งกรณี “วัดธรรมกาย” กลายเป็นประเด็น และแสงแห่งสปอตไลต์ฉายจับอย่างเกาะติดมากเพียงใด

ยิ่งมากด้วยความสลับซับซ้อน
เป็นความสลับซับซ้อนในการกำหนด”กลยุทธ์”จากทางด้านของ “วัดธรรมกาย”
เหมือนกับเป็น “การตั้งรับ”
ตั้งรับจากการรุกของ “ดีเอสไอ” ตั้งรับจากการรุกของ”ตำรวจ”
แต่ภายใน “รับ” ก็ดำเนินไปอย่าง “รุก”
ระหว่าง “ธัมมชโย” กับ “วัด” และกับ “คณะศิษยานุศิษย์” ต่างก็เคลื่อนไหว
เหมือน “ไม่” สัมพันธ์ แต่ก็ “สัมพันธ์”
ขณะเดียวกัน ทางด้าน “ดีเอสไอ” และ “ตำรวจ” ก็มิได้ขับเคลื่อนอย่างทื่อๆ ตรงๆ
หากแต่แพรวพราวด้วย “แผน” มากด้วย “กลยุทธ์”

ท่วงทำนองที่ควรให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษ คือ ท่วงทำนองอันดำเนินไปอย่าง “ยืดหยุ่น”

เหมือนกับจะ “ยอม” แต่แท้จริง “ไม่ยอม”
การหารือที่สภ.คลองหลวงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน คือการรุกขั้นต้น
เป็นการใช้วิธีการ “การทูต”
อาศัยความนุ่มนวลในทาง “การเมือง” ก่อนที่จะใช้ความรุนแรงทาง “การทหาร”
เหมือนกับเป็นการ “เปิดกว้าง” ให้หนทางให้ “โอกาส”
ขณะเดียวกัน หากทาง “วัดธรรมกาย” ยังยืนกระต่ายขาเดียว กระบวนการนี้ย่อมอยู่ในสายตา “ประชาชน”
ลักษณะ “ยืดหยุ่น” ก็ดำเนินไปอย่าง “พลิกแพลง”

รู้ทั้งรู้ว่าทาง “วัดพระธรรมกาย” ไม่ยอมส่งตัวพระธัมมชโยอย่างแน่นอน

“ดีเอสไอ” ก็เล่นบท “อดทน”
ทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ให้ประสานกับ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อเจรจาต่อรอง
เป้าหมาย คือ การเข้าไปใน “วัดพระธรรมกาย”
เป็นการเข้าไปโดยมิได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ของ “พศ.” หากแต่ยังมีคนของ “ดีเอสไอ” เข้าไปด้วย
ต้องการพบ “พระธัมมชโย” โดยตรง
กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่สะท้อนออกถึงกระบวนการในทาง “การทูต” อันทรงความหมาย
หากแต่ยังนำไปสู่การ “พิสูจน์ทราบ”
นั่นก็คือ พระธัมมชโย ยังนอนอาพาธอยู่ภายในวัดพระธรรม กายจริงหรือไม่
นั่นก็คือ พิสูจน์ทราบ “ตำแหน่ง” แหล่งที่อยู่
นั่นก็คือ ความหนักแน่นในการขอ “หมายค้น” เพื่อนำไปสู่การบุกเข้า “รวบตัว” ในที่สุด