นักวิชาการ ชี้ จีนกำลังขยายตัว “เป็นรถด่วนที่หยุดไม่ได้” เร่งสถาปนาตัวเองเป็นผู้นำโลก

การสัมมนาวิชาการประจำปี 2559 ของมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ซึ่งร่วมกับ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มหาวิทยาลัยพะเยา ในช่วงบ่าย หัวข้อ “ASEAN+China : ASEAN and SENO (sud/South,est/East,nord/North,ouesy/West Bounndary” “อาเซียน + จีน : อาเซียน และ เขตแดนทางบก ทะเล และอากาศ” มีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ศ.ดร.ยศ สันตสมบัติ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ / รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / อ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการ โดย อ.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

img_0971

ศ.ดร.ยศ สันตสมบัติ จาก ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองจีนและความสัมพันธ์ของจีนในอาเซียน ว่า อิทธิพลของจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จีนเป็นอะไรที่ย้อนแย้งในตัวเอง แล้วเราจะทำความเข้าใจจีนอย่างไร?

คำตอบก็คือ เราต้อง เข้าใจ “ชาตินิยมจีน” เพราะ จีนเป็นประเทศที่มีปัญหามาก เริ่มตั้งแต่ความเป็นจีนก็มีปัญหาในตัวเอง อย่าง ลูกเจ๊กในไทย จะไม่เรียกตัวเองว่าคนจีน แต่จะเรียกตัวเองว่า ฮกเกี้ยน ไหหลำ แต้จิ๋ว เป็นต้น

ในสมัยปกครองแบบราชวงศ์ จีนก็เจอปัญหา แบบนี้ จนปัจจุบัน อาจเรียกว่าจีนก็ยังปกครองโดยราชวงศ์คอมมิวนิสต์ก็ว่าได้

แล้วทำอย่างไรที่คนจีนจะสามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้ตัวเองได้ ย้อนไปตั้งแต่สมัย เหมา เจ๋อ ตุง ซึ่งใช้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ เป็นหลัก จีนได้นำเสนอตัวเองในสังคมโลกว่า ตัวเองเป็นผู้นำ คอมมิวนิสต์ และได้ให้ความช่วยเหลือทุกประเทศที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ในอาเซียน

แต่หลังสมัย เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นต้นมา เราจะเห็นว่าในทุกวันนี้จีนหันมาสวมกอดทุนนิยม แต่ก็ยังมีกลิ่นไอคอมมิวนิสต์อยู่ หลังยุคเติ้ง จีนกลับมาสู่ยุคชาตินิยมจีน และเขียนประวัติศาสตร์ใหม่หมด เช่น ชี้ให้เห็นว่า เราถูกฝรั่งยึดเป็นอาณาณิคม เราถูกญี่ปุ่นย่ำยี นี่คือฐานการสร้างชาตินิยมจีน ซึ่งแตกต่างจาก ชาตินิยมของฝรั่ง ไทย ญี่ปุ่น เพราะประเทศเหล่านี้จะใช้ความมั่นคงเป็นฐาน แต่จีนสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา เช่น จีนสร้างภาษาใหม่ ให้คนจีนเรียนภาษาของตัวเองใหม่

ศ.ดร.ยศ ชี้ให้เห็นว่า การสร้างอัตลักษณ์ความเป็นจีน ทำให้ชาตินิยมจีนตั้งอยู่บนความมุ่งหมาย3ประการ คือ 1.ทำย่างไรจะสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน 2.ทำอย่างไรจะก้าวข้ามความเสื่อมเสียเกียรติภูมิในอดีตที่ผ่านมา 3.ทำอย่างไรจะนำจีนสู่ความทันสมัย และ ทั้งหมด อยู่บนฐานที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสถาปนาตัวเองเป็นผู้นำโลก

สิ่งที่น่าสนใจ ที่ ศ.ดร.ยศ นำเสนอข้อมูลคือ “จีนโพ้นทะเล” มีความสำคัญต่อการสร้างชาติของจีนมาก เพราะ สามารถสร้างจากเครือข่ายการลงทุนของคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีที่มาจากฮ่องกง ไต้หวัน และอุษาคเนย์ และ ที่จริงแล้ว ปัญหาสังคมของจีนก็มีอยู่มาก แต่เราไม่ค่อยได้ยิน เพราะจีนจะไม่พยายามพูดเรื่องเหล่านี้

ศ.ดร.ยศ กล่าวอีกว่า จีนมีความซับซ้อน เป็นสิ่งที่เรียกว่า “มังกรหลากสี” มีลวดลายและสีสันเชิงนโยบาย ซึ่งแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับบริบท และประโยชน์ที่หลากหลาย ในตอนนี้จุดมุ่งหมาย สำคัญ คือ การก้าวขึ้นไปอยู่ในฐานะคู่เจรจา ของสหรัฐฯ (U.S.-China Co-management)

เราจะเห็นว่า จีนเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ ในประเทศอุษาคเนย์ และพยายามออกไปลงทุนทั่วโลก เพื่อสร้างให้เห็นว่าจีน จะมีพลังงานและปัจจัยที่เพียงพอในการผลิตของโลก

สิ่งที่จีนมักจะใช้ เรียกว่า Soft Power หรือ “อำนาจละมุน” ซึ่งเป็นจุดยืนสำคัญ คือ ไม่ใช้กำลังทหารในการกดขี่ แต่ถ้าไปถามบางประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อาจไม่คิดแบบนั้น

ศ.ดร.ยศ ชี้ให้เห็นอีกว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของชนชั้นในจีน กำลังก่อให้เกิดปรากฏการณ์น่าสนใจอย่างน้อย 2 ประการ

ประการแรก คือ การกำเนิดหน่ออ่อนของประชาธิปไตย และ เรียกร้องการมีส่วนร่วมในทางการเมืองของชนชั้นผู้ประกอบการมากขึ้น มาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมขนาดเล็กและกลาง

ประการที่สอง คือ การหลั่งไหลของชาวจีนโพ้นทะเล ในยุคที่ไม่อาจแข่งขันภายในประเทศ ผนวกกับนโยบาย going put policy เพื่อให้ออกไปลงทุนยังต่างประเทศ โดยรัฐบาลจีนผลักดันและให้เงินสนับสนุน

“จีนเป็น รถด่วนที่คุณหยุดไม่ได้ อาจารย์ดังๆในอเมริกาก็มีคนจีนจำนวนมาก จีนเริ่มเข้าไปคุมเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ เกือบจะทุกด้าน” ศ.ดร.ยศ กล่าว

จีนพยายามสิ่งที่เราเรียกว่า New Silk Road เส้นทางสายไหมใหม่ เพราะ ในอดีตนี่คือจุดคุมสินค้าขนาดใหญ่ของโลก สิ่งที่จีนกำลังจะสร้าง คือ ปรากฏการณ์ทีนำไปสู่สิ่งเหล่านี้ เช่น ท่าเรือ ทางรถไฟ เป็นต้น

การสร้างจุดคุมสินค้า ในระบบเศรษฐกิจ พัฒนากองทัพอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นนโยบายของจีน มีกจะถูกกำหนดโดยสองอย่าง คือ พลังงาน กับ ท่าทีสหรัฐฯ เพราะเมื่อเปลี่ยนผู้นำสหรัฐฯ ก็ต้องมาดูนโยบายใหม่ เพราะหากสหรัฐอเมริกา มีท่าทีกีดกันการค้า เราเองจะถูกผลักให้เป็นเบี้ยล่างจีนมากขึ้น ถ้าทรัมป์มีนโยบายกีดกันการค้า ช่วงนี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมากว่าจีนจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

“จีนกำลังขยายตัวอย่างบ้าเลือด จีนรุ่นใหม่กำลังใช้ประชากรของตัวเองขยายอิทธิพล” ศ.ดร.ยศ กล่าวทิ้งท้าย