เชิงบันไดทำเนียบ : เริ่มที่ไหน จบที่นั่น ! ‘2ป.พยัคฆ์’ ปลดล็อคใหญ่ ‘บิ๊กตู่’ ทุ่มสุดใจ ขอไปต่อ

เวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว หลัง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ได้ประกาศ “ผมสนใจงานการเมือง” พร้อมกับการเปิดตัว ‘พลังประชารัฐ’ ที่มี 4 รัฐมนตรีใน ‘ครม.ประยุทธ์’ ไปปลุกปั้น แน่นอนว่าปลายทางคือการหนุน ‘บิ๊กตู่’ เป็นนายกฯแน่นอน ทั้งในหรือนอกบัญชีที่พรรคการเมืองต้องเสนอชื่อ ‘แคนดิเดทนายกฯ’ กับ กกต. โดยหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฯ ประกาศใช้ภายใน 25 วัน จึงจะมีความชัดเจน จึงต้องดูอีก ‘ช็อต’ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงในบัญชีแคนดิเดทนายกฯเลยหรือไม่ ?
.
“เขามีกำหนดเมื่อไหร่ ให้ทาบทามเมื่อไหร่ ให้เสนอชื่อนายกฯเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละ แล้วผมจะรับหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ดูใจผมก่อน ว่าสิ่งที่เขาจะมาขอตรงกับใจผมหรือเปล่า ตรงกับความคิดผมหรือเปล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
ส่วนใจนายกฯไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ “ไม่มีกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีก็ร้อยไปเลย ไม่มีทีละสิบทีละหน่อย”
.
การตอบลักษณะนี้จึงมองได้ทันทีว่า งานนี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีเผื่อใจและทุ่มสุดใจ เพราะถอยไม่ได้แล้ว และมีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง แม้แต่ ‘รองนายกฯสมคิด’ ยังเคยระบุเลยว่า “ที่สำคัญมาก อย่าวิตกกังวล ผมมีลางสังหรณ์ว่า นายกฯ คนต่อไปหน้าตาจะคล้ายๆคนเดิม” ซึ่งอย่าลืมว่า 3 ใน 4 รัฐมนตรี ที่ไปทำพรรคพลังประชารัฐ ก็ล้วนเป็น ‘รัฐมนตรีสายเศรษฐกิจ’ ทั้งสิ้น
.
ซึ่งต่างเป็น ‘ทีมสมคิด’ ที่ทำงานร่วมกันมานาน ทั้ง ‘อุตตม สาวนายน’รมว.อุตสาหกรรม และ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’รมว.พาณิชย์ ก็ได้ชื่อว่าเป็น ‘มือขวา-มือซ้าย’ ของ ‘รองนายกฯสมคิด’ ถึงกับยก ‘สมคิด’ ว่าเป็น ‘ที่ปรึกษาทางใจ’ ในวันเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐมาแล้ว
.
“รัฐมนตรีทั้ง 4 คนคุยกันเอง เพราะจะมาร่วมลงเรือด้วยกัน ท่านเป็นผู้ใหญ่ เรารู้จักดี แต่การตัดสินใจเป็นการตัดสินใจของเรา นายสมคิดไม่ได้มีส่วนบอกให้มาหรือไม่มา ถ้าจะให้บอกท่านเป็นอะไร อาจจะบอกว่าเป็นที่ปรึกษาทางใจ เท่านั้นเอง” นายอุตตม กล่าว
.
“ส่วนตัวเป็นที่ปรึกษาทางใจของคนจำนวนมาก เพราะมีลูกศิษย์มาก ใครเข้ามาหาก็ให้คำแนะนำ ชี้ช่องทางการดำเนินชีวิต ชี้ช่องดีทั้งนั้น เพราะชี้ช่องทางให้คนเลวไม่เป็น” นายสมคิด กล่าว
.
แม้แต่ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ก็แสดงจุดยืนชัดมาแต่ต้นพร้อมหนุน ‘น้องเลิฟ’ ไปตลอดแน่นอน แต่ยังไม่ชัดในเรื่องอนาคตทางการเมืองของตนเอง ซึ่งได้ตอบ ‘แทงกั๊ก’ ไว้ว่า อยู่ที่ ‘บิ๊กตู่’ จะใช้งานต่อหรือไม่ หรือแม้แต่การเปรยว่า ‘แก่’ และ ‘เหนื่อย’ มากแล้ว
.
ซึ่งบุคคลคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ต่างกล่าวตรงกันว่า “อยากให้นายพัก เพื่อดูแลสุขภาพ” เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะสุขภาพขา และต้องลงพื้นที่ต่างจังหวัดหลายครั้งด้วย
.
โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงงาน เมื่อไปพบแพทย์เพื่อรักษาร่างกาย แต่ไม่นานก็กลับมาโหมทำงานอีกครั้ง จึงมีการมองว่า พล.อ.ประวิตร จะผันตัวเองไปหนุนอยู่ ‘เบื้องหลัง’ ผ่าน ‘คอนเนคชั่น’ ที่มีอยู่แทนหรือไม่ เพื่อจะได้ใช้เวลาดูแลสุขภาพไปด้วย แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้เพราะ พล.อ.ประวิตร ก็เคยยกกรณีสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ขึ้นมาที่เป็น รมว.กลาโหม ครั้งแรก
.
“เราก็อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จะได้ทำงานที่ทำอยู่ให้เสร็จ เพราะพยายามเร่งทำงานทุกอย่าง 4 ปีก็ทำได้มากแล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯต่อ จะได้สานต่องานในอนาคตให้ก้าวเดินไป และถ้าพรรคการเมืองเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์สมควร ก็คงจะเชิญเอง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
“ยังไม่รู้เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา เราอยู่เฉยๆ เหมือนตอนเป็น รมว.กลาโหม ตอนนั้น (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ก็มาเชิญ เราไปเป็นไปร่วมงาน ผมก็ทำงานอย่างเดียว ไม่มีอะไร” พล.อ.ประวิตร ตอบ สื่อถามจะเป็นรัฐมนตรีต่อหรือไม่ ?
.
แต่ก็เชื่อได้ว่า ‘บิ๊กป้อม’ จะไม่ทิ้งน้องแน่นอน ด้วยสายสัมพันธ์ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุเพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง ที่อยู่ด้วยกันมากว่า 40ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก
.
แม้ที่ผ่านมา ‘บิ๊กป้อม’ จะมีเรื่องราวทำให้ ครม.-คสช. เสียเรตติ้งไปบ้าง แต่ก็เป็น ‘พี่ชายที่แสนดี’ ที่กรำศึกการเมืองร่วมกับนายกฯ และหลายครั้งก็ยอม ‘เจ็บตัว’ แทน เพื่อตอบคำถามต่างๆแทนนายกฯเอง และช่วยเป็น ‘เป้าทางการเมือง’ อีกเป้าคู่กับนายกฯ
.
รวมทั้งในหลายนโยบาย พล.อ.ประวิตร ก็นำแก้ปัญหาจนสำเร็จ และคุมกองทัพ-ตร. ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ที่ พล.อ.ประวิตร สามารถคุมได้และไม่มีแตกแถว ดังนั้นจึงทำให้ พล.อ.ประวิตร เป็นอีกรัฐมนตรีเก้าอี้เหนียว แม้มีกระแสข่าว ‘หลุดครม.’ มาตลอด 2 ปีหลังมานี้
.
“ผมจบมา ท่านสอนผมให้เป็นคนดี จนถึงวันนี้ ถ้าท่านไม่ดี เลิกคบนานแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อหน้า พล.อ.ประวิตร เมื่อ พ.ย.60
.
อีกศึกทางการเมืองที่ทั้ง ‘บิ๊กป้อม – บิ๊กตู่’ ต้องกรำศึกคือ 7ธ.ค.นี้ ที่สโมสร ทบ. วิภาวดีฯ ซึ่งเมื่อ4ปีก่อนถือเป็นจุดเริ่มต้น รัฐประหาร 22พ.ค.57 หลังการพูดคุย 7 ฝ่ายในขณะนั้น ไร้ข้อยุติ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวโต๊ะ ผบ.ทบ. ประกาศ ‘ยึดอำนาจ’ แล้วขึ้นเป็น นายกฯ และ หัวหน้า คสช. ยาว 4 ปี
.
โดยในครั้งนี้ จะเชิญพรรคต่างๆมาพูดคุย เพื่อนำไปสู่การ ‘ปลดล็อคพรรค’ ในช่วงปลายธ.ค.นี้ หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะต้องมีการมาพูดคุยถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ เพราะจะต้องมีการยกเลิกคำสั่งคสช.ที่มีผลต่อการหาเสียงและการชุมนุมทางการเมืองด้วย เพื่อให้ช่วงหาเสียงไปจนถึงการมีรัฐบาลใหม่ เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
.
ช่วงโค้งสุดท้าย หรือ เคาท์ดาวน์ คสช. ลงจากอำนาจจึงเป็นช่วงที่ ‘แหลมคม’ ที่สุด ยังไม่นับรวมท่าทีของ ‘บิ๊กตู่’ ที่ ‘ไม่ลงหลังเสือ’ด้วย และจะประคับประคองสถานการณ์อย่างไร ดังนั้นการ ‘ปลดล็อคใหญ่’ ที่จะมาถึงจะมี ‘เงื่อนไข’ หรือไม่อย่างไร ? จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาไม่น้อย ซึ่งพรรคขั้วตรงข้าม คสช. ก็แสดงท่าทีที่จะไม่มีร่วมเวทีนี้ด้วยซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าการหาเสียง 60-70 วัน ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะยิ่งนานจะยิ่งยุ่งได้
.
เรียกว่า ‘เริ่มที่ไหน จบที่นั่น’ จริงๆ !!
00000