เชิงบันไดทำเนียบ : ‘บิ๊กป้อม’ คนรวยเพื่อน ‘กฐินบารมี’ – เจาะ ‘อีสาน’ แต้มกลับ ‘พรรคเรา’ ?

ช่วงฤดูทอดกฐิน งานนี้ ‘พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์’ อย่าง ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ก็เดินสายทอดกฐินสามัคคี เพราะเคยสร้างสถิติสุดยอดเงินปัจจัยตอนปี 2557 กว่า 82 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนสร้างพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ที่ วัดโฆสมังคลาราม อ.ปลาปาก จ.นครพนม
.
ต่อมาในปี 2560 ขณะเริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ได้มาทอดถวาย ได้ยอดรวม 62 ล้านบาท และเมื่อ พ.ค.61 มาเดินทางมายกยอดฉัตรและทอดกฐินได้ปัจจัยเพิ่ม 23 ล้านบาท และล่าสุด 3พ.ย.61 ได้ยอดกฐินสามัคคีอีก 32 ล้านบาท รวมทั้งหมด 199 ล้านบาทเลยทีเดียว

ซึ่งเงินรวมยอดปัจจัยทำบุญ ว่ากันว่าก็สะท้อน ‘บารมี’ ของ พล.อ.ประวิตร ในแต่ละช่วง โดยเฉพาะเมื่อปี 2557 หลังการรัฐประหาร 22พ.ค.2557 ที่ คสช. มีอำนาจเฟื่องฟู และ ‘บิ๊กป้อม’ ก็ถือเป็น ‘พี่ใหญ่’ ในรัฐบาลและคสช. เพราะเป็น พี่ใหญ่ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ที่มี ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.
.
แม้ยอดกฐินจะลดลงเหลือ 62 ล้านบาท ในปี2560 และปี2561 ที่จัดทอดกฐิน 2 ครั้ง ก็ได้รวม 55 ล้านบาท โดยตัวเลขก็ไม่ได้แตกต่างจากปี2560 มากนัก แต่ก็สะท้อนกับ ‘บารมี’ ของ พล.อ.ประวิตร ที่ถูกกระทบไม่น้อย เพราะช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น ได้แผลทางการเมืองไปจำนวนมาก เช่น ทริปบินฮาวาย ไปประชุมรมว.กลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ และปมนาฬิกาหรูยืมเพื่อน และการให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้ง เป็นต้น อีกทั้งมีกระแสกดดันถึงขั้นให้ ‘ลาออก’ จากตำแหน่งรองนายกฯและรมว.กลาโหม แสดงสปิริทช่วงปม ‘นาฬิกายืมเพื่อน’ มาแล้ว แต่เรื่องเงินทำบุญก็ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น ‘คนรวยเพื่อน’ และ ‘คนเพื่อนรวย’

“คนเขามาร่วมบริจาค 30 ล้าน เพื่อให้ช่วยทำเจดีย์ให้เสร็จ เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรเลย ก็มาทำบุญด้วยกัน เป็นเพื่อนๆ ไม่ใช่ทหาร รู้จักกันตั้งแต่เด็ก” พล.อ.ประวิตร แจง
.
พร้อมเสียงแข็งยืนยันยัน เงินที่บริจาคไม่ใช่ของตนทั้ง 32 ล้าน หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเงินของพล.อ.ประวิตรทั้งหมดหรือไม่ ?
.
“เฮ้ยไม่ใช่ ฉันให้เงินลงทุนแค่ 3,000 บาท ทำมาหลายปี เพราะสร้างตั้งหลายร้อยล้านบาท แล้วแต่คนจะให้ บริสุทธิ์ ยุติธรรม สะอาด โปร่งใส ตรวจสอบได้ ฉันไม่มีตังค์ 30 กว่าล้านมาให้แบบนี้หรอก” พล.อ.ประวิตร ย้ำ

ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมในพื้นที่อื่นๆที่ พล.อ.ประวิตร ไปด้วยตนเองหรือส่งผู้แทนไป รวมทั้งน้องรักไปเดินสายทอดกฐินในช่วงนี้ เช่น มอบ ‘บิ๊กอ๊อด’พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ หัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม เพื่อนตท.6 ที่อยู่ใน ‘กลุ่มเพื่อนป้อม’ มาเป็นผู้แทน ปธ.ทอดกฐินสามัคคี วัดจุมพล อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น และ ‘บิ๊กอ้อม’พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน รอง ผบ.สูงสุด น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ปธ.พิธีทอดกฐินสามัคคี ที่ วัดป่าธรรมรังษี ต.บุญนาคพัฒนา อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นต้น
.
แต่ดูแล้ว ‘บิ๊กป้อม’ ให้ความสำคัญกับภาคอีสานไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาลงพื้นที่ไปแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ศรีสะเกษ เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ จึงเกิดคำถามว่า ทำไมไปแต่ภาคอีสาน ?
.
โดย ‘เสธ.ต้อง’พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า พื้นที่ที่ภาคอีสานมีลูกหนี้กว่า 6 แสนราย จากการเป็นหนี้นอกระบบทั่วประเทศ 9 แสนราย หรือเกือบ 70 % ของทั้งหมด โดยที่ จ.ศรีษะเกส แจกโฉนดที่ดิน ให้กับประชาชน รวมทั้งสิ้น 1,700 ฉบับ พื้นที่ดิน จำนวนประมาณ 6,000 ไร่ มูลค่าที่ดินประมาณ 2,800 ล้านบาท
.
โดยที่ผ่านมาได้คืนทรัพย์สินให้ลูกหนี้แล้ว กว่า 9,500 ราย เป็นโฉนดที่ดิน 7,391 ฉบับ รวม 25,101 ไร่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยและจัดทำข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เพิ่มขึ้น 83,906 ราย
.
โดยการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้มือแกร่งอย่าง ‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นแม่งานใหญ่ โดยการจัดลงพื้นที่จะมีนายทหาร-ตร.ชั้นผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะน้องรักสายตำรวจ อย่าง ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่มาด้วยตลอด
.
ทำให้ ‘บารมี’ ของ พล.อ.ประวิตร แผ่ไม่น้อยในพื้นที่ภาคอีสาน แต่จะแปรเปลี่ยนเป็น ‘ความนิยม’ ผ่านการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ต้องติดตามกันต่อ เพราะภาคอีสานเป็น ‘ฐานที่มั่น’ ของพรรคเพื่อไทยและที่ตั้งมวลชนคนเสื้อแดง เครือข่ายต้านคสช. หลัง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ประกาศ “ผมสนใจงานการเมือง”

พร้อมๆกับการเกิดขึ้นของ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ที่มี 4 รัฐมนตรีไปนำทัพ และมีบุคคลในรัฐบาลไปเกี่ยวข้อง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคนี้ คือ ‘พรรคเรา’ ตามที่ พล.อ.ประวิตร เคย ‘เกือบหลุด’ ออกมาก่อนหน้านี้ หลังมีวาทะถึง ‘ทักษิณ’ เรื่องการเคลื่อนไหวต่างๆ นั่นเอง
.
“เขาเคลื่อนไหวตลอด 4 ปี ไม่มีวันหยุด แม้จะหยุดก็จะไปสัปดาห์เดียวก็ออกมาอีก สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวข้องกับทุกพรรค ทั้งพรรคของเขา พรรคตรงข้าม และพรรคเราด้วย ซึ่งพรรคเราก็คือ พรรครัฐบาล” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
พื้นที่ ‘ภาคอีสาน’ หากเครือข่าย คสช. หรือพรรคแนวร่วมหนุน คสช. ดึงคะแนนมาได้ ‘สัญญาณบวก’ การชนะเลือกตั้งก็จะมีมากขึ้นด้วย แต่ช่วงนี้กระแสการ ‘แตกพรรค’ ของเพื่อไทย เป็น พรรคเพื่อธรรม – เพื่อชาติ – ไทยรักษาชาติ (ทษช.) ด้วย ยังไม่รวมกับสภาวะ ‘ความระส่ำระส่าย’ ในพรรคเพื่อไทย ที่ว่ากันว่าไม่ใช่แค่ ‘แตกพรรค’ แต่อาจ ‘พรรคแตก’ เลยทีเดียว ที่นายใหญ่คุมไม่อยู่ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องแบกรับ ‘ต้นทุน’ มากขึ้น ต้องใช้ทรัพยากรมากขี้น
.
น้ำขึ้นให้รีบตัก !!