เปิดอก “เอก อัตถากร” หนุ่มชูป้าย “Respect My Vote” – “ถ้าผมต้องการใช้สิทธิ แล้วถูกเรียกว่าฝักใฝ่ทักษิณ ก็ยินดี”

หลังจากภาพข่าวที่ปรากฎร้อนแรง เมื่อเวลา 13.30 น (31 ต.ค.61) . ผู้สื่อข่าวข่าวสดรายงานว่า ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกนำเดินปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน ปรากฏว่า ระหว่างที่นายสุเทพ เดินมาถึงหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำรริ ได้มีชายสวมแว่นดำ ยืนชูป้าย ข้อความว่า “LIAR LIAR” ต่อหน้า นายสุเทพ

นายสุเทพ ได้ ยกนิ้วโป้งให้พร้อมถามว่า “เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่”และชายชูป้ายตอบกลับไปว่า ” ป่าวครับ ผมเป็นประชาชนคนไทย อย่าหลอกล่วงประชาชน อย่าเป็นไม้คำยันเผด็จการ” แล้วก็เดินหนีไปโดยไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ

โดยชายคนดังกล่าวนั้น มีฉายาว่า “เอก respect my vote” เพราะ เมื่อการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ชายคนดังกล่าว เคยชูป้าย “respect my vote” ใส่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งนี้ ยังเคยเดินทางไปชูป้าย “Do You Hear The People Sing , ปฏิรูปตัวเองเถอะ, We are the people, ไม่เอาพิมพ์เขียวสามานย์” พร้อมกับตะโกนเรียกร้องว่าให้พรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปตัวเองก่อนที่จะปฏิรูปประเทศ กลางสถานที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเดือนมีนาคม 2557 จนหวิดโดนรุมทำร้ายมาแล้วอีกด้วย

วันนี้ทีมออนไลน์มติชนสุดสัปดาห์ขอนำพาทุกท่านไปพบกับการเปิดใจครั้งสำคัญ ของ เอก อัตถากร ที่เคยพูดถึงแนวคิดอุดมการณ์ตัวเองไว้เมื่อปี 2557 โดยมีที่มา จากมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 1744 ประจำวันที่วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557 (ปีที่ 34) คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษ โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว หน้า19

เปิดอก “เอก อัตถากร” เหตุชูป้าย “Respect My Vote” หวั่น “เดจาวู” ล้มเลือกตั้งซ้ำรอย “ถ้าผมต้องการใช้สิทธิ แล้วถูกเรียกว่าฝักใฝ่ทักษิณ ผมก็ยินดี”

มติชนทีวี พูดคุยกับเจ้าของนามแฝงในเฟซบุ๊ก Ake Attakorn (เอก อัตถากร) หนุ่มแว่นดำผู้ชูป้าย Respect My Vote ในงานเปิดตัวพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557

: การชูป้าย Respect My Vote ได้รับแรงบันดาลใจจากการรณรงค์ในต่างประเทศหรือไม่

ไม่ถึงขนาดเป็นแรงบันดาลใจ ผมรู้ว่ามีแคมเปญนี้ในต่างประเทศ รู้ว่าประวัติของคำนี้คืออะไร แต่ก็มองว่าคำนี้คือหลักเกณฑ์พื้นฐานในการเคารพเสียงเลือกตั้ง ในขณะที่แผนปฏิรูปประเทศที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศช่วงนี้ ก็เพื่อรับลูก คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งกำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกลับไปในสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คือการปฏิเสธกฎหมายและทำลายฝ่ายตรงข้าม หากนำ “แผนล้างบ้านล้างเมือง” ต้นแบบการปฏิรูปประเทศในอดีต เทียบกับคำประกาศคุณสุเทพหรือคำประกาศ เสธ.อ้าย เทียบกับพิมพ์เขียวของคุณอภิสิทธิ์ จะพบว่าตรงกันมาก

: วันที่ชูป้ายได้ชวนคนอื่นไปด้วยหรือไม่

บางคนคิดว่าการชูป้ายเป็นความลับ แต่จริงๆ ชวนเพื่อนในเฟซบุ๊กแล้ว ให้ไปแสดงพลังกัน แต่ไม่มีใครไป วันนั้นผมนั่งอยู่กับพื้นด้านหลังห้อง ซึ่งมีสื่ออยู่ตรงนั้น ผมนั่งลงเหมือนอย่างประชาชนที่ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียงทั่วไป

: ทำไมใช้สัญลักษณ์นกหวีดซึ่งเป็นของ กปปส.

ความจริงผมไม่ได้เป่านกหวีดก่อนนะ ผมชูป้ายอย่างเดียว แล้วคำที่เขาพูดมาคำแรก ทำให้ผมเป่านกหวีด คือ เขาบอกว่า ผมถูกจ้างมาและบอกว่าอีกฝั่งหนึ่งส่งมาป่วน ทำให้ผมตัดสินใจเป่านกหวีด จากเดิมที่เอานกหวีดใส่กระเป๋า เพราะต้องการจะชูป้ายเท่านั้น

ผมไม่ชอบนกหวีดเพราะมันให้ความรู้สึกว่าเสียงดังกว่าคนอื่น ทั้งที่เราเสียงเท่ากันนะ แต่เวลาคุณไปเป่าใส่ใคร จะคิดว่าตัวเองเสียงดังกว่า ผมอยากบอกเขาว่า เวลาใครเป่าใส่คุณ คุณรู้สึกอย่างไร ฉะนั้น อย่าทำกับใคร

แต่เหตุการณ์วันนั้นมันเร็วมาก ผมถูกล็อกตัว และผมได้ตะโกนว่า “ผมคือประชาชน ผมไม่ใช่คู่แข่งคุณ” คุณอภิสิทธิ์อาจจะคิดว่า ใครที่เกลียดเขา ต้องใส่เสื้อแดง แต่จริงๆ คนกรุงเทพฯ หน้าตาอย่างผม ก็ไม่ชอบเขาตั้งเยอะแยะ

: คุณเอกเกิดที่ไหน จบการศึกษาอะไร เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่

ผมอยู่กรุงเทพฯ เกิดกรุงเทพฯ จบปริญญา มีสิทธิเลือกตั้ง ติดตามการเมืองมานานแล้ว ถ้าไม่ศึกษาเองก็จะได้แต่เชื่อคนอื่น ผมเรียนและทำงานมาร์เก็ตติ้งอยู่กับผู้บริหารมาตลอด ล่าสุดเป็น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผมเคยทำงานโรงเรียนที่เจ้าของโรงเรียนเป็นพันธมิตรฯ

ก่อนรัฐประหาร 2549 ก็ไปม็อบ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สวนลุมพินี ตอนนั้นผมทำงานอยู่ซีพี เคยไปถือป้ายไล่ทักษิณ แล้วโดนแท็กซี่ด่า ก็เลยกลับมาถามตัวเองว่า ทำไมแท็กซี่ถึงรักทักษิณ และเฉลียวใจทุกครั้งเวลาฟังคุณสนธิพูด แล้วกลับมารีเช็กข้อมูล พบว่าบางอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น

กลุ่มเพื่อนๆ ผมจะอายคำว่า “เงิบ” ฉะนั้น เมื่อได้ข้อมูลอะไร เราต้องรีเช็กว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมไปทุกม็อบ แม้กระทั่งม็อบคุณสุเทพ ผมก็ปั่นจักรยานไปศูนย์ราชการ

นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ผมเคยเป็นพยานในคดีไบโอคลินิก เพราะเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับผู้ป่วย

: ยกป้าย Respect My Vote แล้วโดนใจคน เป็นเพราะใช้วิธีคิดแบบการตลาดหรือเปล่า

ไม่เลย ผมไม่ได้คิดในมุมนั้นเลย ผมคิดแค่ว่า จะหาคำอะไรบอกเขาดี แต่ด้วยความที่เราดูแอด (advertisement) ดูโฆษณามา เราก็จะมาดูสีว่า ทำยังไงไม่ให้กลืนไปกับพื้น ผมคิดแค่ว่า ตัวอักษรต้องใหญ่พอที่เขาจะเห็นเรา

ถ้าจะเขียนภาษาไทยว่า “เคารพสิทธิของกูด้วย” มันก็ไม่เก๋นะ ผมแค่คิดว่า เขียนเป็นภาษาไทยยากกว่าภาษาอังกฤษ แต่ความจริง ผมก็ทำแคมเปญ รณรงค์ให้ไปเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ อยู่ในเฟซบุ๊กผมอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้สวยงามด้วย มีคนเอาไปเผยแพร่ต่อ

แต่กรณีป้าย Respect My Vote กลับเป็นอะไรที่ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เป็นข่าว ไม่งั้นจะพิมพ์ให้สวยกว่านี้ ส่วนเจตนาคือต้องการให้คุณอภิสิทธิ์และพรรคซึ่งหน้าบางๆ ควรจะต้องอายที่ทำกระทบสิทธิการเลือกตั้งคนอื่น คนหน้าตาสลิ่มอย่างผมก็มีสมองนะคุณอภิสิทธิ์

: ถ้าไม่เอาการเมืองแบบคุณอภิสิทธิ์ แล้วอยากได้การเมืองแบบไหน เพราะคุณทักษิณ ก็มีมุมเป็นเผด็จการ

คืออย่างนี้ครับ ผมด่าทักษิณได้ ผมด่ายิ่งลักษณ์ได้ แต่เราจะรู้ไหมว่า สัปดาห์หน้า เราจะด่าสุเทพได้ไหม สุเทพประกาศจะยึดทรัพย์ จะจัดการอันธพาล ซึ่งสมัยก่อน เขาก็จัดการกับคนอื่นด้วยการกล่าวหาว่าเป็นอันธพาลเหมือนกัน จอมพลสฤษดิ์ก็ประกาศล้มกฎหมายเช่นเดียวกัน เราจะสถาปนา “สฤษดิ์ 2” ขึ้นมาทำไม

ถ้าเผด็จการจริงๆ ผมนึกถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนที่ผมต้องวิ่งหนีกระสุน เมื่อปี 2553 ผมอยู่ราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 17-18 พฤษภาคม 2553 ไปนอนค้างคืนด้วย แต่งตัวไฮโซไปเลยมีพี่ไฮโซไปด้วย แล้วมีคนมาบอกว่าผมไม่น่าเป็นเสื้อแดง แต่ก็มานอนที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ด้วยกัน

: เกรงจะถูกเหมาเป็น “ควายแดง” หรือไม่

ผมโดนด่าแล้ว ผมยังภูมิใจเลย ผมประกาศ ผมเป็นควายแดงที่ต้องการเลือกตั้ง ดีกว่าเป็นคนที่ยืนหลังงอตามใครก็ไม่รู้ ผมภูมิใจที่เป็นควายแดงที่ยืนยันใช้สิทธิผม ผมโดนหาว่าเป็นขี้ข้า ควายแดง ถูกซื้อ แต่เรื่องพวกนี้ ควรถูกทำให้เป็นเรื่องตลกได้แล้ว ผมหมดยุคที่จะโกรธ ผมไม่ใช่เด็ก ถ้าเป็นแต่ก่อน ใครว่าเราเป็นควายแดงก็คงตอบโต้

: คุณเอกอยู่จุดไหนของฝ่ายต่างๆ ในการเมืองไทยซึ่งมีการแบ่งประเภทอย่างไม่เป็นเอกภาพ

ถ้าพูดแบบดัดจริตชน ผมก็คือ ประชาชน คุณอยากจัดผมตามมุมมองของคุณก็ได้ไม่มีปัญหา เป็นสลิ่มในสายตาเสื้อแดง หรือเป็นเสื้อแดง ในสายตาเสื้อเหลือง สุดท้ายแล้ว ชีวิตคุณกับชีวิตผมเท่ากัน ผมไม่อยากเห็นใครตาย ผมจะเกลียดคุณสนธิยังไง ผมก็ไม่อยากให้เขาตาย

ถ้าผมต้องการใช้สิทธิของผมแล้วจะถูกเรียกว่าฝักใฝ่ทักษิณ ผมก็ยินดี ถ้าจะบอกว่า ผมไม่รักชาติ เพราะผมอยากเลือกตั้ง ผมก็ยินดี ผมไม่ไปเป่านกหวีดกับคุณแล้วแปลว่าผมไม่รักชาติ ผมก็ยินดี

สิ่งที่ผมกำลังทำคือ ตะโกนบอกว่า กูรู้ว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่นะ ถ้าจะให้เกิดแรงกระเพื่อมจริง ต้องมีคนบ้าอย่างผมหลายๆ คน ถ้าเขาเป่านกหวีดใส่เรา แล้วเราก็เป่าใส่เขาบ้าง ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน ผมไม่คิดว่าผมจะไปล้มอะไรเขาได้ แต่ผมทำเต็มที่ได้แค่นี้ เราไม่มีอำนาจอื่น

ถ้าคุณมองคนไม่เท่ากัน ยังไงก็มีคนที่สูงกว่าคุณอยู่แล้ว เขาอาจจะบอกว่า อี๋! อีครอบครัวชนชั้นกลาง นามสกุล ไก่กา ไอ้คนเรียนเมืองไทย แต่อย่าลืมว่า ถ้าเราเหยียบคนอื่น คนอื่นก็พร้อมจะเหยียบเรา ถ้าคุณคิดว่าคุณสูงส่งกว่าคนอื่น คุณไม่ได้อยู่บนยอดเมฆ สุดท้ายก็จะมีตีนของคนอื่น มาเหยียบคุณอยู่ดี

คุณชอบอารมณ์แบบนั้นไหม