นอกจาก ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเปิดเพจโซเชียลฯแล้ว ในกองทัพเองก็มีการใช้โซเชียลฯสื่อสารกับนอกรั้วลายพราง มานานแล้วหลายปี ในการชี้แจงดราม่าและผลงานของทหาร จึงมีเพจต่างๆของหน่วยทหารจำนวนมาก หรือแม้แต่เพจที่เป็น ‘เอฟซีทหาร-คสช.’ ที่ทำขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของทหารและรัฐบาล
ในยุค ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ยังคงใช้ช่องทางโซเชียลฯในการสื่อสาร โดยมีนโนบายลงไปยังศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทบ. และทีมงานโฆษก ทบ. ว่าจะต้อง ‘รวดเร็ว’ ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นดราม่าถึง ทบ. ในเรื่องต่างๆ ที่กระทบภาพลักษณ์ทหาร
ซึ่ง ‘บิ๊กแดง’ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เล่นทั้งเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม และไม่ได้คิดเล่นหรือมีเฟซบุ๊กแบบนายกฯ เพราะแค่ทำโทรศัพท์ที ก็ให้ลูกน้องทำให้ แต่ไม่ได้แอบส่องโซเชียลฯ แต่เข้าดูโซเชียลฯ เพราะ ‘อ.อ้อ’รศ.กฤษติกา คงสมพงษ์ ภริยา อยู่ในโซเชี่ยลฯนั่นเอง

แต่ ทบ. เองก็มีการปรับภาพลักษณ์และรูปแบบการนำเสนอที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งทางกองทัพบก ยืนยันว่าเพจทางการของ ทบ.ส่วนกลาง มีเพียง 2 เพจเท่านั้น คือ Army PR Center และ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
ส่วนเพจอื่นๆนั้น ทาง ทบ. รายงานว่า ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใดหรือหน่วยใดจัดทำขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนำเสนอผลงานของทหาร ไม่ได้มีการกล่าวโจมตีใดๆ จึงไม่ส่งผลเสียหายถึง ทบ. จึงไม่ได้มีการไปดำเนินการทางกฎหมาย

เพจหนึ่งที่ถูกจับตามองไม่น้อย คือ เพจ Smart Man Smart Soldier ที่มียอดถูกใจ 2.7หมื่นแอคเค้าท์ และยอดติดตาม 2.8 หมื่นแอคเค้าท์ แม้ ทบ. จะไม่ยืนยันว่า ใช่เพจของ ทบ. หรือไม่ ? แต่เพจนี้ก็ถูกนำมาใช้อ้างอิงในการนำเสนอผลงานของกองทัพหลายครั้ง รวมถึงอินโฟกราฟฟิกส่วนใหญ่ที่ทันสมัยก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเพจนี้ เช่นตราสัญลักษณ์ ‘Smart Soldier Strong Army’ ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเพจนี้ โดยเพจถูกตั้งเมื่อ ก.ค.2560 ช่วงสมัย ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น ผบ.ทบ. เจ้าของม็อตโต้ Smart Man Smart Army

แต่มีอีกหนึ่งเพจที่ ‘คล้ายคลึง’ กับเพจ Smart Man Smart Soldier คือเพจ ‘B commander’ ที่ก็นำเสนอข่าวทหารเช่นกัน โดยมีรูปแบบการทำตราสัญลักษณ์ต่างๆคล้ายกัน ซึ่งเพจถูกตั้งขึ้นเมื่อ ก.ย.2561 โดยมียอดกดติดตาม 6 พันแอคเค้าท์ และยอดถูกใจเกือบ 6 พันแอคเค้าท์
โดยแกนนำทีมแอดมินเพจของ ทบ. ทั้ง 2 เพจระบุว่า ที่ผ่านมามีการเทรนด์กำลังพลให้ฝึกงานอาร์ท(ศิลปะ) ในการทำอินโฟกราฟฟิกต่างๆ ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ลองผิดลองถูกมาตลอด แต่สิ่งสำคัญคือความรวดเร็วในการลงสู่โซเชียลฯ
ทั้งนี้ทีมงานโฆษก ทบ. ระบุว่า ผบ.ทบ ได้สั่งการในภาพรวมในงานชี้แจงต่างๆ ทั้งในด้านงานกองทัพ ภารกิจ ทบ. ทั้งงานประจำและการรักษาความสงบเรียบร้อย และเรื่องกำลังพลที่ไปกระทำผิดในนามส่วนบุคคล รวมถึงเรื่องทางการเมืองที่มีการกล่าวพาดพิง ทบ. เช่น ในช่วงเวลานี้มีการนำข้อมูลเก่ามาวนเล่นใหม่ ที่มีกลุ่มและบุคคลพยายามดำเนินการอยู่ ซึ่งจะต้องตอบโต้ด้วย ‘ข้อมูลจริง’ สู้ ‘ข้อสงสัยทางการเมือง’ โดยจะมีทีมงานที่ติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ที่ใช้คนไม่มากแค่ 1-2 คน

สำหรับการชี้แจงเรื่องภารกิจทบ. จะเป็นไปตามวงรอบงาน เช่นช่วงนี้ใกล้เข้าฤดูรับน้องทหารใหม่ เป็นต้น แต่เพจของทบ. ยังคงเป็นการสื่อสารทางเดียว โดยจะไม่ได้ตอบคอมเม้นต์ใดๆ และมีการพัฒนาเป็นรูปแบบคลิปด้วย ซึ่งแต่ละเพจของ ทบ. จะมีการแชร์เชื่อมโยงกับเพจของรัฐบาลด้วย ซึ่งยังไม่นับรวมกับเพจของแต่ละหน่วยทหารที่มีนับไม่ถ้วน

ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจงาน ‘พีอาร์ ทบ.’ ยุค ‘บิ๊กแดง’ ที่จะเป็นเครื่องมือเสริมภาพลักษณ์และเสริมลุค ‘กำลังพล’ ให้เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งเป็นยุคที่หน่วยงานภาครัฐ แม้แต่ ‘กองทัพ’ เอง ก็ปรับเข้าหาประชาชนมากขึ้น ในการสื่อสาร ‘ทางตรง’ และสร้างฐานมวลชนและผู้สนับสนุนขึ้นมา ในช่วงเวลาสำคัญทางการเมืองในยุคที่ประเทศมี ‘รัฐบาลทหาร’ แต่อีกด้านก็เป็นจุดที่ประชาชนใช้ตรวจสอบกองทัพและรัฐบาลด้วย