E-DUANG : จิตวิญญาณประชาธิปไตยของกลุ่มโรงสี

การตัดสินใจของ “สมาคมโรงสีข้าวไทย” เป็นผลสะเทือนโดยตรง จาก “รัฐบาล” และ “คสช.”

คงจำได้จากบทสรุปของ”โฆษก”จากทำเนียบรัฐบาล

คงจำได้จากบทสรุปของ”โฆษก”จากคสช.ที่มองและประเมินวิกฤตอันเนื่องแต่ “ราคาข้าว” ว่ามาจาก 2 ส่วน

1 คือ กลุ่มโรงสี

1 คือ กลุ่มการเมือง

ที่ราคาตกต่ำ เสื่อมทรุด กระทั่งนำไปสู่สโลแกนที่ว่า ราคาข้าว “โลละ 5 บาท”

มาจาก “การสมคบคิด” ปั่นและสร้างสถานการณ์

โดย “กลุ่มการเมือง” เข้าไปมีส่วนในการบงการและกำหนดให้ “กลุ่มโรงสี”กดราคาการรับซื้อข้าวจาก”ชาวนา”

“โรงสี” จึงกลายเป็น “ผู้ร้าย” ขึ้นมาโดยพลัน

ขณะที่ “กลุ่มการเมือง” ก็เป็นกลุ่มนักการเมืองเดิมอันเคยเป็นเป้าตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 กระทั่งหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

เท่ากับลากดึง”โรงสี”ให้เป็น”ผู้ร้าย”ไปกับ”กลุ่มการเมือง”

 

หลังจากโฆษกจาก”ทำเนียบรัฐบาล”ประสานกับโฆษกจาก”คสช.” ออกมาโยน “ระเบิด”

ปฏิกิริยากระหึ่มมาจาก “กลุ่มการเมือง”แน่นอน

แต่”กลุ่มการเมือง”ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเสียง”ปฏิเสธ” ตามความถนัด

แต่ปฏิกิริยาจาก”โรงสี” ไม่เหมือนกัน

ด้าน 1 โรงสีปฏิเสธความสัมพันธ์กับ “กลุ่มการเมือง” ขณะ เดียวกัน ด้าน 1 ยืนยันว่าการซื้อ การขายของพวกเขาดำเนินไปตามกลไกตลาด กลไกราคา

นั่นก็คือ ขอให้ตรวจสอบจากการรับซื้อ”ข้าวเปลือก”เปรียบเทียบกับการขาย “ข้าวสาร”

เท่ากับเป็นการใช้หลักทางเศรษฐศาสตร์เป็น “เครื่องมือ”

ขณะเดียวกัน เมื่อข้อกล่าวหาของรัฐบาลและคสช.เป็นข้อกล่าวหาในทาง “การเมือง”

“สมาคมโรงสีข้าวไทย”จึงจำเป็นต้องแสดง”สปิริต”

 

สปิริตของ “สมาคมโรงสีข้าวไทย” เป็นจิตวิญญาณพื้นฐานและเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

เป็นจิตวิญญาณ”ประชาธิปไตย”

นั่นก็คือ เมื่อมีคนป้ายของเน่า ของโสโครกให้ พวกเขาก็จำเป็นต้องชำระล้าง

อาศัย”กลไกตลาด”มาเป็นเครื่องมือในการชี้แจง

แต่เมื่อมีความพยายามทำให้ “สมาคมโรงสีข้าวไทย”กลายเป็น “ผู้ร้าย”ในทางสังคม ก็จำเป็นต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ1 ต่อมวลสมาชิก

และ 1 ต่อมวล”มหาประชาชน”

“มวลมหาประชาชน” นั่นแหละจะตัดสินว่า กรณี”ราคาข้าว”ใครกันแน่ที่เป็น”พระเอก”

ใครกันแน่ที่เป็น “ผู้ร้าย”