เผยแพร่ |
---|
ในฐานะนักประวัติศาสตร์ ในฐานะนักรัฐศาสตร์ เมื่อเขียน”กบฎ บวรเดช” ณัฐพล ใจจริง
อาจเน้นไปยังประเด็น “การเมือง”
กระนั้น ปม 1 ซึ่งสัมผัสได้ในระหว่างการอ่านแต่ละบท แต่ละตอนของหนังสือ
คือ ปมแห่ง”การทหาร”
หากมองจากมุมของทหาร หากมองจากมุมของการยุทธ์ก็จะสัมผัสได้ใน ปม 1 ซึ่งสำคัญ
คือ ปมแห่ง”การส่งกำลังบำรุง”
หากมองจากด้านของ “ฝ่ายอำนวยการ” อาจมองไปยังด้านกำลังพล ด้านการข่าว ด้านยุทธการ
ขณะที่ด้านส่งกำลังบำรุงอาจเรียกว่า “ฝอ.4”
สะท้อนบทบาทและความหมายที่เหนือกว่าด้านกิจการพลเรือน หรือ “ฝอ.5”
แต่ก็ “สำคัญ”และทรง”ความหมาย”
สำคัญและทรงความหมายอย่างไรขอให้อ่านจากบันทึกของ นาย ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญ
จาก”แนวหน้า”ของคณะกู้บ้านกู้เมือง
“พวกเราบุกน้ำแค่คอไปจนถึงวัดหลักสี่ เห็นมีถังข้าวสารสุกหลายถังตั้งอยู่แต่ไม่มีข้าวเลย จึงพาทหารไปถึงแนวคันคลองเปรมเพื่อรอรับเสบียงซึ่งเชื่อว่ากองบัญชาการคงจะส่งมาให้”
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้
“ข้าพเจ้ารู้สึกเดือดร้อนมาก เพราะตั้งแต่เช้าจนบ่ายทั้งนายทหาร นายสิบ พลทหาร ไม่ได้กินอาหารอะไรกันเลย พ.อ.พระยาศรีซึ่งบอกว่าจะส่งอาหารมาให้
“ก็ไม่มีอาหารขึ้นมาแนวหน้า ทหารก็บ่นกันอยู่ทั่วไป”
นั่นเป็น”สภาพการณ์“ของทหารซึ่งอยู่”แนวหน้า”เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2476
แต่พอกลับไปยังกองบัญชาการที่ดอนเมือง
“พบนายทหารเป็นจำนวนมากนั่งเสพสุราและกินอาหารกัน บางคนก็เล่นบิลเลียด
พ.อ.พระยาเทพสงคราม พบข้าพเจ้าก็เข้ามากอดและพูดว่า
“น้องชายมีคนบอกว่ากองทหารม้าสระบุรีของน้องเป็นอัน ตรายหมด นี่มายังไงกัน”
ข้าพเจ้าบอกว่า “ทำไมไปฟังข่าวเหลวไหล ช่างไม่คิดถึงพวกกระผมบ้างเลย เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อวานแสนสาหัส วันนี้ยังไม่ได้กินอาหารตลอดทั้งวัน กลับมาแช่งว่าตายหมด
“เป็นการแช่งกันชัดๆ ผมเสียใจ”
นี่มิได้เป็น “รายละเอียด” อันมาจากฝ่ายของรัฐบาล”คณะราษ ฎร” หากแต่มาจากผู้บังคับการกองพันทหารม้าสระบุรี ฝ่ายเดียวกับ “คณะกู้บ้านกู้เมือง”
นี่คือผลสะเทือนในด้าน”การส่งกำลังบำรุง”
เป็นผลสะเทือนทาง”การทหาร”อันกระทบไปถึง”การเมือง”