เชิงบันไดทำเนียบ : กราฟพุ่ง! ‘บิ๊กตู่’ นายกฯโทลล์เวย์ ‘4ส.-1อ.’ ร่างทรง ‘พลังประชารัฐ’

หากจับอาการของ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในเวลานี้ดูจะมีความ ‘มั่นใจ’ ในบางอย่างไม่น้อย ผ่านการให้สัมภาษณ์หรือการกล่าวในสถานที่ต่างๆ ถึง ‘บางอย่าง’ ที่มี ‘พลัง’ มากขึ้น

มาพร้อมอาการของ ‘นายใหญ่’ทักษิณ ชินวัตร แม่ทัพเพื่อไทยตัวจริง ที่ไม่สู้ดีนัก ผ่านงานวันเกิด ‘นายหญิง’ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังวีดิโอคอลถึง ‘ลูกพรรคเพื่อไทย’ อย่างตรงไปตรงมา ท่ามกลางกระแส ‘พลังดูด’ ที่เกิดขึ้น

หลัง ‘2ส.เสือซุ่ม’ ทั้ง ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ และ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ อดีต ‘ลูกพรรคไทยรักไทย’ เปิดตัวชัดเจนหนุน ‘บิ๊กตู่’ เป็น นายกฯ คนต่อไป พร้อมเปิดตัว ‘องคาพยพ’ อดีตส.ส. 50 คน จากพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ภูมิใจไทย ที่โดน ‘พลังดูด’ มาร่วมพรรคพลังประชารัฐ
.
“ผมไม่ได้ชอบการรัฐประหาร เพราะเคยโดนมาตอนเป็นรัฐมนตรี โดนตราหน้าจากสังคม โดนคดีจีทีเอ็กซ์ 900 แต่ชี้แจงได้ข้อกล่าวหา จน ป.ป.ช.มีมติตีตก แต่ครั้งนี้ได้เห็นความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตั้งใจแค่ไหน ตอนอยู่พรรคไทยรักไทย ผมทำเพื่อประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จึงอยากสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไป เลยคิดจะมาตั้งพรรคพลังประชารัฐ” นายสุริยะ กล่าว

ทำให้ ‘ทักษิณ’ ออกอาการชัด ท้าให้ ‘ลูกพรรค’ ที่คิดจะโบกมือลาไปทันทีไม่มียื้อ พร้อมกับการปรามไม่ให้ลูกพรรคคนอื่น ‘แตกแถว’ หรือเป็น ‘งูเห่า’ ไปในตัว
.
“ใครที่อยากออกจากพรรคมี 2 ประการ 1. คือ ไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง ไปพักผ่อน เพราะว่าพวกนี้หน้าโง่จ่ายแพง ก็เก็บตังค์ไป แล้วไปพักผ่อนซะ 2. คือ พวกมั่นใจตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้ ซึ่งก็ดี ถึงเวลาจะได้ให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน โดยเฉพาะที่จังหวัดเลย นครราชสีมา จะต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนแน่นอน” นายทักษิณ กล่าว
.
อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ เปิดตัวและแสดงจุดยืนชัดเจน พร้อมโยงไปถึงอีก ‘2ส.-1อ.’ ใน ‘ครม.ประยุทธ์5’ ด้วย ทั้ง ‘เฮียกวง’สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’รมว.พาณิชย์ และ ‘อุตตม สาวนายน’รมว.อุตสาหกรรม ด้วย ที่ได้ประสานพูดคุยกันไป แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะกระแสข่าวการเดินสาย ‘พลังดูด’ ของ ‘2ส.สุริยะ-สมศักดิ์’ มีมานานแล้ว 1-2 เดือน
.
อย่าลืมว่าทั้ง ‘3ส. สมคิด-สุริยะ-สมศักดิ์’ เป็น ‘แก๊งค์เดียวกัน’ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ซึ่งเป็นทั้ง ‘นายทุนพรรค’ และ ‘กุนซือ’ ที่สำคัญของพรรคไทยรักไทย การมาร่วมสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ก็พอจะเป็นอนาคตหลัง ‘เลือกตั้ง’ อยู่บ้าง ว่าจะเป็นอย่างไร
.
ฝากฝั่ง ‘พรรคเพื่อไทย’ ต้องรีบออกมาตี ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ ทันที พร้อมโยนเผือกร้อนให้กับรัฐบาล-คสช. ถึงการเดินสายของ ‘2ส.’ แบบนี้ ทำได้หรือไม่ เพราะเมื่อเดือนก่อน พรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าว 4 ปี คสช. กลับถูกขัดขวางและโดนไปกันหลายกระทง
.
“เขาไม่ได้คุยกันในเรื่องการต่อต้านในเรื่องอะไร ในเรื่องของการสนับสนุน ไม่ใช่หรอ ไม่ใช่รวมตัวกันในเรื่องการปั่นป่วนรัฐบาลซะเมื่อไหร่” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มีเรื่องการ ‘ดึง’ อดีตส.ส. มาร่วมพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งมีการมองว่าถ้าพรรคเพื่อไทย ไม่ทำให้ปั่นปวน จะสามารถดำเนินแบบ ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ ได้หรือไม่
.
“ไม่ได้ดึง เพราะเขายังไม่เปิดตัวพรรคเลย” พล.อ.ประวิตร แจง
.
“คุยเรื่องการเมือง เรื่องอะไร เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องของการทำงาน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง” พล.อ.ประวิตร แจง
.
“การทำกิจกรรมที่จะปั่นป่วน ไม่สามารถทำได้ จะพูดคุยอะไร ก็อย่าด่ารัฐบาลสิ ในการดำเนินการ ไม่ให้มีเรื่องของความขัดแย้งขึ้นสามารถทำได้” พล.อ.ประวิตร แจง

แน่นอนว่าคำตอบของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม จะเป็น ‘มาตรฐาน’ ต่อไปของพรรคการเมือง ที่จะออกเคลื่อนไหวการทำกิจกรรมต่างๆ นับจากมีการพูดคุย 74 พรรค เมื่อวันที่ 25มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ได้กำหนดห่วงเวลาวันเลือกตั้งได้แล้ว เร็วสุด 24ก.พ.62 และ ช้าสุด 5 พ.ค. 62 ในโมเดลทุกวันอาทิตย์ปลายเดือน ได้แก่ 24ก.พ.-31มี.ค.-28เม.ย.-5พ.ค.62 ซึ่งการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.
.
ส่วนปัจจัยที่มีผลเลือกตั้ง ได้แก่ 1.ความสงบเรียบร้อยในช่วงพระราชพิธีสำคัญ 2.การรอโปรดเกล้าฯพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยส.ส. และ ส.ว. , 3.การเปลี่ยนผ่าน กกต.ชุดใหม่ที่จะต้องจัดการเลือกตั้ง แต่กกต.ชุดเก่า ก็ยังทำหน้าที่ได้เช่นเดิม 4.ต้องให้การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ชนการเลือกตั้งระดับชาติ และ5.เหตุความสงบของบ้านเมืองในเวลานั้น
.
แน่นอนว่า ‘บิ๊กตู่’ ยังคงไม่เปิดตัวหรือแสดงจุดยืนกับอนาคตทางการเมืองของตนเอง แต่จะ ‘เก็บตัว’ ทำงานไปเรื่อยๆ พร้อมกับเตรียมการจัดการเลือกตั้งไปในตัว ซึ่งคาดว่าภายในเดือนก.ย.นี้ หากยึดเวลาตามโรดแมปและรธน.2560 กฎหมายส.ส.และส.ว.ก็จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้ช่วงเวลานั้นเปิดตัวทางการเมืองด้วย
.
ในห้วงเวลานี้เป็นที่แน่ชัดอย่างหนึ่งแล้วว่า สุดท้าย ‘ปลายทาง’ พรรคพลังประชารัฐก็คือ ‘ฐานที่มั่น’ สำคัญในการปูทาง ‘บิ๊กตู่’ กลับขึ้นเป็น นายกฯ อีกสมัย ผ่านการ ‘ดูด’ อดีตส.ส.ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อไปรวมกับเก้าอี้ ‘พรรคตัวแปร’ อื่นๆ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างผู้ชนะ แน่นอนว่าไม่สามารถลงเรือลำเดียวกับ ‘พรรคเพื่อไทย-อนาคตใหม่’ ได้
.
หากจับปลายทางดีๆ และมองข้ามช็อตไปหลังเลือกตั้ง ภาพการเมืองไทยอาจมี ‘รัฐบาล’ ที่คล้าย ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ เพราะกลไกการได้มาซึ่งส.ส.ในรธน.2560 อีกทั้งพรรคการเมืองที่มีมากขึ้นก็เป็นตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นด้วย และสังคมไทยต่างไม่อยากกลับไปขัดแย้งเช่นในอดีตอีก ดังนั้นการมี ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองจะเข้าสู่โหมด ‘ความปรองดอง’ ไร้ความไม่สงบ-ขัดแย้ง

อีกทั้งการมี ‘นายกฯ’ ที่สามารถหลอมรวมพรรคต่างๆได้ ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และทำงานไปด้วยกันทั้งการพัฒนาและตรวจสอบต่างๆได้ โดยชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ยังเต็งหนึ่งที่จะขึ้น ‘โทลล์เวย์’ ไปเป็น นายกฯ ต่อ เพราะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่สามารถให้พรรคการเมืองเสนอชื่อขอเสียงโหวตในสภาได้ ตามที่ รธน.2560 ได้เปิดช่องให้มี ‘นายกฯคนนอก’ ได้ จึงเรียกว่า ‘นายกฯโทลล์เวย์’ นั่นเอง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีฐานที่ ‘พรรคการเมือง’ ต่าง ‘เกรงใจ’ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม

จึงเป็นบทสรุปถึง ‘อาการ’ ที่เกิดขึ้นกับ ‘บิ๊กตู่ – ทักษิณ’ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่นับวันยิ่งชัดเจน จนสามารถเห็นอนาคตของทั้ง 2 ฝ่ายมากขึ้น
.
ว่าใครจะอยู่ ใครจะไป !!