เผยแพร่ |
---|
การดำรงอยู่ของงาน “มหกรรมหนังสือ” คือรูปธรรมยืนยันสถานะแห่ง “หนังสือ”อันทรงความหมาย
ความหมายต่อ 1 คนเขียนหนังสือ
ความหมายต่อ 1 คนอ่านหนังสือ
กระนั้น หากมอง”มหกรรมหนังสือ”ตามสภาพความเป็นจริงในทางสังคม
คล้ายกับนี่ คือ เรื่องในทาง”วัฒนธรรม”
แต่เมื่อมองอย่างหยั่งลึกไปถึง “ความสัมพันธ์” อันยึดโยงอย่างต่อเนื่อง
นี่คือ “วัฒนธรรม”อันเป็นเรื่องในทาง”ธุรกิจ”
“มหกรรมหนังสือ” จึงเป็นการเคลื่อนไหวในทางวัฒนธรรมซึ่งมีเป้าหมายในทาง “เศรษฐกิจ”
ดำเนินไปเหมือนกับเป็น “ตลาด” กลาง
เป็นตลาดในการเชื่อประสานระหว่างนักเขียน ผู้ประกอบการในการผลิตหนังสือเข้ากับคนอ่าน
ในที่สุดแล้วก็คือ ธุรกิจ
ถามว่าในยุคกรุงศรีอยุธยามี “ตลาดกลาง” ในลักษณะอย่าง”มหกรรมหนังสือ” เช่นนี้หรือไม่
ตอบได้เลยว่า “ไม่มี”
การซื้อขายในทาง “วรรณกรรม” เริ่มมีขึ้นก็ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
เด่นชัดยิ่งก็ในกรณีของ “สุนทรภู่”
การแต่งบทละคร “นอก” ก็ดี การแต่งนิทานคำกลอนเรื่อง”พระอภัยมณี” ตลอดจน”เพลงยาว”
ดำเนินไปอย่างมีการว่าจ้าง ซื้อขาย
และเมื่อหมอบรัดเลย์นำแท่นพิมพ์เข้ามาก็เริ่มมีการพิมพ์หนังสือ รวมถึงโรงพิมพ์ของหมอสมิธ
งาน”วรรณกรรม”จึงเริ่มเข้าสู่วงจร”ตลาด”
ตลาดและการซื้อขายนั้นเองที่ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการผลิตในทางวรรณกรรมเริ่มแปรเปลี่ยน
หากการทำงานของ”คนเขียนหนังสือ”ก็เปลี่ยน
งานวรรณกรรมได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการในทางเศรษฐกิจลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กระทั่งเริ่มมี นักหนังสือพิมพ์ เริ่มมีนักเขียน
แรกๆอาจดำเนินไปในลักษณะ “อนามิส” แต่ในที่สุดก็กลายเป็น “อาชีพ”
ตรงนี้แหละเริ่มมีคำว่านักประพันธ์”ไส้แห้ง”
วัฒนธรรมหนังสือจึงยืนยันวัฒนธรรมในการอ่านแม้”เทคโนโลยี”จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
ที่ระบุว่า คนอ่านหนังสือ”น้อยลง”อาจไม่จริง
เพราะการอ่านของคนมิได้อยู่กับ”หนังสือ”หากแต่ยังมีช่องทางอื่นเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนก็ยังอ่านผ่าน”ตัวหนังสือ”