2แนวการตลาดอสังหาฯ ร้อนแรงเร้าใจ-สุขุมเรียบหรู กำลังซื้อ น่ากังวล!

ยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กวงการอสังหาริมทรัพย์เร่งการเปิดตัวโครงการใหม่ในโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปี 2559 ถ้าสังเกตดูให้ดี จะพบแนวทางการทำตลาดเพื่อขายคอนโดมิเนียมที่แตกต่างกัน 2 แนวทางอย่างชัดเจน

แนวทางหนึ่ง ร้อนแรงเร้าใจส่งข้อมูลข่าวสารครอบคลุมทั้งตลาด กิจกรรมการตลาดครบเครื่อง ตั้งแต่ VIP-Sale, Pre-Sal จนถึง Grand opening กระชากความสนใจแบบสุดๆ

แนวทางสอง สุขุมเรียบหรูส่งข้อมูลข่าวสารสู่ตลาดอย่างเป็นจังหวะ เป็นขั้นเป็นตอน แบบไม่รีบร้อน แต่ก็ยังอยู่ในความรับรู้ของผู้สนใจและกลุ่มเป้าหมาย

เหตุที่สไตล์การทำตลาดของบรรดาบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็ก มีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในระยะนี้ เนื่องจากภาวการณ์ตลาดไม่แน่ไม่นอนนัก จะบุกหรือจะรอดี แล้วถ้าจะบุก จะบุกแบบไหน

ดังนั้น จึงขึ้นกับเงื่อนไขภายในแต่ละบริษัทที่ต่างกันไป

สภาพตลาดตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวล คือ กำลังซื้อที่อ่อนแรงลงซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการบุกตลาด

ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่เป็นความหวัง คือ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ การลงทุนในทรัพย์สินประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร ทองคำ มีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความหวังว่า คนที่มีเงินสดหรือทรัพย์สินประเภทอื่นจะหันมาลงทุนอสังหาริมทรัพย์แทน ใช้เป็นแหล่งหลบภัยของทรัพย์สิน

แนวทางการตลาดอสังหาฯ แนวทางที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่กำลังเร่งการเติบโตไต่อันดับ มีซีอีโอหรือผู้บริหารระดับสูงวัยหนุ่ม กลยุทธ์การตลาดจึงมุ่งเป้าหมายทั้งลูกค้าที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเอง กับลูกค้าที่เป็นนักลงทุนอสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าและคาดหวังมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

แนวทางนี้จึงมักตั้งราคาขายไม่สูงมาก เพราะหวังการขายเร็ว และต้องการให้นักลงทุนมองเห็นส่วนต่างราคาขายกับราคาตลาดที่สามารถทำกำไรได้

ข้อมูลที่ชี้นำผู้ซื้อมักเน้นไปที่ความคุ้มค่าในเชิงการลงทุนที่จะได้รับ จังหวะขั้นตอนการให้จองมักจะให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มนักลงทุนก่อน จึงเปิดจองทั่วไป

แนวทางการตลาดอสังหาฯ แนวทางที่สอง เป็นบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่เจ้าตลาด มีแฟนคลับที่ชื่นชอบเชื่อถือติดตามจำนวนมาก ผู้บริหารระดับสูงมีประสบการณ์ยาวนาน กลยุทธ์การตลาดเล็งที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเท่านั้น

แนวทางนี้จึงตั้งราคาขายไว้สูงสุดที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรับได้ ไม่เหลือช่องว่างมาร์จิ้นเพื่อดึงดูดนักลงทุน บริษัทสไตล์นี้มีทัศนคติว่านักลงทุนรายย่อยมักทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การจอง การผ่อนดาวน์ การโอนกรรมสิทธิ์ ไปจนถึงการบริหารชุมชน ข้อมูลข่าวสารทางการตลาดที่ออกมาจึงเป็นการบอกถึงความน่าอยู่อาศัย ความพิเศษต่างๆ

ถึงตรงนี้ ก็เดากันได้ว่าบริษัทไหนมีสไตล์การทำตลาดแบบใด

ถ้าใครยังเดาไม่ออก ขอให้สังเกตว่า โครงการใดที่บอกว่าคนจองล้นหลาม ขายหมดเร็ว ขายหมดแล้ว ย่อมเป็นแนวทางการตลาดแนวที่ 1

ส่วนโครงการที่ยังขายไปเรื่อยๆ โดยไม่บอกว่าจะหมดในกี่วันกี่สัปดาห์ เผลอๆ อาจมีการปรับราคาขายระหว่างทางย่อมเป็นแนวทางตลาดแบบที่ 2 แน่นอน สไตล์แบบนี้กะขายยูนิตสุดท้ายตอนสร้างเสร็จพอดีกันเลยล่ะ

แนวทางการทำตลาดที่ต่างกันนี้ ไม่มีแบบไหนผิดหรือแบบไหนถูกต้อง

เพราะแต่ละบริษัทมีปัจจัยเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป และมีมุมมองต่อตลาด ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันไป

สำหรับผู้จะซื้อก็สุดแท้แต่ความชอบ และวัตถุประสงค์ในการซื้อ ว่าชอบแบบไหนซื้อไปเพื่ออะไร ก็ตัดสินใจเลือกตามความชอบและเป้าประสงค์ของตนเอง

แน่นอนสุดท้าย ย่อมต้องเป็นผู้รับผลตอบแทนจากการตัดสินใจนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่อาศัยหรือการลงทุน

ตลาดเสรีเราเลือกได้