ผี พราหมณ์ พุทธ : เส้นผมของแม่ คือสายใยของความรัก / คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

 

เส้นผมของแม่

คือสายใยของความรัก

 

มีเรื่องหนึ่งที่ผมเก็บไว้ในใจมานาน ไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่คนใกล้ชิด คือตอนที่คุณแม่ของผมเสียชีวิตนั้น ผมมองดูใบหน้าของแม่อยู่นาน แล้วก็รำพึงในใจว่า ดูสิ ผมของแม่ยังสวยอยู่เลย แม่ยังไม่มีผมหงอกสักเส้นเลย ทำไมแม่เราต้องมาจากไปทั้งๆ ที่ยังไม่แก่เฒ่า

ความรู้สึกเช่นนี้วนเวียนอยู่ในใจ เป็นความเศร้าลึกๆ ที่ผุดขึ้นทีไรก็ทำให้ผมหม่นหมองทุกครั้ง แม้จะจางลงไปตามเวลาบ้าง ก็ยังมิได้หายไปจนหมด

ผมจำได้ว่าตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ชอบตัดผมหน้าม้าเต่อ สนุกกับการทำสีผมบ้าง เปลี่ยนทรงไปเรื่อยๆ บ้าง แม่เป็นผู้หญิงตัวเล็กร่างท้วม เวลาดัดผมหรือทำทรงเก๋ๆ ก็ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา

เวลาที่แม่หอมหรือกอดเรา เราก็จะได้กลิ่นผมของแม่เสมอ เป็นบางสิ่งที่ชัดเจนในความทรงจำ

ผมแอบเก็บปลอกหมอนใบเล็กที่แม่ชอบนอนและใช้นอนจนสิ้นชีวิตเอาไว้ เก็บใส่ซองผนึกอย่างดี เพราะปลอกหมอนใบนั้นมีกลิ่นผมของแม่ติดอยู่ คิดถึงก็เอาออกมาหนุน

ตั้งใจไว้ว่า วันหนึ่งที่ความเศร้าจางหายไปมากพอแล้วหรือถึงเวลาที่เหมาะสม จะเอาปลอกหมอนใบนั้นห่อหุ้มพระธรรมหรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์บรรจุในพระพุทธรูปเพื่อเป็นกุศลให้แม่

 

ความรู้สึกผูกพันกับวัตถุสิ่งของหรือผมของแม่นั้น จะคนธรรมดาๆ หรือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็ล้วนมีอยู่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่แล้ว ก็เล่ากันว่าท่านไม่ยอมทิ้งอาสนะที่โยมแม่เย็บไว้ให้ทั้งๆ ที่มันเปื่อยเก่าแล้ว เมื่อมีผู้ไม่รู้จะนำไปทิ้ง ท่านก็ห้ามเอาไว้

ท่านวิโนพา ภาเว นักบุญและลูกศิษย์คนสำคัญของมหาตมะ คานธี เก็บส่าหรีของแม่ผู้จากไปไว้หนุนนอน จนกระทั่งตัวท่านแก่เฒ่าแล้ว ถึงได้ปล่อยให้ส่าหรีชิ้นนั้นลอยน้ำไป ในขณะที่ท่านลงอาบในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์

หลายต่อหลายคนเก็บผ้าถุง ของอื่นๆ หรือเก็บผมของแม่ไว้กับตัว

ผู้หญิงแทบทุกคนรักเส้นผมบนศีรษะ บำรุงเลี้ยงดูแลให้สวยงาม ผมบนหัวนั้นมีค่าทั้งในแง่ความงามและความเชื่อเช่นคนโบราณไว้ผมยาวสวยทัดดอกไม้ บางท่านว่าไว้บูชาพระธาตุบนหัวอย่างในตำนานพระอินทร์ขโมยพระทันตธาตุไว้ในมวยผม

บางท่านบอกว่าที่รักษาไว้ให้งามทัดดอกไม้ก็เพื่อบูชาผมหรือบูชา “ขวัญ” บนหัว ที่น่าจะเป็นขวัญที่สำคัญที่สุดในร่างกาย

แม่ๆ ชาวอินเดียหลายท่าน เลี้ยงผมไว้ยาวนาน ชโลมน้ำมันหอมบำรุง อบร่ำควันกำยาน ก็เพื่อวันหนึ่งจะได้เอาไปโกนถวายพระเป็นเจ้า “เวงกเฏศ” บนเขาติรุมาลาด้วยความภักดี ซึ่งเทวสถานก็จะนำไปทำเป็นวิกผมสำหรับคนป่วยต่อไป

ฉะนั้นแล้ว หากวันหนึ่งผมที่อยู่บนหัวของใครต้องถูกตัดทิ้งไป ถ้าไม่ใช่เพราะต้องบวชสละโลกหรือเผื่อทำกุศล คงเป็นความรู้สึกที่แสนเศร้าเหลือเกิน

 

ผมเล่าเรื่องส่วนตัวมานี้ เพราะเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา มีเรื่องซึ่งทำให้ผมเศร้าใจและทำให้นึกถึงเรื่องของแม่ตัวเองอีกครั้ง

วันนั้นคุณแม่สุ (สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์) คุณแม่ของพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักเคลื่อนไหวที่ถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 ซึ่งกำลังอดอาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรมภายในเรือนจำจนร่างกายย่ำแย่ คุณแม่สุจึงได้ทำการประท้วงเรียกร้องขอสิทธิการประกันตัวของเพนกวิน โดยโกนผมของตนเองที่ศาลอาญา รัชดาฯ

ผมนั่งดูไลฟ์อยู่พอดี พอเห็นน้องสาวของเพนกวินหยิบกรรไกรตัดผมของคุณแม่ แล้วกอดกันร้องไห้ ผมก็น้ำตาซึม

คุณแม่กล่าวว่า คุณแม่ไม่มีอำนาจหรืออาวุธที่จะไปต่อสู้ มีเพียงสิทธิเหนือร่างกายตนเอง ผู้หญิงทุกคนรักความสวย การโกนผมเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่ยุติธรรม

ผมเห็นภาพทั้งหมดนั้น เห็นคุณแม่ของเพนกวินที่รูปร่างคล้ายแม่ของตัวเอง รู้สึกว่าหากเส้นผมของคุณแม่ที่ผมรักต้องถูกโกนทิ้งไป ผมคงใจสลาย

 

บางคนเห็นเรื่องทั้งหมดเป็นละคร โยนความผิดว่าก็นี่ลูกทำตัวเอง แม่ทำตัวเอง เลิกอดซะก็สิ้นเรื่อง แถมที่เขาไม่ให้ประกันก็เพราะทำความผิดซ้ำซาก

คนพวกนี้ไม่ใช่แค่โง่ไม่รู้กฎหมายหรือหลักความยุติธรรม ทว่าบัดซบด้วย บัดซบที่ท่องขี้ปากไอโอหรือคนอื่นมาแบบนกแก้วนกขุนทอง บัดซบที่ใช้อคติมากกว่าสติปัญญา

ผมอาจพูดแรงไปมาก แต่หากรู้กฎหมายและหลักของมันบ้างจะรู้ว่าเขาให้ถือว่าตราบใดที่ยังไม่ตัดสินพิพากษา ให้สันนิษฐานว่าผู้ถูกร้องเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน และดังนั้น สิทธิการประกันตัวจึงเป็นสิทธิที่ควรได้รับสำหรับการต่อสู้คดี ที่จริงเพนกวินยังไม่เคยได้ประกันตัวแม้แต่ครั้งเดียว จะมาอ้างว่าปล่อยไปแล้วกลัวจะทำผิดซ้ำไม่ได้

ในขณะเดียวกันแกนนำ กปปส.ซึ่งมีคดีร้ายแรงกว่านั้น คือข้อหาล้มล้างการปกครอง แถมมีอีกหลายคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว กลับออกมาลอยหน้าลอยตาได้อย่างสบายใจ

ส่วนที่ว่าเพนกวินเลือกที่จะอดอาหารเองและแม่ก็เลือกที่จะโกนผมเอง ดังนั้น จะยุติเสียเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าพิจารณาดีๆ ก็จะเห็นว่าเพราะเพนกวินและแม่ของเขามีเพียงสิทธิอำนาจเหนือร่างกายตนเองเท่านั้นที่เหลืออยู่ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะใช้มันเพื่อการเรียกร้องต่อสู้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่บีบคั้น

สิ่งที่เพนกวินทำนั้น ไม่เพียงเป็นข้อเรียกร้องทางสิทธิส่วนตัว แต่เขายังได้ยืนยันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนเอง และพยายามปกป้องความเป็นมนุษย์ของเราทุกคนเอาไว้ด้วย หากเราสามารถรู้สึกถึงความอยุติธรรมหรือความไม่ปกติเช่นนี้ได้

อันที่จริงยังมีอีกหลายคนนะครับที่ชี้แจงเหตุผลได้ละเอียดลออกว่าผม แต่ก็นั่นแหละครับ ใจคนที่ปิดจะยอมอ่านหรือคิดอะไรได้หรือ

 

ถ้าติดตามข่าวมาโดยตลอด ในช่วงแรกๆ คุณแม่ของเพนกวินแทบจะไม่ได้ออกมาแสดงตัวหรือเรียกร้องทางการเมืองเลย เป็นเพียงคนที่คอยดูอยู่ห่างๆ แต่วันหนึ่งคุณแม่ต้องออกมาเรียกร้องเปิดหน้าเพราะลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม คิดโดยสามัญสำนึกก็จะเห็นได้เองว่า แม่บ้านธรรมดาๆ ต้องทุกข์ทนขนาดไหนถึงต้องออกมาทำขนาดนี้

แถมคุณแม่สุยังมีความรักและเห็นใจเผื่อแผ่มายังคนอื่นด้วยนะครับ คุณแม่บอกสื่อวันนั้นว่า ที่ประท้วงโกนผม อีกเหตุผลก็เพราะไม่อยากให้ครอบครัวอื่นได้รับความอยุติธรรมเช่นครอบครัวตนเองอีก แค่นี้ก็หยั่งทราบน้ำใจได้ถ้าไม่มืดบอดเกินไป

ขอให้มองเข้าไปในแววตาสีหน้าของคุณแม่ของเพนกวิน ของน้องสาวของเขาอีกครั้ง ถ้าคุณยังไม่รู้สึกรู้สมอะไร ผมคิดว่าต้องตั้งคำถามกับสามัญสำนึกของตัวเองแล้ว

อย่ามาพูดถึงการทำบุญกุศล การทำดี รักษาศีล ความดีงามอะไรต่างๆ มันเหม็นขี้ฟันครับ แค่ความรักปกติของแม่-ลูกยังไม่เข้าใจ ยังรู้สึกไม่ได้ จะไปเข้าใจคุณธรรมความดีงามอื่นๆ ได้อย่างไร

หากไม่มีความรักและมนุษยธรรม ทุกสิ่งที่ทำก็จะเป็นเพียงรูปแบบพิธีกรรมที่ปราศจากเนื้อหาสาระ ถ้าไม่เป็นมนุษย์ที่ดีก่อน คุณจะเป็นศาสนิกที่ดีได้ยังไง

 

สําหรับตัวผมเองแล้ว เส้นผมของแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์กว่าพระเกศาธาตุที่ไหนๆ ผมของแม่คือสายใยความรักที่ผมระลึกนึกถึง หวนไห้อาลัยหา ศรัทธากราบไหว้ อยากอยู่ชิดใกล้

ขอให้เส้นผมของคุณแม่สุ ซึ่งที่จริงแล้วถูกความอยุติธรรมตัดออกไป เมื่อปลิดปลิวลงบนพื้นศาลแห่งนั้น ให้กลายเป็นดอกไม้เบ่งบานในใจผองชน และเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความรักที่แม่มีต่อลูก

ทั้งยังขอให้หลอกหลอนต่อมโนธรรมสำนึกของผู้เกี่ยวข้องกับความอยุติธรรมทุกคนไปอีกนานแสนนาน

ขอความรักของแม่มีชัยเหนือเผด็จการ

และความอยุติธรรมทุกอย่าง