ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | หนึ่งคำถามล้านคำตอบ |
เผยแพร่ |
1คุณตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน
สภาพแวดล้อมของเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เราไม่ได้ตื่นขึ้นมาในบ้านหรือห้องสี่เหลี่ยมที่มีผนังสี่ด้านเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ทุกเช้าเราถูกหุ้มห่อด้วยตัวหนังสือมากมายที่ก่อร่างสร้างโลกของเราขึ้นมา หลายคนฉวยโทรศัพท์เป็นสิ่งแรก ก่อนแปรงสีฟัน รูดหน้าจอขึ้นลงเพื่ออ่านข่าวสารและสเตตัสของเพื่อนฝูงในเฟซบุ๊ก เราถูกแวดล้อมด้วยตัวหนังสือ เป็นตัวหนังสือที่พูดถึงตัวเอง พร่ำบ่น ก่นด่า ดราม่า ความคิด ความคิด และความคิด
นั่นคือโลกที่แวดล้อมตัวเรา
เราเสพตัวหนังสือแกล้มกาแฟยามเช้า แกล้มข้าวยามบ่าย เป็นกับข้าวยามเย็น และเห็นมันเป็นอย่างสุดท้ายก่อนนอน
ตัวหนังสือ ตัวหนังสือ ตัวหนังสือ
อารมณ์ อารมณ์ อารมณ์
ความคิด ความคิด ความคิด
โลกของเราแวดล้อมไปด้วยสิ่งเหล่านี้ สัญลักษณ์นามธรรมที่สร้างความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาผ่านความหมาย เราสัมผัสโลกที่เป็นจริงน้อยลง บ้างน้อยลงมาก บ้างน้อยลงเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทำให้เราสัมผัสโลกจริงน้อยลงแน่ๆ
เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนให้ว้าวุ่น
เรามองมันเป็นสิ่งนอกกาย มองว่ามันอยู่บนหน้าจอ แต่อันที่จริง มันถูกดูดซึมเข้ามาอยู่ในร่างกายของเรา ในจิตใจของเรา เป็นเนื้อเดียวกันกับตัวตนของเรา มากขึ้นทุกวัน
2เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกผมว่า เวลาเราฟังคลื่นวิทยุที่ไม่ชอบใจ เราจะบิดคลื่นหนี แต่ทุกวันนี้ เราเอาตัวเองเข้าไปจมจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบใจเนิ่นนาน รับมันเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมหลักของชีวิต นั่นคือการอ่านข้อความมากมายในโลกโซเชียล
ข้อความเหล่านั้นค่อยๆ เปลี่ยนเรา
เพื่อนยังเปรียบเทียบอีกว่า บนถนนเส้นเดียวกัน ถ้ามีคนขับรถอารมณ์ร้อนชอบก่นด่าคนอื่น หากเรานั่งอยู่บนรถคันเดียวกับเขา กว่าจะถึงจุดหมาย อารมณ์ขุ่นข้องของเขาคงแปดเปื้อนเรา พาให้เราอารมณ์ขุ่นมัวไปด้วย แต่ถ้าเราอยู่บนรถคนละคัน ไม่ได้เปิดกระจกไปรับฟังเสียงด่าของเขา เสียงนั้นก็จะไม่หลุดเข้ามาอยู่ในโลกของเรา และไม่มีผลอะไรต่อจิตใจ
เราเลือกได้ว่าจะรับสิ่งไหนเข้าสู่ชีวิต
3เพื่อนสาวคนหนึ่งเสพติดการเล่นโซเชียลมีเดียมาก เงยหน้าขึ้นมองเธอ โอกาสเจอเธอมือว่างๆ นั้นเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์กับตอนรูดมือถือน่าจะประมาณ 5 ต่อ 95%
โลกของเธอมิได้แวดล้อมด้วยต้นไม้ ใบหญ้า ก้อนเมฆ อาคาร และมลพิษ แต่แวดล้อมไปด้วยตัวหนังสือ เธอบอกกับผมว่าบางวันก็ปวดหัว แต่ก็กลัวตกข่าว พอเล่นบ่อยก็ติดเป็นนิสัย วางไม่ได้ ทิ้งไม่ลง
เธอกลายเป็นคนที่คิดเก่ง คิดเยอะ ช่างคิดวิเคราะห์
ใช่, เธอกลายเป็นนักคิด
ตัวหนังสือไหลเข้าไปในตัวเธอมากจนล้น ทำให้เธอต้องขับมันออกมาทางสเตตัสและช่องคอมเมนต์เช่นกัน
เราบริโภคสิ่งใด เราก็กลายเป็นสิ่งนั้น
เราใส่อะไรเข้าไป สิ่งนั้นก็จะไหลออกมา
4ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า กิจกรรมที่นิยมทำในวันนี้คือการนั่งมองธรรมชาติ เขาบอกว่าในธรรมชาตินั้นมีความไร้เดียงสาอยู่ การนั่งมองนก ปลา กระรอก ต้นไม้ แล้วปล่อยตัวเองให้ซึมซับความสุขของพวกมันทำให้สัมผัสได้ถึงพลังบวก
เราไม่ค่อยนั่งมองความสุขของสิ่งต่างๆ
เราเอาแต่คิดและคิดและคิด
หากลองนั่งนิ่งๆ แล้วมองสัตว์ ต้นไม้ สิ่งที่ไม่ประดิดประดอย เราจะสัมผัสได้ถึงความสุขในบางช่วงเวลาของพวกมัน ทำใจให้ว่าง แล้วปล่อยให้ความสุขเหล่านั้นไหลเข้ามาอยู่ในตัวเรา
ข้างนอกสู่ข้างใน
แล้วข้างในจะไหลไปสู่ข้างนอก
เมื่อเรามีความสุข ความสุขนั้นก็จะเอ่อล้นออกไปให้ผู้อื่นสัมผัสได้
ที่จริงแล้วไม่มีเส้นแบ่งระหว่างตัวเรากับสภาพแวดล้อม สิ่งที่รายล้อมรอบตัวเราไหลเข้าไปอยู่ในตัวเราเสมอ ไม่ว่าเราจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ไม่มีข้างนอก ไม่มีข้างใน
ทั้งหมดล้วนเป็นเนื้อเดียวกัน
เราอยากมีภาวะภายในแบบใด ต้องจัดสรรภาวะภายนอกให้ดี เพราะเส้นแบ่งนั้นเป็นเรื่องสมมุติ
หากนำตัวเองไปอยู่ในสภาวะที่เต็มไปด้วยมลพิษ ร่างกาย ความคิด และจิตใจก็ย่อมขุ่นมัวไปตามกัน แต่ถ้านำตัวเองไปซึมซับความสุขของสรรพสิ่ง ภายในของเราก็จะได้สัมผัสสิ่งนั้นเช่นกัน
คุณตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน
คุณใช้ชีวิตตลอดทั้งวันในสภาพแวดล้อมแบบไหน
สภาพแวดล้อมแบบไหนที่จะส่งสิ่งดีๆ ไหลเข้าไปอยู่ในตัวคุณ
การเลือกสภาพแวดล้อมคือการสร้างชีวิตของเรา