หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม งัด หลวงพี่น้ำฝนโมเดล

จัดทนายความฟรี ทวงสิทธิ ที่ดินวัดทั่วประเทศ

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง กรณีปัญหาเรื่องการจัดประโยชน์ที่ดินวัด พร้อมจัดทนายให้ความรู้และว่าความฟรี สำหรับวัดที่เกิดปัญหาไม่สามารถนำที่ดินของวัดมาใช้ประโยชน์ในพระพุทธศาสนาได้

ในที่ประชุมของคณะพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ของคณะสงฆ์อำเภอเมืองนครปฐม ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ.2561 ณ อาคารปฏิบัติธรรมจารุโก วัดพะเนียงแตก อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งมี พระครูพิศาลสาธุวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เป็นประธาน ได้มีการนำวาระต่าง ๆเพื่อเข้าประชุมหารือในคณะสงฆ์ เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารงานให้เกิดเป็นมติในการบริหารงานในคณะสงฆ์ตามลำดับชั้น นำไปสู่การสร้างรากฐานให้พระพุทธศาสนาเป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนสืบต่อไป

เรื่องหนึ่งซึ่งในที่ประชุมได้ให้ความสนใจ เป็นในเรื่องของ การจัดการประโยชน์ที่ดินของวัด ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่หลายวัดไม่ใช้เพียงในเขตอำเภอเมืองนครปฐมต้องประสบ แต่หากเป็นปัญหาเรื้อรังที่วัดต่าง ๆทั่วประเทศกำลังประสบปัญหา และไม่สามารถนำที่ดิน หรือธรณีสงฆ์ กลับมาบริหารจัดการเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นเรื่องที่สร้างความขัดแย้งกับชาวบ้านที่ได้มาอาศัยเช่าที่ดินวัดในการอยู่อาศัย กับวัดและเจ้าอาว่า จนทุกวันนี้แทบจะทุกวัดที่เกิดปัญหานี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ที่สำคัญเมื่อสังคมเปลี่ยนไป ที่ดินวัด หรือธรณีสงฆ์ กลับถูกนายทุน หรือผู้เช่าที่ดินวัดหัวใส นำไปปล่อยเช่าช่วงหรือนำไปประกอบธุรกิจ นำผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองแม้วัดจะทัดทานขอคืนในที่ดินเพื่อจะมาทำเป็นศาสนสถาน ในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆแต่กลับถูกร้องเรียนว่าเป็นการกลั่นแกล้งชาวบ้าน ที่อาศัยใบบุญของวัด

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม เผยประสบการณ์ เรื่องการจัดประโยชน์ที่ดินวัด ในที่ประชุม โดยใช้หัวข้อ หลวงพี่น้ำฝนโมเดล เป็นประสบการณ์ตรงกรณีข้อพิพาทของวัดไผ่ล้อม กับ ชาวบ้านที่เช่าอาศัยอยู่บริเวณที่ดินของวัดซึ่งมีการถกเถียงกันมายาวนาน แม้วัดไผ่ล้อมจะบอกล่วงหน้ากับผู้เช่าที่ดินถึง 5 ปี และยังได้ให้ค่ารื้อถอน รายละ 2-3 หมื่นบาท แต่เมื่อถึงช่วงของการให้ย้ายออกกลับเพิกเฉย บางรายเรียกร้องเงินค่ารื้อถอนหลายแสนบาท และมุ่งหน้าเข้าร้องเรียนหลายหน่วยงานว่าถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าอาวาส

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยอีกว่า สุดท้ายเมื่อมีการชี้แจง ทุกอย่างอย่างกระจ่าง และมีการตั้งคณะงานร่วมกับสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม นายอำเภอเมือง

นครปฐม วัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ถูกร้องเรียนจึงกระจ่าง และสุดท้ายการแก้ปัญหาคือความจริงใจที่จะพัฒนาวัด ส่งเสริมเผยแพร่พระพุทธศาสนา แต่ต้องมีทีมกฎหมายที่แข็งแกร่ง โดยนับจากนี้ ได้มีการจัดทนายความที่พร้อมจะให้ความรู้ และว่าความให้เกี่ยวกับกรณีการจัดประโยชน์ที่ดินวัด ฟรีสำหรับวัดทั่วประเทศ เพราะรู้ดีว่านี่คือปัญหาที่แทบทุกวัด กำลังประสบปัญหาอยู่ในตอนนี้

ด้าน นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ ในฐานะนายกสมาคมไวยวัจกรณ์วัดแห่งประเทศไทย เผยว่า สำหรับปัญหาเกี่ยวกับ การจัดประโยชน์ที่ดินวัด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาหลายแห่ง ซึ่งตนเองในฐานที่เป็นทนายความที่ได้มีประสบการณ์ในการว่าความในคดีข้อพิพาทของวัดไผ่ล้อม พบว่าเดิมวัดนั้นอยู่ตคู่กับชุมชน และผูกพันกับชาวบ้านรอบวัดมานานจนแยกไม่ออก และหลายแห่งมีการเช้าที่ดินวัดไม่เกินปีละ 300-500 บาทเท่านั้น แต่ก็มีหลายคนเข้าใจว่าเป็นกรรมสิทธ์ที่เป็นการผูกมัดกับตนเอง และมีสิทธิทุกอย่าง เมื่อสังคมเปลี่ยนไป บางคนกลับนำที่ดินไปให้นักลงทุนไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ากระเป๋าตัวเอง บางส่วนปล่อยให้เช่าช่วงต่อและคิดค่าเช่าเดือนละหลายหมื่นบาท เรียกว่าเป็นการใช้ประโยชน์ผิดประเภท

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพิพาทกันมานานหลายแห่ง และวัดหลายวัดก็ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เป็นปัญหายืดเยื้อเพราะไม่รู้กฎหมาย หรือบางทีก็ถูกนายทุน นั้นอ้างข้อกฎหมายที่ไม่ถูกต้องกดดันเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสก็ไม่อยากมีปัญหากับชุมชน คนบางกลุ่มจึงแสวงหาผลประโยชน์แม้วัดจะพยายามหาทางนำที่ดิน ธรณีสงฆ์มาเพื่อการพัฒนาวัด ส่งเสริมพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งตอนนี้ ตนเองพร้อมที่จะช่วยเหลือสำหรับวัดที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าว โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยมีวัดไผ่ล้อมเป็นโมเดล ที่ได้ดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมาแล้ว

สำหรับวัดใดที่ต้องการสอบถามปัญหา หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถ โทรสอบถามได้ที่ 085-4156464 , 061-7826264 , 061-7826462 หรือ www.watpailom.org โดยไมเสียค่าใช้จ่าย