เผยแพร่ |
---|
อาการปวดคอเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เราต้องใช้เวลามากกับการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ การก้มมองจอโทรศัพท์ หรือแม้แต่การนั่งทำงานนานๆ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าอาการปวดคอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ “Office Syndrome” แต่แท้จริงแล้ว อาการปวดคอสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่านั้น
หากเราไม่ใส่ใจและปล่อยให้อาการปวดคอกลายเป็นเรื่องปกติ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงในระยะยาวได้ การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการปวดคอเรื้อรัง
ปวดคอเกิดจากอะไรได้บ้าง
อาการปวดคออาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสาเหตุทั่วไปและสาเหตุเฉพาะได้ ดังนี้
สาเหตุทั่วไปของอาการปวดคอ
กล้ามเนื้อตึงหรือเกร็ง (Muscle Strain)
การใช้งานกล้ามเนื้อคอมากเกินไป เช่น การนั่งทำงานนานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ การออกกำลังกายที่ไม่ถูกวิธี หรือการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ล้วนทำให้กล้ามเนื้อคอตึงและปวดได้
กระดูกคอเสื่อม (Cervical Spondylosis)
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนในบริเวณคอ ส่วนมากพบในผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในวัยกลางคนที่มีพฤติกรรมที่ทำให้กระดูกคอรับแรงมากเกินไป จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดคอ
สาเหตุปวดคอที่นอกเหนือจาก Office Syndrome
ท่าทางที่ไม่เหมาะสม (Poor Posture)
การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้เกิดอาการปวดคอได้ เช่น ก้มมองโทรศัพท์ตลอดเวลา ทำให้คอต้องรองรับน้ำหนักมากขึ้น
การบาดเจ็บ (Injury)
การกระแทกหรืออุบัติเหตุ เช่น การหกล้ม หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่ทำให้กระดูกคอหรือกล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย
ความเครียด (Stress)
สภาพจิตใจที่ตึงเครียด อาจทำให้กล้ามเนื้อคอและบ่าตึงตัวโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดอาการปวดคอได้
เดี๋ยวนี้ คนอายุน้อยก็ปวดคอกันแล้ว!
ปัจจุบัน อาการปวดคอไม่ใช่ปัญหาของผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียว แต่ยังพบได้บ่อยในคนอายุน้อย โดยเฉพาะวัยทำงานและวัยรุ่น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป หรือแม้แต่การนอนดูซีรีส์บนเตียงเป็นเวลานาน
มีรายงานจากหลายงานวิจัยที่ระบุว่า คนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมเหล่านี้มีความเสี่ยงต่ออาการปวดคอเรื้อรังมากขึ้น ทำให้ควรใส่ใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว
ปวดคอ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านระงับปวดได้
แม้ว่าอาการปวดคอส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ แต่ก็มีบางกรณีที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เช่น
● ปวดรุนแรงและต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์
● มีอาการชา อ่อนแรง หรือสูญเสียการเคลื่อนไหว
● มีไข้ร่วมกับอาการปวดคอ
● ปวดร้าวลงแขนหรือมือ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางด้านระงับปวด เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
การรักษาอาการปวดคอให้ได้ผลดี ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลเฉพาะทางที่รักษาด้านระงับปวด เนื่องจากอาการปวดคอบางประเภทอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของเส้นประสาท กล้ามเนื้อ หรือโครงสร้างกระดูก ซึ่งต้องใช้เทคนิคการรักษาที่เฉพาะเจาะจง รวมถึงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่อยู่ในโรงพยาบาลเฉพาะทางเหล่านี้ การรักษาโดยแพทย์ในโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถรักษาอาการปวดคอได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านระงับปวดเริ่มเป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้น เช่น โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ เป็นต้น
วิธีการรักษาอาการปวดคอแบบคร่าวๆ
การใช้ยา
เช่น ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาอาการในระยะสั้น
กายภาพบำบัด
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอและบ่า สามารถลดอาการปวดคอได้ในระยะยาวอีกด้วย
การฉีดยาและผ่าตัด (กรณีจำเป็น)
การฉีดยาระงับปวดหรือการผ่าตัด อาจจำเป็นในกรณีที่อาการปวดคอรุนแรงขึ้นหรือดื้อยา ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่นๆ
การดูแลสุขภาพคอและการป้องกันอาการปวดคอในระยะยาว
1. บริหารกล้ามเนื้อคอ
ฝึกท่ายืดกล้ามเนื้อและออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรง
2. ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
● ปรับท่านั่งและการใช้งานอุปกรณ์ให้เหมาะสม
● หลีกเลี่ยงการก้มมองจอเป็นเวลานาน
● เลือกหมอนที่รองรับคอได้ดี
3. จัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน
● ใช้เก้าอี้ที่รองรับแผ่นหลังและคอ ปรับระดับจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
อาการปวดคอไม่ใช่แค่ Office Syndrome แต่สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย การดูแลสุขภาพคออย่างถูกวิธีและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการปวดคอเรื้อรังได้ หากอาการยังคงอยู่หรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจและไร้ความเจ็บปวด •