เผยแพร่ |
---|
ร้านหม่าล่าที่ดีที่สุดในไทย ณ ขณะนี้ ต้องยกให้ร้าน Shu Daxia เป็นที่หนึ่ง อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่า ร้านนี้ อลังการแค่ไหน ทั้งเรื่องการแต่งร้านแบบจีนย้อนยุค การแสดงพิเศษ แสงสีเสียงจัดเต็ม และยังมีรสชาติต้นตำรับที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน ถูกใจคนไทยเป็นพิเศษ
บทความนี้ อยากจะแนะนำ เมนูเด็ดของร้าน Shu Daxia ที่ไม่ควรพลาด เป็นเมนูจากหม่าล่าทั้งหมด ทุกท่านจะได้เห็นถึงความหลากหลายในเมนูหม่าล่า ที่ไม่ได้มีแค่หม้อไฟเท่านั้น รับรองว่าอร่อยเด็ด เผ็ดจัดจ้านแน่นอน จะมีเมนูอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. หม่าล่าหม้อไฟ (หั่วกัว)
หม่าล่าหม้อไฟ ต้นตำรับจากเฉิงตู น้ำซุปเข้มข้น รสชาติเผ็ดร้อน ที่ได้จากพริกฮวาเจียว ส่วนผสมสำคัญของการทำน้ำซุป และ เพิ่มความกลมกล่อมยิ่งขึ้น เมื่อนำ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ และ ผักต่างๆ ลงไปต้มในซุปเดือดๆ ทำให้เครื่องเทศและรสชาติของซุปซึมเข้าในวัตถุดิบ เป็นเมนูที่อร่อย และ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าพันปี
2. ซาวข่าว (หม่าล่าปิ้งย่าง)
คนไทยเราจะคุ้นเคยกับหม่าล่าแบบปิ้งย่างกันมากกว่า และได้รับความนิยมมากจนกลายเป็นเมนูที่หาทานได้ง่าย อร่อย ทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ ฟินสุดๆ วิธีการปรุงคือการนำเนื้อสัตว์อย่างหมู ไก่ เนื้อวัว ทะเล หรือ ผักหลากชนิด มาเสียบไม้ แล้วหมักด้วยหม่าล่าเข้มข้น นำมาย่างไฟ และโรยผงพริกฮวาเจียว หรือพริกหม่าล่าลงไป ให้กลิ่นและรสชาติลงตัวสุดๆ
3. หม่าล่าเซียงกัว (หม้อไฟแห้งเสฉวน)
เมนูหม้อไฟแห้ง เป็นอีกเมนูที่อยากแนะนำ เมนูนี้ได้จากการนำเนื้อสัตว์ เครื่องเคียง พืชผักหลากชนิด นำมาผัดด้วยน้ำมันหอม 5 ชนิด และเครื่องปรุงของจีน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พริกแกงเสฉวน เมล็ดฮวาเจียว พริกแห้ง พริกไทย เกลือป่น ซีอิ๊ว และ งาขาว
4. หม่าโผโต้วฝุ (เต้าหู้ผัดซอสเสฉวน)
เมนูนี้หน้าตาน่าทานมาก และไม่เผ็ดจนเกินไปด้วย ใครชอบรสเผ็ดกลางๆ นุ่มๆเคี้ยวง่าย ต้องลองเมนูนี้เลย หม่าโผโต้วฝุ เป็นการนำเต้าหู้ขาว มาผัดเข้ากับหอมหัวใหญ่ ขิง และ หมูสับ ใส่ซอสถั่วหมัก และ หม่าล่าเข้มข้นลงไป จะได้สัมผัสที่นุ่มลิ้ม ประกอบกับรสเผ็ดที่เป็นเอกลักษณ์ของหม่าล่า เป็นความลงตัวที่อธิบายได้ยาก ต้องลองเองถึงจะรู้
บทสรุป
นอกจากหม่าล่าหม้อไฟ (หั่วกัว) ที่โด่งดังที่สุดของ Shu Daxia ร้านหม่าล่า อันดับหนึ่งในไทย ยังมีเมนูอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังที่เราได้ยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้อีกสามเนมูจากหม่าล่า ได้แก่ ซาวข่าว หม่าล่าเซียงกัว และ หม่าโผโต้วฝุ ซึ่งแต่ละเมนูก็มีกรรมวิธีที่แตกต่างกัน แต่ยังคงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของหม่าล่าเอาไว้ได้อย่างลงตัว หากท่านใดมีโอกาสได้ไปลองทานดู รับรองว่าจะต้องติดใจ และ กลับมาทานซ้ำอีกแน่นอน •