จังหวัดกระบี่ จัดพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 44 ฉบับพระราชทาน ให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ มุ่งมั่นสนองพระราชปณิธาน สร้างโอกาสให้เด็กเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้

จังหวัดกระบี่ จัดพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 44 ฉบับพระราชทาน ให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ มุ่งมั่นสนองพระราชปณิธาน สร้างโอกาสให้เด็กเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ และนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต

วันนี้ (11 ก.ย. 67) นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดกระบี่ ได้จัดพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่ม 44 ฉบับพระราชทาน ให้แก่โรงเรียนที่ได้รับพระราชทานฯ จำนวน 61 แห่ง เพื่อใช้ในการศึกษา โดยมี คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมเหลืองกระบี่ ชั้น 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่

นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 จำนวน 9,287 เล่ม เพื่อมอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เชิญไปมอบให้กับสถานศึกษาในพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์ในการศึกษา ซึ่งเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ทุกจังหวัดได้ร่วมพิธีรับมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ณ ห้องจูปิเตอร์ 12 อาคารชาเลนเจอร์ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีรับมอบหนังสือฯ

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ที่แตกต่างกันตามหมวดสาขาวิชาต่าง ๆ ให้นักวิชาการ ผู้รู้ ช่วยกันเรียบเรียงในภาษาที่ง่าย เผยแพร่ไปสู่เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ในทุกจังหวัด ทำให้ทั้งผู้ปกครอง ครู อาจารย์ เด็ก และเยาวชน ได้มีโอกาสในการที่จะแสวงหาองค์ความรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการที่จะทำให้เด็กสามารถเติบใหญ่ และทำให้ผู้ใหญ่สามารถแนะนำลูกหลาน ให้มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และที่สำคัญที่สุด ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำสารานุกรมในรูปแบบ E-Book ด้วย อันจะยิ่งทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ในสารานุกรมสามารถแพร่กระจายไปสู่ประชาชนทุกวัยได้โดยง่าย” นายสมชายฯ กล่าว

นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต่ออีกว่า หนังสือชุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีพระราชประสงค์จะให้มีหนังสือที่รวบรวมความรู้แขนงต่าง ๆ เพื่อให้พสกนิกรได้มีโอกาสอ่านและศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการในปี พุทธศักราช 2511 โดย พลโท พระยาศัลวิธานนิเทศ รับสนองพระราชประสงค์เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยได้รับพระราชทานเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นทุนในการจัดทำและได้ดำเนินงานมาจนถึง พุทธศักราช 2562 และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เปลี่ยนสถานะเป็นมูลนิธิ โดยใช้ชื่อว่า “มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เงินและทรัพย์สินของโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เป็นทุนเริ่มแรก ในการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ โดยให้ใช้ที่ทำการของโครงการฯ ที่สนามเสือป่า สำนักพระราชวัง เป็นสำนักงานของมูลนิธิ ต่อไป ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ที่ปรึกษา และมีนายแพทย์ เกษม วัฒนชัย เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ

“หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทาน” เล่มนี้ มีสาระที่น่าสนใจรวม 8 เรื่อง ได้แก่ 1. ลิเกป่า (แขกแดง) มีเนื้อหาว่าเป็นการอธิบายถึงการแสดงพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวไทยมุสลิมในชนบทภาคใต้ที่เชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาวอาหรับ หรือ “แขกเจ้าเซ็น” และเกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าด้วยกัน 2. กลุ่มชาติพันธุ์ม้งมีเนื้อหาว่าม้งเป็นชื่อที่กลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ภาคเหนือของเมียนมา ลาว เวียดนาม และไทย ที่มีอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์เชื่อมต่อกันทำให้มีวัฒนธรรมประเพณีบรรทัดฐานภาษาและความเชื่อในแนวเดียวกัน 3. วิทยาศาสตร์การกีฬา มีเนื้อหาว่า เป็นการอธิบายถึงวิทยาศาสตร์ประยุกต์โดยนำหลักวิชาการต่าง ๆ เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยาและการออกกำลังกาย การแพทย์ โภชนาการ จิตวิทยา วิทยาศาสตร์การเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นต้น นำมาประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย การฝึกซ้อมกีฬา และแข่งขันกีฬา ตลอดจนการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างเป็นขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอ 4. โลมาสีชมพู มีเนื้อหาว่า เป็นโลมาที่อาศัยอยู่ในทะเลตามแนวชายฝั่ง พบบ่อยที่ชายทะเลภาคใต้ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยโลมาชนิดนี้ตอนอายุน้อยจะมีสีเทาเหมือนโลมาทั่วไป แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพูเกือบตลอดทั้งตัวซึ่งสามารถเป็นเครื่องชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทยได้เป็นอย่างดี 5. แมลงทับ มีเนื้อหาว่า เป็นแมลงประเภทด้วงตัวโต มีปีกสีเขียวมรกตเหลือบทองแดงเป็นประกายแวววาวซึ่งในประเทศไทยแมลงทับ ได้รับการจัดแบ่งเป็นสองชนิดที่สามารถพบได้ โดยจะมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ สี หนวด ขา คือ แมลงทับขาแดง พบมากในบริเวณป่าเต็งรังทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนแมลงทับขาเขียว พบอยู่ทั่วประเทศและพบมากในภาคกลาง 6. ทราย มีเนื้อหาว่า เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทั่วไป เป็นสสารแบบเม็ด เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากหินที่ถูกย่อยเป็นเม็ดละเอียด และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณ คือ ประเพณีการขนทรายเข้าวัดและการก่อพระเจดีย์ทรายในวันสงกรานต์ ถือเป็นการทำบุญโดยที่วัดจะนำทรายเหล่านี้มาใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมถาวรวัตถุต่าง ๆ 7. คณิตศาสตร์ในธรรมชาติ มีเนื้อหาว่า ทุกสิ่งรอบตัวเราและทุกเรื่องราวล้วนเชื่อมโยงกับคณิตศาสตร์รวมทั้งเรื่องราวต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่น พืช ต้นไม้ สัตว์ สิ่งของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติที่อยู่ในท้องฟ้า ในทะเล แม่น้ำ เป็นต้น ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์และสร้างแบบจำลอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการอธิบายและทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ได้ 8. โรคมือเท้าปาก มีเนื้อหาอธิบายว่า เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสพบบ่อยในเด็กเล็กซึ่งการติดต่อค่อนข้างง่ายผ่านทางการสัมผัสสารคัดหลั่งเช่นน้ำลาย หรือ อุจจาระของผู้ป่วย หรือ ของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อโรค การระบาดมักเกิดเฉพาะฤดูฝน หรือ ช่วงที่มีอากาศเย็นและชื้นมากเกินไป โดยศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล เป็นองค์กรสำคัญที่มักจะได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว ดังนั้น เราควรศึกษาให้ความสำคัญและเพื่อส่งต่อความรู้จักกับโรคเหล่านี้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาของโรคและดูแลไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้” นายสมชายฯ กล่าวในช่วงท้าย