เผยแพร่ |
---|
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในกลยุทธ์ที่นักลงทุนหลายคนใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดหุ้น คือการ สวิงเทรด (Swing Trading) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งหวังการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลาง
สวิงเทรดคืออะไร?
สวิงเทรด (Swing Trading) เป็นวิธีการเทรดหุ้นที่เน้นการจับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการเทรดในวันเดียว (Day Trading) ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะมองหาจุดที่ราคาหุ้นมีโอกาสจะกลับตัวหรือเปลี่ยนแปลงทิศทาง โดยถือครองหุ้นไว้ในช่วงเวลาไม่เกินสองสามวันถึงสองสามสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลานั้น
ทำไมถึงควรเลือกสวิงเทรด?
การเลือกสวิงเทรดมีข้อดีหลายประการสำหรับนักลงทุน ดังนี้:
1. ไม่ต้องใช้เวลาติดตามตลาดตลอดเวลา: เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูราคาหุ้นทุกนาทีเหมือนกับการเทรดในวันเดียว นักลงทุนสามารถใช้เวลาในการวิเคราะห์กราฟและข้อมูลเพื่อหาจุดเข้าและจุดออกที่ดี
2. โอกาสทำกำไรสูงในระยะสั้น: ด้วยการมองหาจังหวะที่ราคาหุ้นกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง สวิงเทรดช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยไม่ต้องถือครองหุ้นเป็นเวลานาน
3. ลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะยาว: การถือครองหุ้นในระยะสั้นสามารถลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงระยะยาวในตลาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน
ขั้นตอนพื้นฐานในการสวิงเทรด
สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นการสวิงเทรด สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
1. ศึกษาและทำความเข้าใจกราฟราคาหุ้น: การวิเคราะห์กราฟเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสวิงเทรดเดอร์ ควรเรียนรู้การอ่านกราฟแท่งเทียน การหาจุดแนวรับและแนวต้าน รวมถึงการใช้เครื่องมือเชิงเทคนิคอื่น ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) และดัชนีชี้วัดความผันผวน (Volatility Indicators)
2. หาจังหวะเข้าซื้อและขายออกที่เหมาะสม: สวิงเทรดเดอร์มักจะหาจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นลดลงมาใกล้กับแนวรับ และขายออกเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปใกล้กับแนวต้าน
3. บริหารความเสี่ยง: การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และการตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการสูญเสียเกินความจำเป็น ควรตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ระดับราคาที่หากถึงจุดนั้น จะยอมขายหุ้นเพื่อป้องกันการขาดทุนที่เพิ่มขึ้น
4. ติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน: แม้ว่าสวิงเทรดจะเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก แต่การติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรืออุตสาหกรรมที่คุณเทรดก็สำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
เครื่องมือที่ควรใช้ในการสวิงเทรด
การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้ นี่คือเครื่องมือสำคัญที่ควรพิจารณา:
1. กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts): ช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และการหาสัญญาณกลับตัวของราคา
2. เครื่องมือ Fibonacci Retracement: ใช้ในการหาจุดกลับตัวที่เป็นไปได้ของราคาหุ้น โดยการวัดแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
3. ดัชนี RSI (Relative Strength Index): เป็นตัวชี้วัดว่าหุ้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป ซึ่งช่วยในการตัดสินใจเรื่องจุดเข้าและออก
4. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ช่วยในการหาทิศทางแนวโน้มของราคาและจุดตัดสินใจในการเทรด
ตัวอย่างของกลยุทธ์สวิงเทรด
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้บ่อยในการสวิงเทรดคือการใช้ Moving Average Crossover ซึ่งเป็นการดูว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาหุ้นที่สั้นกว่า (เช่น 10 วัน) ตัดผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ยาวกว่า (เช่น 50 วัน) ขึ้นไป ซึ่งเป็นสัญญาณการซื้อ และในทางกลับกัน หากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สั้นกว่าตัดผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยาวกว่าลงมา ถือเป็นสัญญาณการขาย
สวิงเทรดเหมาะกับใคร?
สวิงเทรดเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดเวลาเหมือน Day Trader อย่างไรก็ตาม สวิงเทรดเดอร์ต้องมีวินัยและความรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่ดี
สรุป
การสวิงเทรดเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนสามารถใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดหุ้นในระยะสั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่ไร้ความเสี่ยง แต่ด้วยการวางแผนและการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม สามารถช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเรียนรู้และฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในสวิงเทรด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นเทรดหุ้นด้วยวิธีนี้ •