เผยแพร่ |
---|
“ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ” นายกสมาคมเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะไทย หนุนยกระดับการแพทย์แผนไทยสู่นานาชาติ แนะประชาสัมพันธ์พืชสมุนไพรไทย สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ผู้อำนวยการสายบริหารการสื่อสารและพัฒนาสุขภาพสัมพันธ์องค์กร โรงพยาบาลพญาไท ในฐานะนายกสมาคมเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะไทย เปิดเผยถึงการจัดงาน H.E.A.T. International Congress 2024 Wellness Management งานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้าน Health and Wellness ซึ่งจัดโดยบริษัท เฮลท์ เอดูเคชั่น แอนด์ อคาเดมิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ในวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพมหานคร ว่า งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติมาร่วมบรรยายในหัวข้อการแพทย์แผนไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย การชะลอวัย และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก และทุกคนได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะการแพทย์แผนไทยมีจุดเด่นในเรื่องสมุนไพร อีกทั้งประเทศไทยยังเต็มไปด้วยสมุนไพรดีๆ ที่มีคุณประโยชน์หลากหลายชนิด เพียงแต่ว่าอาจจะนำมาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
ทั้งนี้การแพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาไทยที่ยังประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วโลกได้ทราบไม่เพียงพอ ภาครัฐและภาคเอกชนควรให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะภาครัฐควรสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้และนำเสนอในเวทีนานาชาติ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการ ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชนได้มีความร่วมมือกับสมาคมสปาต่าง ๆ อยู่แล้ว มีสถานบริการทางด้านสุขภาพที่มาร่วมประชุมด้วย ตนจึงหวังว่าถ้าการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ภูมิปัญญาไทยจะมีการขยายตัวต่อไปเรื่อยๆ
“การจัดงาน H.E.A.T. International Congress 2024 Wellness Management แต่ละปีจะมีธีมที่ไม่เหมือนกัน โดยปีนี้เป็นธีมเรื่องการดูแลสุขภาพ และการมีสุขภาพดี หลายท่านมีการทำงานวิจัยที่เกี่ยวกับการดูแลให้สุขภาพดีขึ้น และวางแผนพัฒนาการแพทย์เพื่อให้มีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดี ส่วนงาน H.E.A.T.ในปีหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด” นายกสมาคมเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะไทย กล่าว
นอกจากนี้ ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสไปประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีอุณหภูมิบางช่วงติดลบถึง 25 องศา ซึ่งถือว่าอากาศหนาวมาก ทำให้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานมักเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทย ปีหนึ่งๆ กว่า 1 แสนคน เพราะอากาศที่ประเทศไทยอบอุ่น และในจำนวนกว่า 1 แสนคนที่ชาวคาซัคสถานมาเที่ยวประเทศไทย มักจะเดินทางไปยังภาคใต้ที่น้ำทะเลสวยใส และมีร้านสปาจำนวนมากให้บริการ แต่ถ้าหากเรามีการประชาสัมพันธ์เรื่องการแพทย์สมุนไพรให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น เชื่อว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะต้องชื่นชอบและเพิ่มจำนวนผู้มาใช้บริการอย่างแน่นอน