‘พระครูปลัดสิทธิวัฒน์’ ร่วมกับ จังหวัดนครปฐม

อบรมผู้ติดยาเสพติด ชี้แนวปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ตามที่พระเดชพระคุณพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพ่อน้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับนิมนต์จาก นายภิญโญ ประกอบผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และวัฒนธรรมจังหวัด นางฐิติรัตน์ เค้าภูไทย ได้นิมนต์ให้มาบรรยายอบรมผู้ติดยาเสพติด เมื่อวันที่ 23 ม.ค.61 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจังหวัดนครปฐม กองร้อยบังคับการและบริการ กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครปฐม ศูนย์ราชการ ศาลากลางจังหวัดนครปฐม ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม

สำหรับการอบรมครั้งนี้ จัดโดยจังหวัดนครปฐม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-28 ม.ค. 61 โดยมีผู้ติดยาเสพติดเข้ารับฟังจำนวน 100 คน มีอายุสูงสุด 58 ปี ต่ำสุด 15 ปี กลุ่มนี้คือผู้ติดยาเสพติด ระบบสมัครใจ

บรรยากาศก่อนการอบรม พระเดชพระคุณพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพ่อน้ำฝน นำผู้ติดยาเสพติด 100 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งหมด สวดมนต์โดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเป็นการเปิดการอบรม

หลวงพ่อน้ำฝน กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการลดละเลิกยาเสพติดให้สำเร็จได้นั้น โยมที่นั่งฟังทั้งหมดนี้ ต้องเริ่มจากการมีจิตสำนึกเสียก่อน ถ้าโยมมีจิตสำนึก จะทำให้เกิดความละอายใจ เมื่อลั่นวาจาปฏิญาณตนว่าจะเลิกอย่างเด็ดขาดนั้น ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และต้องใช้หลักในการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ภายใต้เหตุผล ถ้าโยมปฏิบัติตามสี่ ข้อนี้ได้ ความผิดพลาดในชีวิตก็จะน้อยลง สิ่งเสพติดก็เหมือน มาร มันมาพิสูจน์โยม ที่สำคัญโยมไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติดโดยเด็ดขาดในทุกกรณี เพราะถ้าเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว โยมไม่สามารถกลับตัวกลับใจได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นควรปรับปรุงตัวเรา สำเหนียกสอนตนเตือนตนเสมอว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำก็อยู่ที่เราทำตัว ไม่มีใครสามารถบังคับตัวโยมได้ ตอนนี้หน่วยงานราชการ จังหวัดนครปฐม ได้เล็งเห็นว่าพวกโยมสามารถปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ น่ายกย่องเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานราชการ หัวใจสำคัญถ้าโยมยังไม่ปรับปรุงตัว ต่อไปวันข้างหน้าโยมลำบากแน่นอน อาตมาสงสารพ่อแม่ของโยม นอกจากเลี้ยงดูโยมจนโตแล้ว ยังมาเสียใจกับเรื่องพวกนี้ รีบกลับตัวกลับใจ ตั้งใจเรียน ตั้งใจประกอบวิชาอาชีพ และตอบแทนด้วยการกตัญญูดูแลพ่อแม่ ที่อาตมามาพูดในครั้งนี้ ก็แค่พูดให้แง่คิดกับโยม เพราะเป็นสิ่งที่อาตมาเคยเจอมากับตัวเอง เคยเห็นมาแล้วมากมายสำหรับคนที่เสพยา ไม่มีใครเจริญ อยากให้ทุกคนนำไปคิด นำไปปรับใช้ อาตมาผ่านเรื่องราวมาแล้วมากมายในชีวิต ยกตัวอย่าง ถ้าโยมไปมีเรื่องต่อยตีกัน และถ้ามีคนมาหาเรื่องเรา ถ้าระงับใจไม่ได้ ก็ต้องออกไปต่อยตี ไปมีเรื่องกับเขา แต่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสสอนไว้ว่า “ถ้าชนะด้วยอาวุธ ก็จะสิ้นสุดที่ความแค้น แต่ถ้าใช้ธรรมะชนะแทนความขุ่นแค้น ก็จะหายไป” ถ้าใครมาหาเรื่องเรา เราก็ควรเดินหนี ไม่ต้องไปอยากมีเรื่องกับเขา ทุกๆอย่างต้องใช้เวลา ดังสุภาษิตที่ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เราแค่ชนะใจตัวเราเองก็พอ เหมือนกับสิ่งเสพติด ถ้าเสพมากๆ มันก็จะจบลงแค่สองทาง คือหนึ่งทำให้เราเพี้ยน สองถูกจับติดคุก แต่ถ้าไม่เสพ แล้วทำมาหากิน ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณ ก็มีเงินใช้ สามารถดูแลครอบครัว ฉะนั้นการปรับปรุงตัวไม่มีคำว่าสายเกินไป ใจของเราสำคัญที่สุด เปิดใจรับมัน คิดผิดก็คิดใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ครอบครัวมีความสุข ทุกคนต่างชื่นชม ไม่มีใครเขาซ้ำเติม ลองตั้งสัจจะว่า เราจะเลิกเสพ เลิกสูบบุหรี่

เลิกสิ่งเสพติดทั้งหลาย อย่าไปคิดถึงมัน มีคนบอก อาตมาว่า เลิกบุหรี่แล้วจะหงุดหงิดอย่างนั้นอย่างงี้ มันจะร้อน ร้อนแล้วเราก็อาบน้ำสิ จะไปสูบเพิ่มทำไม ร้อนก็อาบน้ำ ทำไปสักหนึ่งอาทิตย์ ให้มันค่อย ๆ ปรับตัว ไม่ต้องกลัวลงแดงตาย เพราะทุกคนก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา อาตมาก็ได้แค่ชี้แนวทางให้แสงสว่าง เหมือนเป็นการนำเสนองาน ที่เหลือก็แล้วแต่พวกโยม ที่จะพินิจพิจารณา ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องกลัว ว่าจะมีใครรังเกียจ อย่าไปสนใจ วัดไผ่ล้อมยินดีต้อนรับ ทุกคนมาบวชที่วัดได้เลย แต่ที่วัดไผ่ล้อม มีการตรวจสารเสพติดทุกสิบห้าวัน ขอเชิญมาบวช มาช่วยกันดูแลวัด ที่วัดไผ่ล้อมมีทั้งโครงการบวชฟรี เผาศพฟรี อย่างน้อย ๆ อาตมาก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน วันนี้ที่มาก็เพื่อมาเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนสู้ สู้กับยาเสพติด อาตมาเป็นผู้นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ที่อาตมาเคยประสบพบมา ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นไร ก็อยู่ที่ตัวพวกโยมทุกคน ทุกสิ่งเราสามารถนับหนึ่งใหม่ได้เสมอ ขอจงอย่าใช้ชีวิตให้มันติดลบ ติดลบในที่นี้หมายถึง การกระทำที่ทำให้ผู้อื่น หรือตัวเราเป็นทุกข์ และจงใช้ชีวิตให้มันติดบวกเข้าไว้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แล้วรำลึกถึงพระคุณพ่อ พระคุณแม่ก็พอ ไม่ต้องไปนึกถึงใคร นั่นคือความกตัญญู ไม่มีพ่อแม่คนไหนดีใจที่ลูกติดยาเสพติด มีแต่ทุกข์ใจ เสียใจ แต่พ่อแม่ก็ยังเข้าข้างลูก ไม่ว่าลูกจะทำชั่ว ทำเลวแค่ไหน พ่อแม่ก็ยังคงอยู่ข้างเรา ไม่เคยคิดไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเรา ทำอะไรไม่ดีก็กลับตัวกลับใจ ครอบครัวพ่อแม่ก็จะมีความสุข โยมแม่ของอาตมาพึ่งจะเสียชีวิตไป พ่ออาตมาเสียตั้งแต่อาตมามีอายุได้ขวบเดียว หมดแล้วทุกสิ่งเหลือไว้แค่คุณงามความดี ที่เราสามารถนึกถึงได้ พวกเรามาช่วยกันปรับแก้ไขตัวเอง ทำอะไรไม่ดีสุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขาจับ ติดคุก ถ้าเราไม่เสพสักอย่าง ต่อให้ใครมาจับกรอกปากเราก็ไม่เสพ ใครบอกว่าเลิกไม่ได้ เอาวิธีอาตมาไปใช้ มาวัดไผ่ล้อมในวัดมีครบ ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ มีหมดทุกหน่วยงาน ช่วยเหลือกันได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นใครไปบวช บวชได้แต่ถ้าเล่นยา ที่วัดไผ่ล้อมก็มีมาตรการ บวชอยู่กับวัดไผ่ล้อมต้องได้รับหลักธรรมในการดำเนินชีวิต ตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแน่นอน ถ้าถามว่าช่วยได้ไหม อาตมาตอบได้เลยว่าช่วยได้แน่นอน ขอแค่มีสี่ข้อนี้ ขยัน ซี่อสัตย์ อดทน และรู้บุญคุณคน ไม่มีทางที่จะนำพวกโยมไปเสพสิ่งเสพติด ถ้ามีจิตสามัญสำนึก ก็จะไม่มีการเสพสิ่งเสพติดได้อย่างแน่นอน อย่างที่อาตมาเขียนลงหนังสือหลายเรื่อง คนนี้เสพยาแล้วเป็นยังไง มีหมดเลยในหนังสือที่อาตมาเคยเขียน เรื่องราวต่างๆ ชีวิตมนุษย์มีหลายเรื่องหลายปัญหา สามีแอบไปมีกิ๊ก อาตมาก็เคยเขียน เพราะฉะนั้นเรื่องราวในโลกใบนี้มีเยอะแยะมากมาย ล้วนแต่เป็นภาพลวงตาทั้งนั้น สิ่งไหนที่มันดี มันช้ามันเหนื่อย แต่เราก็ต้องทำ ไม่มีคำว่าสาย อายุสิบห้าก็ยังไม่สาย จะห้าสิบห้าก็ยังไม่สาย ห้าสิบเจ็ดก็ยังไม่สาย ตราบใดที่โยม มีชีวิตอยู่ โยมจำไว้เลย ความดีไม่มีวันตาย แต่ความตายมีจริงแน่นอน ความดีสถิตตราบชั่วนิรันดร์ เราตายไปสักพักคนก็ลืม แต่สิ่งที่อยู่คือ คุณงามความดี ไม่ใช่ให้ใครเขาพูด คนนี่เสพยาจนตาย คนนั้นเสพยาแล้วไปลักขโมยของ โดนตำรวจวิสามัญตาย จงให้คนอื่นจำแต่สิ่งที่ดีๆในตัวเรา กลับตัวกลับใจตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ให้กลับตัว อาตมาแค่นำเสนอแสงสว่างให้กับพวกโยม อยู่ที่พวกโยมจะนำไปปรับใช้ได้อย่างไร อาตมาเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ เอาชนะยาเสพติด และเลิกอบายมุขทั้งหมดขอเจริญพร

หลังจากนั้น พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพ่อน้ำฝน ได้นำผู้ติดยาเสพติดสวดมนต์ เป็นอันเสร็จพิธี

…………………………..