ผู้ว่าฯ สกลนคร สั่งฝ่ายปกครองอำเภอพังโคน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับกุมผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า หลังมีชาวบ้านร้องเรียน และแจ้งเบาะแส

ผู้ว่าฯ สกลนคร สั่งฝ่ายปกครองอำเภอพังโคน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับกุมผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า หลังมีชาวบ้านร้องเรียน และแจ้งเบาะแส เน้นย้ำ บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากพบเบาะแส แจ้งสายด่วน 1567 ทันที

วันนี้ (6 มิ.ย. 67) นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า จังหวัดสกลนครได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดสกลนครได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีสังคมที่มั่นคง สงบเรียบร้อย และปลอดภัยจากยาเสพติด

นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดสกลนครได้รับร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่บ้านนาเหมือง ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในเขตพื้นที่อำเภอพังโคน ตนจึงได้สั่งการให้ที่ทำการปกครองอำเภอพังโคน นำโดยนายเสถียร ถวายชัย ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายธนวัต ประวีณานนท์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย สมาชิกร้อย อส.อ.พังโคน ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอพังโคน สภ.พังโคน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณที่ได้รับร้องเรียน พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริง โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 1 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก

“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นเข้าออกร้านที่มีลักษณะเป็นห้องแถว ชื่อร้าน Peach (พีช) เพื่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ชุดเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันวางแผนจับกุม โดยทำการส่งสายลับไปล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าภายในร้านดังกล่าว พร้อมแสดงตัวจับกุม พบผู้กระทำความผิด ชื่อ น.ส.ศุภาวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี พร้อมของกลาง ได้แก่ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 296 ตัว เครื่องเปลี่ยนหัว 20 ชิ้น หัวพอร์ตบุหรี่ไฟฟ้า 428 หัว น้ำยาเติม 20 ขวด ป้ายโปรโมชั่น 1 ป้าย เงินสดที่ได้จากการจำหน่าย 300 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา ดังนี้ 1. ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่องห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าน้ำยาเติม มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าอันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐานช่วยซ่อนเร้นช่วยจำหน่ายช่วยพาเอาไปเสียซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้องตามมาตรา 246 วรรคหนึ่งของพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินสี่เท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งทำบันทึกจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พังโคน เพื่อดำเนินคดีต่อไป“ นายณัฐวัสส์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวในช่วงท้ายว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดสกลนครได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิ การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติการครั้งนี้ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือยาเสพติด รวมทั้งการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข