โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจง กรณี กมธ.วิสามัญการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพ ยกข้ออ้าง

11 เมษายน 2567 นายนพดล เภรีฤกษ์ โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสมอ้างว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้ความเห็นทางกฎหมายแก่คณะกรรมาธิการฯ

ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่า การที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม อ้างว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้ความเห็นทางกฎหมายแก่คณะกรรมาธิการฯ ตามที่ขอ โดยให้เหตุผลว่าเพราะคณะกรรมาธิการฯ มิได้เป็นหน่วยงานของรัฐ นั้น

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องนี้คณะกรรมาธิการฯ ได้มีหนังสือหารือเพื่อขอความเห็นทางกฎหมายจากสำนักงานฯ ซึ่งเมื่อมีการหารือความเห็นทางกฎหมาย สำนักงานฯ จะต้องพิจารณาว่าการให้ความเห็นทางกฎหมายตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกฤษฎีกาตามมาตรา ๗ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าด้วยการรับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นการให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายแก่หน่วยงานของรัฐหรือตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหรือมติของคณะรัฐมนตรี ดังนั้น เมื่อคณะกรรมาธิการฯ มิได้เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าว สำนักงานฯ จึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้

ทั้งนี้ การขอให้สำนักงานฯ ให้ความเห็นทางกฎหมาย เป็นคนละกรณีกับการที่คณะกรรมาธิการฯ มีหนังสือขอให้สำนักงานฯ ไปชี้แจงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งสำนักงานฯ ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด