เผยแพร่ |
---|
รอง นรม. อนุทิน ชาญวีรกูล มอบนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและเป็นประธานประชุม “การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ” ร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
วันนี้ (17 พ.ย. 66) เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมห้องดำรงราชานุภาพและพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย ชั้น 1 อาคารราชวัลลภ และเป็นประธานมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและเป็นประธานการประชุม “การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ” โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการฝ่ายการเมือง 4 กระทรวง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษารักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงทั้ง 4 กระทรวงในกำกับได้มาประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งตนอยากจะให้เรามีเป้าหมาย มีเจตนารมณ์และภารกิจร่วมกันในการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ ซึ่งหน่วยงานของเรานั้นทำงานกับทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดกับประเทศเรา คือ ทรัพยากรมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านความมั่นคง ด้านสังคม และด้านการศึกษา ซึ่งเราจะทำให้เกิดความมั่นคงต่ออนาคตของประเทศไทย อนาคตเยาวชน ลูกหลาน ประชาชนทุกคนได้ ต้องมีการทำงานให้สอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เริ่มจาก “กระทรวงศึกษาธิการ” ที่ต้องดูแลประชากรตั้งแต่วัยแรกเริ่ม โดยการเสริมสร้างวิชาการที่ดี พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกรักในสถาบันหลักของชาติ ในส่วนของ “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” ซึ่งเป็นมันสมองในการพัฒนาความรู้ การวิจัยการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ระดับอุดมศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ซึ่งก็คือการส่งเสริมศักยภาพคนสร้างโอกาสในการทำงาน ด้วยการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วยองคาพยพที่มีอยู่ พร้อมเสริมสร้างสังคมของเราให้เป็นความวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ในส่วนของ “กระทรวงแรงงาน” ก็จะมีการเสริมสร้างศักยภาพคน สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพดูแลสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนโดยมี “สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ” ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ออกประกาศนียบัตรรับรองความสามารถฝีมือให้กับแรงงาน เพื่อพี่น้องประชาชนบางท่านอาจไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา จนถึงขั้นได้ใบรับปริญญา แต่ถ้าหากบางท่านมีความเชี่ยวชาญในทักษะส่วนตัว มีพรสวรรค์ ที่จะก่อให้เกิดคุณค่าในเชิงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มีการค้นพบหรือมีฝีมือในงานเฉพาะด้าน ก็จะอยากให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและกระทรวงแรงงาน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการตลอดจนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับรองความสามารถเฉพาะทางที่สามารถนำไปแทนใบปริญญาบัตรได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้การรับรองนี้นำไปสมัครงานพร้อมประกอบอาชีพที่มีความถนัดได้ ซึ่ง “กระทรวงมหาดไทย” มีความจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยแนวทาง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจพัฒนา คนพัฒนาชาติร่วมกัน
“ในวันนี้เรามาตอกย้ำกันว่า ความมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงมีความรู้ความสามารถ มีงานทำ มีรายได้เท่านั้น แต่ต้องมีคุณภาพครบวงจร คือมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งเรามีเป้าหมายในการสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม นี่คือเป้าหมายที่ผมต้องการให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ จริยธรรม และหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่การปัดฝุ่นของเก่า แต่เราต้องปลื้มใจภูมิใจที่ประเทศเรามีประวัติศาสตร์ เรารู้รากเหง้า วัฒนธรรมค่านิยมที่ดีของคนไทยที่มันหายไป ทุกวันนี้มีแต่การกระทำที่รุนแรง การกระทำที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป เราจะช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนที่อาจจะขาดการได้รับข้อมูลที่ทำให้เขามีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย เพื่อทำให้อนาคตของชาติ มีความศิวิไลซ์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่มีประเทศไทยมา” นายอนุทินกล่าวเน้นย้ำ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กระทรวงที่ตนกำกับดูแลในเรื่องของการศึกษา ได้มีการลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา อาทิ การเปิดโอกาสให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสอบเทียบระดับได้เร็วขึ้น ก็จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งในระดับครัวเรือนและภาครัฐส่วน ในระดับอุดมศึกษาอาจมีการเพิ่มภาระงานให้นิสิต นักศึกษา ได้เรียนมากขึ้นและจบการศึกษาได้ไวขึ้นก็จะทำให้ตัวนักศึกษาได้ประกอบอาชีพได้เร็วสามารถจุนเจือครอบครัวได้ และในส่วนของการคัดเลือกบุคคลเข้ารับข้าราชการ การสอบคัดเลือกควรเพิ่มเติมข้อสอบ ที่เกี่ยวกับการมีจิตสำนึกรักชาติ มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะอาจทำให้เรามีข้าราชการที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรับใช้พี่น้องประชาชน พร้อมที่จะสืบทอดการมีจิตสำนึกในความรักชาติให้ปรากฏต่อพี่น้องประชาชน
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีความภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง 4 กระทรวง ทั้งนี้ รัฐบาลและพวกเราให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยมุ่งเน้นการศึกษาเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศและสร้างคนดีมีคุณภาพให้กับประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพราะเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มุ่งพัฒนาการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา จนถึงการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีจริยธรรม ความรู้ ทักษะชีวิต และทักษะทางอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ขับเคลื่อนการศึกษาสอดคล้องตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แถลง
“การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการทำงานร่วมกันเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ไทย เข้าใจความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่จะสามารถดำรงตนเป็นพลเมืองดีที่มีคุณธรรมจริยธรรม สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและความรับผิดชอบต่อสังคม” พลตำรวจเอก เพิ่มพูนฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการเรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทย หลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือ เนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ. และในขณะนี้การดำเนินการที่สำคัญก็คือการสร้างคน ที่จะมาเล่าเรื่องหรืออธิบายความในเรื่องของประวัติศาสตร์ไทย สำหรับลูกหลานหรือพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ซึ่งปรากฎเห็นได้ชัดแจ้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่จังหวัดตาก ที่มีบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยครูของกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ จำนวน 70 กว่าคนในจังหวัดได้มีส่วนช่วยในการสอน ขณะที่ทุกจังหวัด ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการส่งเสริมและจัดหาหนังสือประวัติชาติไทยอยู่ในทุกจังหวัด แต่อาจจะยังไม่ครบทุกโรงเรียน ซึ่งจะได้ดำเนินการให้มีการขับเคลื่อนให้ครบถ้วนในทุกโรงเรียน และสุดท้าย เพื่อให้ความตั้งใจของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจริงอย่างแท้จริง ขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีวิชา “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” วิชา “หน้าที่พลเมือง” และวิชา “ศีลธรรม” แยกออกมาเป็นเอกเทศ เป็นวิชาชื่อหลักโดยตรง ส่วนเนื้อหาที่แทรกอยู่ในวิชาสังคมศึกษาก็ให้ยังคงอยู่ เพื่อให้เกิดกระบวนการในการเรียนรู้ในการเรียนการสอนสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนขึ้นนอกเหนือจากการแทรกอยู่ในสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“สำหรับการสอบคัดเลือกข้าราชการที่ให้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับความรักชาติ ศาสนา และสถาบันหลักของประเทศชาติ ในขณะนี้กรมการปกครอง ได้มีการเปิดสอบบรรจุตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็จะมีการทดสอบในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย และสุดท้ายนี้กระทรวงมหาดไทย นำโดยท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ยินดีที่จะสนับสนุนและนำสรรพกำลังในพื้นที่ที่จะช่วยสนับสนุนคุณครูในโรงเรียนให้มีความสะดวกสบาย สามารถดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชน ได้อย่างเต็มความสามารถ ตามนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันหลักของชาติให้ประสบความสำเร็จ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
จากนั้น ในเวลา 11.50 น. ที่โถงชั้น 1 อาคารราชวัลลภ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยและการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ” โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามบันทึกการตกลงในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของรัฐบาลในการบูรณาการการทำงานภาครัฐเพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ มีความพร้อม และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภาคราชการที่ผู้รับราชการนอกจากต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านแล้ว ต้องมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความเป็นพลเมืองดีที่ดี ภูมิใจ และเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันหลักของชาติที่มีต่อคนไทยทุกคน