5 จุดบอดสายตาเวลาขับรถ

ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากมีทัศนวิสัยไม่ดี มองไม่เห็นยานพาหนะ หรือสิ่งกีดขวางที่เข้ามาใกล้ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ วันนี้เราจึงจะมาบอกต่อ 5 จุดบอดสายตาที่ผู้ขับขี่ทุกท่านต้องระวัง เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

 

5 จุดบอดสายตาขณะขับรถ

  1. เสา A

เสา A คือเสาที่ติดตั้งกระจกคู่หน้าซึ่งอยู่ข้างสายตา รถบางรุ่นมีการติดตั้งเสา A ขนาดหนาและใหญ่เพื่อเสริมความปลอดภัย แต่ทำให้บดบังวิสัยทัศน์ขณะขับรถโดยเฉพาะด้านขวา เมื่อเลี้ยวรถหรือกลับรถผู้ขับขี่อาจมองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง หรือรถที่สวนออกจากมุมนั้น วิธีแก้คือต้องอาศัยการเอียงศีรษะมองข้ามเสา A เพื่อดูให้ชัดเจนแล้วค่อยขับต่อไป

  1. กระจกมองข้าง

เมื่อมีรถขับมาตีคู่รถของเรา จะเป็นจุดที่อยู่นอกเหนือการมองเห็นของกระจกมองข้าง ดังนั้นจึงควรปรับกระจกมองข้างทั้งด้านซ้ายและขวาให้กว้างที่สุด มองเห็นด้านข้างของตัวรถ พื้นถนน และเส้นแบ่งเลน และหมั่นมองถนนจริง ๆ ควบคู่ไปด้วย

  1. กระจกมองหลัง

หลายคนมักไม่ให้ความสำคัญกับกระจกมองหลัง และสร้างจุดบอดให้ตัวเองด้วยการนำสิ่งของไปวางไว้หลังรถจนบดบังกระจกมองหลัง ใครที่ทำอยู่ รีบแก้ไขด่วน! โดยไม่ควรวางของบริเวณคอนโซลหลังรถจนบังกระจกหลัง เพื่อให้กระจกมองหลังสามารถมองเห็นกระจกหลังรถได้ทั้งบาน ซึ่งการมองกระจกหลังจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อต้องการแซง เปลี่ยนเลน และถอยรถ

  1. จุดบอดจากการขับตามรถคันใหญ่

เมื่อขับตามรถคันที่ใหญ่กว่าโดยเฉพาะรถบรรทุก รถบัส จะทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นถนนข้างหน้าเหลือน้อยมาก ดังนั้นจึงควรเว้นระยะห่างให้มากที่สุด ให้อยู่ในระยะที่มองเห็นเลนที่สวนมาได้อย่างชัดเจน และไม่แซงซ้ายเป็นอันขาด เพราะด้านซ้ายเป็นจุดบอดของรถคันใหญ่ ผู้ขับขี่จะมองไม่เห็นเรา ทำให้เสี่ยงต่อการเกินอุบัติเหตุได้

  1. จุดบอดจากเส้นทาง

ทางโค้ง ทางลาดขึ้นลงเนิน เป็นเส้นทางที่ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นน้อยลง ดังนั้นเมื่อต้องใช้ทางโค้งผู้ขับขี่ควรชะลอความเร็ว ไม่แซง และเมื่อต้องใช้ทางลาดขึ้นลงเนินก็ไม่ควรใช้ความเร็วเช่นกัน เพราะเรายังมองไม่เห็นปลายทาง หากขับเวลากลางคืนแนะนำให้ใช้สัญญาณไฟสูงเพื่อแสดงให้รถที่สวนขึ้นมามองเห็นเรา

 

5 จุดบอดสายตาที่เรานำมาฝาก เป็นจุดที่สามารถพบเจอได้บ่อย ๆ ขณะขับขี่ ดังนั้นจึงควรศึกษาเอาไว้เพื่อให้ขับขี่อย่างปลอดภัย และเพื่อสร้างความอุ่นใจขณะขับรถมากขึ้น แนะนำให้มองหาประกันรถยนต์เอาไว้ เพื่อดูแลรถของคุณและคู่กรณีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยพิจารณาเงื่อนไขและความคุ้มครองที่จะได้รับให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประกันมีกี่ชั้น ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ เพื่อเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด