ปลัดมหาดไทยเปิดคอนเสิร์ตพี่ร้องให้น้องได้เรียน ครั้งที่ 6 ตอน “พังงาผาสุก” ชื่นชมโกไข่ เป็นศิลปินจิตอาสา ผู้สร้างโอกาสให้กับเด็กศิลป์

ปลัดมหาดไทยเปิดคอนเสิร์ตพี่ร้องให้น้องได้เรียน ครั้งที่ 6 ตอน “พังงาผาสุก” ชื่นชมโกไข่ เป็นศิลปินจิตอาสา ผู้สร้างโอกาสให้กับเด็กศิลป์ พร้อมเน้นย้ำผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ขยายผลส่งเสริมให้เด็กศิลป์ได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

วันนี้ (24 มี.ค. 66) เวลา 18:30 น. ที่อาคารโดม โรงเรียนเทศบาลบ้านย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมคอนเสิร์ตพี่ร้องให้น้องได้เรียน ครั้งที่ 6 ตอน “พังงาผาสุก” โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นาวาตรีหญิง โนสมา หลีเส็น ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพังงา นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางพิชญา เมืองเนาว์ นางทัศนีย์ ผลชานิโก นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ดร.จุมพล ทองตัน นายสุชาติ ชวางกูร นางทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล พร้อมด้วยคณะศิลปิน นางวัลลภา ธีระสานต์ ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน และภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดพังงา ร่วมในงานกว่า 1,000 คน

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ให้การสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภาคราชการภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน พร้อมร่วมรับชมการแสดงชุดรำวงมหาดไทย เพื่อคนไทย การแสดงหนูอยากขอบคุณ และการแสดงจินตลีลาประกอบเพลงพังงาผาสุก

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณและขอชื่นชม ดร.จุมพล ทองตัน หรือ “โกไข่” และพี่น้องภาคีเครือข่ายชาวจังหวัดพังงาผู้มีจิตอันเป็นกุศลในการสนับสนุนลูกหลานคนพังงาให้มีโอกาสที่ดีของชีวิตในด้านของงานวรรณศิลป์ ศิลปะ ทัศนศิลป์ต่าง ๆ ที่สังคมไทยเราให้ความสำคัญและส่งเสริมด้านความงดงามของศิลปะค่อนข้างน้อยกว่าด้านอื่น แต่ถือเป็นความโชคดีของลูกหลานชาวพังงาที่ “โกไข่” ได้เป็นผู้ริเริ่มในการเชิญชวนให้ท่านผู้มีเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ ๆ ศิลปินที่อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ได้พากันนำเอาความรู้ความสามารถมาช่วยทำให้เราได้มี กิจกรรมในการที่จะบริจาคเงินสำหรับเป็นทุนการศึกษา ส่งเสริมให้ลูกหลานชาวพังงาได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ได้พัฒนาตนเองในด้านของศิลปะด้านต่าง ๆ

“ผมดีใจที่ได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตพี่ร้องให้น้องได้เรียนในวันนี้ อันเป็นสิ่งดี ๆ ที่โกไข่ได้ทำด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี ความหวังดี มีคุณธรรมในการดำเนินการในทุกเรื่อง อันเป็นการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงอยากเห็นคนในสังคม “เป็นผู้ที่มีจิตอาสา” มีจิตเสียสละช่วยเหลือสังคม และขอเป็นกำลังใจให้คนทำดีทุกท่านได้มีพลังและมีกำลังใจ เพื่อให้ความดีนั้นได้ทำการสืบเนื่องต่อไป รวมทั้งขอให้ได้ช่วยกันเผยแพร่สิ่งดี ๆ เช่นนี้ให้แพร่กระจาย เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางและทั่วถึงในทุกจังหวัด เพื่อให้เด็กและเยาวชนคนไทยทุกคน ได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนชาวจังหวัดพังงา” ปลัด มท. กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้เชิญประชุมกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้สถานศึกษาในพื้นที่ ได้กำหนดหลักสูตรเพิ่มเวลาให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาตนด้านศิลปะแขนงต่าง ๆ ทั้งงานวรรณกรรม งานวาดรูป งานร้องเพลง งานรำ งานเต้น และอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการของแต่ละโรงเรียนจะเห็นร่วมกัน และขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้คิดริเริ่มสร้างสิ่งดี ๆ แบบโกไข่ โดยให้แต่ละจังหวัดได้ตั้งกองทุนการศึกษาส่งเสริมเด็ก ๆ ที่มีความชอบและอยากพัฒนาตนเองด้านศิลปะให้เกิดขึ้น เพราะงานด้านนี้มักถูกละเลย และสังคมไม่ค่อยสนับสนุน เนื่องจากทุนการศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นทุนการศึกษาเรียนดี ซึ่งเด็กด้านศิลปะมักจะมีผลการศึกษาในภาพรวมไม่ค่อยดี แต่เด็กกลุ่มนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ มีความสามารถ มีใจรัก อยากจะเป็นผู้ที่มีฝีมือด้านศิลปะ

“การที่พวกเราทำสิ่งดี ๆ นี้ ถือเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้งในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ การเปิดโอกาสให้คนได้มีโอกาสในการศึกษา มีความเท่าเทียม และที่สำคัญที่สุด พวกเราไม่เคยลืมสิ่งที่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายได้สอนไว้ว่า “การศึกษาจะทำให้เด็กได้เติบใหญ่เป็นคนดี เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ” ซึ่งนัยสำคัญของความหมายนี้ก็คือ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” นั่นเอง” ปลัด มท. กล่าวในช่วงท้าย

ด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จังหวัดพังงา ประกอบด้วย 8 อำเภอ 48 ตำบล 321 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 13 เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล 36 แห่ง ถือเป็นจังหวัดที่มีสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เป็นอันดับต้นของประเทศ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้ามาพักผ่อนและใช้จ่ายเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี โดยชาวพังงาอยู่แบบพอเพียง เรียบง่าย ตามวิถีและอัตลักษณ์ของจังหวัดและตามนโยบาย“พังงาผาสุก” 4 สุข ที่กระผมขับเคลื่อน คือ เศรษฐกิจดี,สังคมดี,สุขภาพดี,และสิ่งแวดล้อมดี และดีอีกอย่างของชาวพังงาก็คือ การที่มีคนดีอยู่มากมาย จนสามารถรวมพลังจัดตั้งกองทุน“พี่ร้องให้น้องได้เรียนจังหวัดพังงา” ขึ้นมาได้ ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2561 ที่ผ่านมา โดยจังหวัดพังงา จะได้นำนโยบายของท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย และสิ่งดี ๆ ที่โกไข่ได้ริเริ่มและขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องนี้ ขยายผลร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีของจังหวัดพังงา เพื่อให้เด็กและเยาวชนชาวพังงา ได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต ได้รับการพัฒนาทักษะด้านศิลปะ เป็นคนดีของสังคม และสืบสาน รักษา ต่อยอด ขยายผลสิ่งที่ดีนี้ไปสู่รุ่นน้องรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน

นางสาวชลดา ชูดวง ผลผลิตกองทุนพี่ร้องให้น้องได้เรียน กล่าวว่า “ศิลปะ” เป็นสิ่งที่อยู่ในตัวทุกคน แต่การส่งเสริมศิลปะโดยตรงหรือวิชาเกี่ยวกับดนตรี และศิลปะต่าง ๆ เป็นเรื่องของสมองซีกขวา ที่ได้รับการพัฒนาจากการร้องเพลง วาดรูป เรียนเล่น เรียนรำ ซึ่งเมื่อสมองซีกขวาได้ทำงาน สมองซีกซ้ายได้พักผ่อน จะทำให้เมื่อได้กลับมาเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ก็ทำให้เรียนได้ดีขึ้น ด้วยแนวคิดนี้นี่เองที่โกไข่และผู้ใหญ่ใจดี ได้รวมตัวกันก่อตั้งกองทุนพี่ร้องให้น้องได้เรียนนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2561 ด้วย passion ที่ต้องการสนับสนุนนักเรียนที่เรียนในด้านสุนทรียศาสตร์ พัฒนาครูด้านดนตรีและศิลปะ รวมถึงซ่อมแซมเครื่องดนตรี ทำให้พวกเรา และน้อง ๆ ได้มีโอกาสพัฒนาตนเอง

“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านได้ค้นพบกับศิลปะที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ซ่อนอยู่ในหัวใจ และนำมาใช้ดำเนินชีวิตให้เหมือนกับที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “คนที่มีศิลปะคือคนที่คิดเป็น ใช้เป็น ทำเป็น” และขอความอนุเคราะห์ท่านผู้ใหญ่ใจดีได้ช่วยเพิ่มวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะให้มากขึ้น เพราะมันมีคุณค่าของชีวิตพวกหนูจริง ๆ” นางสาวชลดาฯ กล่าวเพิ่มเติม