ชีวิตต้องสู้ ‘ธวัชชัย ศรีทอง’ จากเด็กเกาะสีชัง ก้าวสู่ผู้ว่าฯ ชลบุรี มุ่งสร้างบ้านเกิดให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน

ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างในนิทาน สีสันของชีวิตก็คือการได้ก้าวผ่านด่านอุปสรรคต่างๆ ที่ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเจอแล้วจะอยู่กับสิ่งที่เจอและผ่านไปให้ได้อย่างไร นั่นคือสิ่งจำเป็นที่ต้องคิดทบทวนต่อไป ซึ่งหากเราใจสู้ไม่ว่าจะพบกับปัญหาอะไรก็ตาม ต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ คุณธวัชชัย ศรีทอง หรือ แจ้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ชีวิตในวัยเด็กเติบโตมาบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี มีพี่น้องทั้งหมด 14 คน และยังมีน้องสาวบุญธรรมอีกหนึ่งคน คุณพ่อเป็นเจ้าหน้าที่การทางรถไฟแห่งประเทศไทย ทำงานโรงโม่ระเบิดหิน ที่จะนำหินไปทำรางรถไฟ ซึ่งพี่น้องทุกคนพักที่บ้านพักราชการในโรงโม่หิน คุณธวัชชัยก็ต้องช่วยงานทางบ้าน อะไรที่พอช่วยได้จะรีบช่วยโดยทันที เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่มีลูกมาก ทุกคนจึงต้องช่วยกันทำงาน

คุณธวัชชัยเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเกาะสีชัง โดยในระหว่างเรียน ต้องเดินเท้า เลาะป่า เลาะหน้าผา รวมทั้งทางเดินแคบๆ เลียบทะเล จากโรงโม่หินมาเรียนหนังสือ ระยะทางไปกลับกว่า 4 กิโลเมตร และในตอนเย็นเมื่อจะเดินทางกลับบ้านต้องให้พ่อมารับ เพราะไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างนำทาง ส่วนเวลาอ่านหนังสือเรียนต้องจุดตะเกียงอ่านหนังสือเพราะบ้านพักไม่มีไฟฟ้า น้ำจืดก็มีแต่บ่อน้ำในโรงโม่หินเอาไว้อาบน้ำ แม้กระทั่งเตารีดก็ยังคงใช้เตารีดที่ใส่ถ่านหุงข้าวให้เกิดความร้อน และเมื่ออยากดูทีวีก็ต้องเดินเท้าจากบ้านพักไปที่ตลาดกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อไปขอนั่งดูทีวีที่ร้านค้า “ผมมีความฝันว่าอยากไปเรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัดชลบุรี คือ โรงเรียนชลราษฎรอำรุง อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งขณะนั้นยังเป็นโรงเรียนชายล้วน และผมก็สอบติดจนได้เรียน จากชีวิตเด็กบนเกาะเดินทางเข้าเมืองมาหาความรู้ ต้องนั่งเรือโดยสารจากเกาะสีชัง มาเรียนหนังสือ วันไหนคลื่นลมแรงชุดนักเรียนก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล ซึ่งในช่วงแรก ต้องตื่นแต่เช้านั่งเรือโดยสารจากเกาะสีชัง มาโรงเรียนไปกลับอยู่ทุกวัน” คุณธวัชชัย เล่า

พร้อมบอกอีกว่า ขณะที่เรียนอยู่โรงเรียนชลราษฎรอำรุง จะมาถึงโรงเรียนสายตลอดจนถูกคุณครูลงโทษ ซึ่งเมื่อคุณครูทราบเรื่องราวที่ผ่านมาถึงความยากลำบากของการเดินทางมาเรียนหนังสือ ก็ทำบัตรมาสายให้ถึง 9 โมงเช้า แต่เนื่องจากการเดินทางเป็นอุปสรรคในการเรียน จึงมาอาศัยอยู่กับพระที่วัดธรรมนิมิต อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยจะกลับบ้านที่เกาะสีชัง เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเมื่ออาศัยวัดได้ 1 ปี พระที่อาศัยอยู่ด้วยก็ถูกรถชนเสียชีวิตขณะออกบิณฑบาตในตอนเช้า จึงต้องมาอาศัยอยู่กับเพื่อนของพ่อ ที่สถานีตรวจอากาศ จ.ชลบุรี จนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อเรียนจบก็มาสมัครสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย โดยเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่สอบไม่ติด จึงเบนเข็มมาเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ การโรงแรมและการท่องเที่ยว โรงเรียนสยามธุรกิจบัณฑิต ซึ่งเป็นหลักสูตรเร่งรัด 1 ปี โดยเรียนไปด้วย และทำงานเสิร์ฟตามโรงแรมต่างๆ ควบคู่กัน อาทิ โรงแรมเอราวัณ โรงแรมเอเชีย ได้ค่าแรงวันละ 120-150 บาท

หลังจากทำงานโรงแรมเสร็จ ช่วง 4 ทุ่มถึงตี 2 ก็มารับจ้างขายผลไม้ ที่ประตูน้ำ โดยลงทะเบียนเรียนคณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ควบคู่ไปด้วย ซึ่งใช้เวลาเรียน 3 ปี ก็สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี และสอบบรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกได้เป็นปลัดอำเภอ อ.เมือง จ.แพร่ และค่อยๆ เติบโตก้าวเป็นหัวหน้ากลุ่มงานในจังหวัดต่างๆ จนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการถึง 3 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี และชลบุรี  “ผมมีความมุ่งมั่นว่า ต้องเรียนหนังสือให้ได้ดี จะได้ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ คือ คุณพ่อต้องการให้เรียนเกี่ยวกับการปกครอง เป็นนายอำเภอก็พอ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมากนัก แต่แรงบันดาลใจที่ผลักดันให้อยากก้าวไปข้างหน้า เพราะเราเคยลำบากมาก่อน จึงคิดว่าเราน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ จนต้องสู้และมีความอดทนมาโดยตลอด”   ในที่สุดความพยายามที่ตั้งใจทำงานและสู้อดทนมาโดยตลอดก็ประสบผลสำเร็จ

โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 คุณธวัชชัยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง จึงมีความมุ่งมั่นแรงกล้าพร้อมนำพาชลบุรีก้าวไปสู่จังหวัดที่มีความเข้มแข็ง มีความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม รวมทั้งสร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับรายได้และให้ทุกคนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น แต่เนื่องด้วยชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลาย ทั้งยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว จึงมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่งในการทำงาน อีกทั้งขณะนี้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเริ่มเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ อินเดีย มาเลเซีย รัสเซีย จึงต้องมีการวางแผนรับมือล่วงหน้ารองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จังหวัดให้ความสำคัญคือ การปรับตัวของผู้ประกอบการโรงแรม เนื่องจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อธุรกิจโรงแรม ทั้งการขาดแคลนแรงงาน หรือโรงแรมต่างๆ ปิดตัวลงไป เป็นต้น และเพื่อเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา

คุณธวัชชัยจึงได้เปิดสมาคมการท่องเที่ยวและบริการศรีราชาเกาะสีชัง ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์ด้านธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารธุรกิจการท่องเที่ยว ตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิก ให้เกิดความร่วมมือและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จนนำไปสู่การกระตุ้นการใช้จ่ายในสถานที่ท่องเที่ยวภายในพื้นที่ศรีราชา เกาะลอย และเกาะสีชัง ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่คุณธวัชชัยได้เร่งดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงเป็นการรับมือรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น นโยบายที่สำคัญและต้องทำให้ได้เมื่อเข้ามาทำหน้าที่เป็นพ่อเมืองชลบุรี คือ ต้องการทำให้ชลบุรีเป็นเมืองสะอาดและมีความน่าอยู่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เข้ามา รวมทั้งเน้นเรื่องอุตสาหกรรมสีเขียว โดยต้องเป็นการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมและสังคมไปพร้อมกัน นอกจากนี้ คนทั่วไปอาจมองว่า ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีความเจริญและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดสูง แต่จริงๆ แล้วนั้นมีสิ่งที่ซุกซ่อนไว้ภายใต้ความเจริญเหล่านี้คือ ความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่แนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนและครอบคลุมมากที่สุด

เห็นได้ว่า คุณธวัชชัย ศรีทอง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาให้ชลบุรีเป็นเมืองที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ฯลฯ เพื่อหวังให้ชลบุรีเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน และพร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไป “ผมเป็นคนชลบุรี อย่างน้อยที่สุดผมก็ต้องทำงานให้คนชลบุรี จึงอยากจะปรับปรุงและแก้ไข เพื่อพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองให้มีความน่าอยู่และปลอดภัยมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมีแรงผลักดันและตั้งเป้าหมายในการทำงานไว้คือ ผมจะทำงานโดยไม่เอาเปรียบประชาชน และพร้อมที่จะเข้าใจถึงความลำบากของทุกคน ซึ่งหากเรามีความมุ่งมั่นและจริงใจที่จะทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผมเชื่อว่างานทุกงานที่ลงมือทำไปนั้นจะประสบผลสำเร็จตามที่เรามุ่งหวังอย่างแน่นอน”