มูลนิธิเอสซีจีแจ้งเกิดยุวศิลปินไทยเลือดใหม่ โครงการรางวัล Young Thai Artist Award 2017 รางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

มูลนิธิเอสซีจีแจ้งเกิดยุวศิลปินไทยเลือดใหม่

โครงการรางวัล Young Thai Artist Award 2017

รางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

“การสร้างสรรค์งานศิลปะ ว่าต้องประกอบขึ้นจากความรู้ความเข้าใจในศิลปะอย่างถ่องแท้ ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติและความรักในสิ่งที่ทำ แต่เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะนึกถึงคุณสมบัติ อีกอย่างหนึ่ง คือ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งน่าจะเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ ได้แท้จริง จึงขอให้ทุกคนพิจารณาเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แล้วตั้งใจพยายามพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีคุณสมบัติพร้อม ที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะอันงดงาม และทรงคุณค่า เพื่อสืบสานจรรโลงความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมของชาติสืบไป” ความตอนหนึ่งในพระราโชวาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ประจำปีการศึกษา 2559

มูลนิธิเอสซีจีองค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งมั่นเรื่องการพัฒนาคน และตระหนักถึงการสนับสนุนพัฒนาศักยภาพเยาวชนที่มีความสามารถด้านศิลปะ จึงได้ริเริ่มโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย หรือ Young Thai Artist Award ขึ้นตั้งแต่ปี 2547 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มีพื้นที่ในการแสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถด้านศิลปะถึง 6 สาขาได้แก่ สาขาศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี โดยถือเป็นเวทีการประกวดศิลปะระดับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศ ซึ่งนอกจากจะมุ่งส่งเสริมให้ยุวศิลปินไทยได้มีเวทีในการแสดงออกถึงความสามารถทางศิลปะแล้ว ยังสนับสนุนกิจกรรมอื่นอันจะเป็นการส่งเสริมศักยภาพยุวศิลปินรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพเพื่อยกระดับวงการศิลปกรรมไทยเติบโตและได้รับการยอมรับในระดับสากล

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า การจัดแข่งขันในปีนี้ มีน้อง ๆเยาวชนที่มีหัวใจรักงานศิลปะจากทั่วประเทศส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 300 ชิ้นงาน และได้รับ การพิจารณาคัดเลือกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขา จนเหลือผลงานสร้างสรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจำนวน 36 ชิ้นงานที่ได้รับรางวัล

“ปีนี้ทางมูลนิธิฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลยอดเยี่ยมแก่น้อง ๆ ยุวศิลปินทั้ง 6 สาขา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ถือเป็นเกียรติประวัติ เป็นขวัญ และกำลังใจให้กับเหล่ายุวศิลปินไทยอย่างสูงสุดที่จะได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในอนาคต ซึ่งโครงการรางวัลยุวศิลปินไทยครั้งนี้ ยังคงสร้างมาตรฐานการประกวดด้านศิลปะในประเทศให้มีระดับสูงทัดเทียมกับนานาชาติ โดยทุกผลงานได้รับการการันตีคุณภาพจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ ที่ได้ให้เกียรติมาร่วม

การตัดสิน รวมกว่า 70 ชีวิต อาทิ ศาสตราจาย์เดชา วราชุน อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อ.ชมัยภร แสงกระจ่าง และคุณนนทรีย์ นิมิบุตร เป็นต้น สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลเราจะจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า และนิทรรศการพิเศษโครงการยุวศิลปินไทยสัญจร ณ หอศิลปะและการแสดงนครลำปาง บ้านบริบูรณ์ เพื่อให้น้อง ๆ เยาวชนได้สัมผัสถึงผลงานศิลปะที่เปี่ยมไปด้วยพลังเชิงชั้นศิลปะที่มีอัตลักษณ์ของยุวศิลปินรุ่นใหม่” สุวิมล กล่าว

ยุวศิลปินเลือดใหม่เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมจากผลงานใน สาขาศิลปะ 2 มิติ อย่าง นายธีรวุฒิ คำอ่อน นิสิตคณะจิตกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงานปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานว่า ปัจจุบันการบูรณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการบูรณะในลักษณะทำรูปแบบใหม่แทนที่วัตถุเดิม การปรับปรุงจึงกลายเป็นการเปลี่ยนแปลง และทำให้คุณค่าของศิลปะอันล้ำค่านั้นลดลง

“ผมอยากถ่ายทอดเทคนิดผ่านภาพพิมพ์แกะไม้ในบรรยากาศนุ่มนวล โดยในภาพจะมีลักษณะเป็นเหมือนม่านบังฉากในการบูรณะ เพื่อสื่อถึงความหวังและตั้งคำถามในการบูรณะโบราณสถานว่าเป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง รางวัลยอดเยี่ยมที่ได้รับมีความหมายกับผมมาก เพราะเป็นผลงานชิ้นแรกที่ส่งเข้าประกวด และเป็นความภาคภูมิใจ กำลังใจที่จะทำงานด้านศิลปะต่อไป” ธีรวุฒิ กล่าว

ขณะที่นายอนิเทพ คูณทอง นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เจ้าของผลงาน สัมพันธ์ภาพของรูปทรง รางวัลยอดเยี่ยมสาขาศิลปะ 3 มิติ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานว่า ตนต้องการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของรูปทรงธรรมชาติกับรูปทรงเรขาคณิต ที่มีความแตกต่างกันในด้านรูปแบบ ซึ่งทั้งสองแบบนั้นมีความขัดแย้ง แต่เมื่อได้รังสรรค์ออกเป็นผลงานสามารถนำมารวมกันได้อย่างมีเอกภาพ

“แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานนี้เกิดจากการนำสิ่งที่ขัดแย้งของคู่ตรงข้ามกันมาอยู่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพและมีพลัง ซึ่งคู่ตรงข้ามมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม ภาษา พฤติกรรมของมนุษย์ที่มีความหลากหลายแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างประสานกลมกลืน โดยการจัดองค์ประกอบของรูปทรงจะแสดงให้เห็นถึงพลังการเคลื่อนไหวของชิ้นงาน และโครงสร้างของรูปทรงมีความแข็งแรง มีเหตุผลในการยึดเกาะที่ดูแล้วมีพลัง” อนิเทพ กล่าว

โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย Young Thai Artist Award

มูลนิธิเอสซีจีเชื่อมั่นว่าสังคมคุณภาพจะต้องประกอบด้วย ‘คนเก่งและดี’ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเน้นที่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาชาติในอนาคต และตระหนักด้วยว่าเยาวชนแต่ละคนนั้นมีความสามารถที่แตกต่างกันสมควรได้รับการสนับสนุนพัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะความสามารถด้านศิลปะ จึงได้ริเริ่มโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย หรือ Young Thai Artist Award ซึ่งเป็นเวทีการประกวดศิลปะสำหรับเยาวชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ มาตั้่งแต่ปี 2547 เพื่อให้เวทีแห่งนี้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสสานฝันให้เยาวชนผู้รักงานศิลป์จาก ทั่วประเทศได้ส่งผลงานสร้างสรรค์เข้าประชันเชิงชั้นด้านศิลปะถึง 6 สาขาได้แก่ สาขาศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี โดยได้รับความร่วมมืออันดีจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศที่เปิดสอนด้านศิลปะ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, วิทยาลัย ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และองค์กรที่ได้รับการยอมรับในด้านศิลปะอย่าง สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย จัด Young Thai Artist Award เวทีการประกวดที่มีมาตรฐานการคัดเลือกผลงานที่เข้มข้น ตลอดจนมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะที่ทรงเกียรติร่วมพิจารณา ประกอบด้วย ศิลปินแห่งชาติ กลุ่มคณาจารย์ ศิลปินอิสระ ที่ทรงคุณวุฒิกว่า 60 ท่าน เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนคนรักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานและมีเวทีในการแสดงออกถึงความสามารถสู่สาธารณชน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาศักยภาพวงการศิลปะไทยให้ ก้าวไปสู่การยอมรับในระดับสากลเพื่อเป็นรากฐานสำคัญต่อวงการศิลปะ

และเพื่อเป็นเกียรติประวัติของน้องๆ ยุวศิลปินไทยทั้ง 6 สาขาที่ได้รับรางวัล ตลอดจนเผยแพร่ผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่สมเป็นเลือดใหม่แห่งวงการศิลปะไทย ให้ประชาชนชาวไทยได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีโอกาสชื่นชมสัมผัสความงดงามของศิลปะ ทางมูลนิธิฯ จะนำผลงานจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ เป็นระยะเวลา 1 เดือน

นอกจากการจัดการประกวดแล้วมูลนิธิฯ ยังได้มุ่งสนับสนุนให้ผู้ที่ได้รับรางวัลได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นศิลปินระดับมืออาชีพ โดยน้องๆ ยุวศิลปินไทยผู้รับรางวัลยอดเยี่ยมจะได้รับเงินรางวัล 150,000 บาท แล้วยังมีโอกาสได้เดินทางทัศนศึกษาสัมผัสศิลปะระดับโลก เพื่อเปิดโลกทัศน์ เพิ่มพูนทักษะความรู้ทางศิลปะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานศิลปะต่อไปในอนาคต และสำหรับผู้ได้รับรางวัลดีเด่นได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท ทั้งนี้มูลนิธิฯ ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพต่อยอดความสามารถ

ของยุวศิลปินไทยให้ได้รับโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพด้านศิลปะสู่สายตาสาธารณชนในเวทีสากล อาทิ สนับสนุนการเดินทางไปเป็นศิลปินพำนัก หรือไปจัดแสดงผลงานศิลปะในต่างประเทศ

ในปีนี้นับเป็นปีปฐมบทแห่งความภาคภูมิใจในรางวัลอันทรงเกียรติที่สำคัญยิ่งสำหรับโครงการ รางวัลยุวศิลปินไทย เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์วิศิษฏศิลปิน ผู้ทรงมีพระอัจริยภาพด้านศิลปะจนเป็นที่ยอมรับและประจักษ์ชัดในวงการศิลปะ อาทิ วรรณศิลป์ สังคีตศิลป์ และทัศนศิลป์ ทรงเป็นปราชญ์ด้านศิลปะวัฒนธรรมที่มีคุณูปการต่อวงการศิลปะไทย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลยอดเยี่ยมแก่น้องๆ ยุวศิลปินทั้ง 6 สาขา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ยังความปลาบปลื้มมาสู่เหล่ายุวศิลปินไทย คณะกรรมการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการฯ ทุกคนทุกฝ่าย รวมทั้งมูลนิธิเอสซีจี ถ้วยพระราชทานนี้ได้รับการออกแบบโดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ พิษณุ ศุภนิมิตร ศิลปิน นักเขียน และอาจารย์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

นอกจากนั้นในปีนี้มูลนิธิฯ ได้ขยายพื้นที่จัดแสดงและ เผยแพร่ผลงานศิลปะให้กว้างขวางออกไปไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงในเมืองหลวงเท่านั้น โดยได้นำผลงานของศิลปินรุ่นเยาว์ไปจัดแสดง ณ หอศิลปะและการแสดงนครลำปาง บ้านบริบูรณ์ บริเวณชุมชนกาดกองต้าที่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามทางประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม ของจังหวัดลำปาง ถือเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปะท้องถิ่น และเป็นโอกาสอันดีของเหล่ายุวศิลปิน ตลอดจนประชาชนคนทั่วไปที่จะได้สัมผัสสุนทรียะแห่งการบรูณาการทางศิลปะร่วมสมัยจากยุวศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินแห่งล้านนา

มูลนิธิเอสซีจียังคงมุ่งมั่นให้การสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถด้านศิลปะอย่างเต็มที่อันสะท้อนเจตนารมณ์ของมูลนิธิฯ ในการถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและเชื่อมั่นในคุณค่าของคนมาโดยตลอด นอกจากจะมุ่งส่งเสริมให้ยุวศิลปินไทยได้มีเวทีในการแสดงออกถึงความสามารถทางศิลปะแล้ว ยังสนับสนุนกิจกรรมอื่นอันจะเป็นการส่งเสริมศักยภาพยุวศิลปินรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพเพื่อยกระดับวงการศิลปกรรมไทย

เติบโตและได้รับการยอมรับในระดับสากล